ตอนที่ 8 ทนอึดอัด
ภายในห้องพักคับแคบ คนสองคนที่เกลียดขี้หน้ากันต้องทนอึดอัดอยู่ร่วมกัน กว่าเวลาจะผ่านไปแต่ละชั่วโมงช่างเนิ่นนานจนแทบจะขยุ้มหัวกินกันให้ตายไปข้างหนึ่ง
ธาดานอนบนเตียงกว้างเขี่ยโทรศัพท์บ้างหยิบรีโมทเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปมาจนเบื่อหน่าย ร่างหนาถอนหายใจอย่างหงุดหงิดเหลือบมองนาฬิกาบนข้างฝาห้องพึ่งจะผ่านไปแค่เที่ยงวัน
“อยากกินอะไรจะได้สั่ง”เขาเอ่ยถามเสียงแข็งแต่เธอไม่ตอบเขาเลยมองบนโซฟาที่ปิ่นมุกนอนคลุมผ้านวมท่วมหัว
“ไม่กินก็ไม่ต้องกิน”ธาดาหงุดหงิดเสียงเหวี่ยงกดโทรศัพท์โทรออกไปสั่งอาหารกับลูกน้อง ระหว่างรอสายก็มีเสียงแหบแห้งพูดขึ้น
“ขอข้าวต้ม ขอยาพาราด้วย”หญิงสาวนอนคลุมโปงตะแคงหันหน้าเข้าเบาะโซฟา
“ไม่สบาย?”
“ตัวร้อนนิดหน่อย”เสียงหวานอ่อนแรงเมื่อวานเธอต้องวิ่งหนีจนหอบ โดนเขาพุ่งใส่จนล้มกลิ้งเนื้อตัวถลอกหัวเข่าก็กระแทกพื้นต้องนอนปวดทั้งคืน ในตอนเช้าอาการจะดีขึ้นก็โดนเขาพรากความบริสุทธิ์ไปอีก ร่างกายบอบบางไม่คุ้นเคยกับความสมบุกสมบันทำให้เธออ่อนแรงปวดเมื่อยจนเป็นไข้
ธาดาไม่หือไม่อือ โทรศัพท์ไปสั่งอาหารและยาให้แล้วนอนเล่นต่อไม่สนใจ ไม่นานนักลูกน้องถือถาดอาหารและยามาวางไว้ที่หน้าห้องพักแล้วเคาะประตูเรียก ธาดาลุกเดินหน้านิ่วไปหยิบถาดอาหารเข้ามาภายในห้อง
“กินข้าวซะ จะได้กินยา”
เขาวางข้าวต้มกับยาวางไว้บนโต๊ะรับแขก ส่วนตัวเองถืออาหารไปนั่งแยกกินที่เก้าอี้อีกมุมห้อง หญิงสาวโผล่ออกมาจากผ้านวมค่อย ๆ เขยิบตัวนั่งหยิบช้อนมาตักข้าวปากอย่างอ่อนแรง ธาดาแอบมองท่าทางอ่อนล้าของเธอแล้วเหล่มองไล้ขึ้นดวงหน้าสวยซีดเผือดคล้ายคนไม่สบาย ในตอนแรกเขาคิดว่าเธอแกล้งสำออยพอได้เห็นสีหน้าท่าทางเธอแล้วกลายเป็นต้องเปลี่ยนความคิดในทันที
ปิ่นมุกฝืนกลืนข้าวต้มทั้งที่กินไม่ลง เมื่อหยอดเข้าต้มเข้าร่างกายเรียบร้อยก็เข้าสู่โหมดทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง
“ฝากเก็บทีนะ ฉันไม่ไหว ขอบคุณ........”
เสียงหวานอ่อนแรงปิดเปลือกตาหลับลงอย่างง่ายดาย ร่างหนาเดินมาชะเง้อดูอาการเห็นเธอหลับใหลหายใจสม่ำเสมอก็ไม่อยากรบกวน พลางหันไปมองนาฬิกาบนข้างฝาเพื่อดูเวลาที่ต้องปลุกเธอขึ้นมากินยา
เวลาผ่านไปสี่ชั่วโมง ธาดาเขย่าแขนเรียวปลุกให้ปิ่นมุกตื่นขึ้นมากินยา ร่างบางสะลึมสะลือลุกนั่งอย่างเชื่องช้ารับยาพารามากินแล้วทิ้งตัวนอนลงหลับต่อ จนเวลาพลบค่ำเขาก็ปลุกให้กินข้าวกินยาปิ่นมุกลุกนั่งเร็วขึ้นหน้าสวยเริ่มมีเลือดฝาดเหงื่อซึมขอบไรผมใกล้สร่างไข้ ธาดามองอาการที่ดีขึ้นของเธอก็สบายใจเมื่อทานข้าวทานยาเสร็จปิ่นมุกก็ทิ้งตัวหลับอีกครั้ง
ครบสี่ชั่วโมงในช่วงกลางดึก
ธาดาเดินมานั่งลงข้างโซฟาแตะหลังมือลงหน้าผากมนความร้อนเริ่มคลาย ปิ่นมุกปรือตามองเขาแล้วกระพริบตาถี่
“หิวข้าว...”น้ำเสียงหวานแหบแห้ง
“ดึกแล้วจะไปหาข้าวจากไหน”คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างหงุดหงิด
“ไม่เป็นไรค่อยกินตอนเช้าก็ได้........”ร่างบางพลิกตัวตะแคงหันหนีอ่อนแรง ธาดานั่งครุ่นคิด
“กินขนมปังได้ไหมล่ะ มีติดกระเป๋ามา”สิ้นเสียงทุ้ม ปิ่นมุกหันขวับยิ้มแห้งพยักหน้ารัว ๆ เขาส่ายหน้าไปมาลุกขึ้นไปหยิบขนมปังส่งให้หญิงสาว สายตาคมมองเธออย่างสับสนงงว่าเขาต้องกลายเป็นขี้ข้าเหยื่อที่ตามล่ามาได้ยังไง
“ขอบคุณนะ” ริมฝีปากบางยกยิ้มน้อย ๆ แววตาเป็นประกายดีใจได้ของกินแก้หิว ธาดาพยักหน้าหน้าตึงแต่เผลอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วหุบยิ้มดึงหน้าเคร่งขรึม
ปิ่นมุกกินอิ่มนั่งลูบท้องสบายอารมณ์แล้วกินยาตามเวลาเอนตัวนอนพลิกตะแคงห่มผ้านวมอุ่นหลับตาลงนอนให้ร่างกายพักผ่อนจะได้ฟื้นตัวเร็วๆ
.
. ปิ่นมุกรู้สึกว่าผ้านวมด้านหลังขยับคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันตั้งสติคิดว่าธาดามาปลุกเธอกินยา แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีของหนักกดทับเอว
