บทที่2
“ฉันไม่เชื่อ! ตามที่ฉันเกาะกระแสติดตามข่าวสารของมิกะ เธอได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อถ่ายแบบลงปกนิตยสาร ‘นี่หรือคน?’ มันจะประจวบเหมาะกับที่แกควงผู้หญิงคนใหม่มาสนามแข่งเหรอวะ!!” ผู้หญิงคนใหม่... หมายความว่าไนท์เคยพาผู้หญิงมาที่นี่แล้วอย่างงั้นเหรอ นี่เขากำลังนอกใจฉันอยู่ใช่ม้ายยยย~ มิน่าล่ะ เขาถึงได้ไม่แตะฉันแม้ปลายเล็บขบ ขนาดฉันแกล้งนอนละเมอเอาหัวไปอิงซบยังแทบจะโดนเตะโด่งกะโหลกร้าวเลย ฮึกๆ ฮือออ~ เจ็บปวดดดด!~
“แล้วนี่เธอจะร้องไห้ทำไมวะเนี่ย!” ไนท์หันมาตวาดดังลั่น ก่อนจะจัดการลากฉันมาที่รถและผลักฉันเข้าไป ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ของผู้คนทั่วทั้งสนามที่ร้องเรียกชื่อฉัน ไม่สิ! ชื่อยัยมิกะอะไรนั่นต่างหาก ด้วยน้ำเสียงโหยหวน
“ฉันเจ็บนะคนบ้า ฮึกๆ ฮืออออ~” ทันทีที่อยู่กันสองต่อสอง ฉันก็ไม่รอช้า ระบายความโมโหด้วยการระดมทุบแผงอกกว้างของเขาพร้อมทั้งร้องลั่นถามความจริงที่อยากรู้โดยในทันที “นายมีผู้หญิงใหม่ใช่มั้ย นายถึงได้เกลียดฉันนัก! คนบ้า มิน่าล่ะ นายถึงไม่เคยทำอะไรฉันเลยสักครั้ง โมโหก็ชอบใส่อารมณ์ เห็นฉันเป็นตุ๊กตายางไม่มีหัวใจรึไงเล่า คนบ้าๆๆ”
“หยุดแหกปากสักทีสิยัยบ้า!!” ไนท์เองก็ใช่ว่าจะน้อยหน้า เขาตะโกนแข่งกับเสียงสะอื้นของฉัน ก่อนจะหมดความอดทน คว้าแขนทั้งสองข้างของฉันรวบเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวอย่างป่าเถื่อนในแบบที่เคยกระทำอยู่บ่อยครั้งร่ำไป แต่ครั้งนี้มันกลับเจ็บปวดกว่าเดิมร้อยเท่า เมื่อเทียบกับใจฉันที่กำลงจะแตกสลายระเหยออกไปสู่สุญญากาศในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ (เว่อร์ได้อีก)
“ฮึกๆ แล้วยัยมิกะนั่นใคร เกิดอะไรขึ้นกับฉัน! ฉันเป็นใครกันแน่ แล้วจริงๆ เราสองคนใช่แฟนกันอย่างที่นายว่ารึเปล่า นายบอกความจริงกับฉันสิ บอกมานะ”
“หยุดร้องไห้เดี๋ยวนี้นะเวนิส!” ไนท์พูดเสียงแข็ง พยายามเก็บกดอารมณ์ที่คุกรุ่นเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ฉันรู้ว่าเขาต้องกำลังพยายามที่จะไม่บีบคอฉัน เพื่อระบายความโกรธอย่างแน่นอน
“นายมันใจร้าย ฮือออ~ นายมันนิสัยแย่ นายมัน...”
“บอกให้หยุดร้องไห้ไง”
“ฮืออ~ นายจะบ้ารึไง น้ำตานะไม่ใช่น้ำก๊อก ที่คิดจะสั่งให้หยุดก็...อื้อ!!” หยุดจริงๆ เสียงสะอื้นเงียบลง น้ำตาฉันหยุดไหลไปในทันทีที่ร่างสูงตวัดโอบคอฉันเข้าหาตัว ก่อนจะครอบครองริมฝีปากบางของฉันอย่างรวดเร็ว
จูบที่อ่อนหวานราวกับฉันกำลังลอยเคว้งอยู่บนอากาศที่มีปุยนุ่นเบาๆ ค่อยๆ กลายเป็นจูบร้อนแรงเผ็ดแสบไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ร่างกายฉันสั่นไหว หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะกับรสสัมผัสที่ได้รับ
จูบนี่มันคืออะไรกันทำไมตัวของฉันมันถึงได้ร้อนแบบนี้!
“สามข้อเท่านั้นที่ฉันขอสั่งให้เธอจดจำเอาไว้ให้ดี หนึ่ง!เธอเป็นแฟนของฉัน สอง! เธอก็คือเธอ ไม่ใช่ยัยมิกะอะไรนั่นอย่างที่ใครเข้าใจ และสาม! ที่ฉันไม่แตะเธอก็ด้วยเหตุผลที่ว่า...” ใบหน้าคมคายค่อยๆ เลื่อนต่ำมาอยู่ระดับเดียวกับใบหูที่ร้อนฉ่าของฉันก่อนจะกระซิบคำอ่อนหวานออกมา
“เธออาจจะต้องสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดไปยังไงล่ะยัยโง่” ขอเป็นลมก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ผมได้แต่มองร่างบางที่สลบไสลอยู่ในอ้อมแขนอย่างไม่เข้าใจตัวเองอยู่นิดๆ ใจหนึ่งผมก็อยากจะบอกเธอในทุกๆ เรื่องที่เธออยากจะรู้และควรจะรู้! ยกตัวอย่างเช่น เราไม่ได้เป็นแฟนกัน!
เธอเป็นใครกันแน่นะ ทำไมถึงได้มีคนรู้จักและคลั่งไคล้เธอขนาดนั้น เน็ตไอดอลอย่างงั้นเหรอ ยัยปากร้ายนี่เนี่ยนะ! ให้ตาย ใครกันนะอยากจะจ้างยัยปากมากที่ชอบพูดจาไม่แคร์ความรู้สึกของใครหน้าไหนไปเป็นดาราเนี่ย ให้ตายยย~ วงการบันเทิงได้เกิดวิบัติก็คราวนี้เนี่ยแหละ! นี่ก็ผ่านมาจวนจบครบอาทิตย์แล้วหลังเกิดเรื่องขึ้นในวันนั้น เรื่องราวที่เป็นเสมือนชนวนครั้งยิ่งใหญ่และทำให้ชีวิตของผมถึงจุดเปลี่ยน!
เท้าความย้อนหลังไปเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านี้...
ค่ำคืนที่แสนจะเงียบเหงา ความเศร้าค่อยๆ เกาะกินหัวใจของผมไปทีละช้าๆ ท่ามกลางความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย สำหรับคนที่เพิ่งจะอกหักมาหมาดๆ บรรยากาศเช่นนี้คงจะกินใจเหลือเกิน น่าสมเพชที่ผมดันเป็นหนึ่งในนั้นซะได้
ย่านถนนใจกลางเมืองในช่วงเวลาพลบค่ำแบบนี้มักจะมีคู่รักมากหน้าหลายตาออกมาเดินจับมือคุยกันอยู่เรื่อย ซึ่งวันนี้เองก็เช่นกัน ผมได้แต่เดินย่ำเท้าอยู่ริมฟุตฟาธในใจก็คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นพลางเหลือบมองคู่รักบางคู่บ้างให้รู้สึกอิจฉาเล่นตามประสาคนไม่มีใคร ไม่สิ! ต้องบอกว่าไม่เหลือใครเลยสักคนต่างหาก
เฮ้อ~ บางทีผมอาจจะเกิดมาไม่มีคู่ หรือไม่ก็เนื้อคู่ยังไม่ทันเกิด ไม่ก็ตายดับสูญไปแล้วล่ะมั้งเนี่ย
ปรี๊นน!!~
เสียงบีบแตรดังลั่นสนั่นก่อนที่รถสปอร์ตเปิดประทุนสีดำคันหรูจะมาจอดเทียบข้างตรงจุดที่ผมเดินอยู่ เมื่อกระจกด้านคนขับเลื่อนลงก็เผยให้เห็นใบหน้าเรียวคมภายใต้แว่นกันแดดสีดำสนิท ที่มองแวบเดียวก็สามารถรู้ได้ทันทีเลยว่าเจ้าของใบหน้าภายใต้แว่นตานั้นต้องสวยสวรรค์สร้างอย่างแน่นอน
“นายน่ะ ขอถามอะไรหน่อยสิ! แถวนี้มีโรงแรมห้าดาวราคาแพงๆ บ้างรึเปล่า พอดีว่าฉันเพิ่งมาจากต่างประเทศ เพื่อที่จะมา...”
