บท
ตั้งค่า

บทที่ ๘ คำลวง 2

“ใช่ ตอนนี้เลย ฉันรออยู่นะ รีบมาล่ะ” อีกฝ่ายย้ำก่อนจะกดวางสายไป ทิ้งให้สกรรจ์ยืนหันซ้ายหันขวาด้วยความฉุนเฉียว นึกอยากปาโทรศัพท์ลงพื้นให้แตกกระจายเป็นเสี่ยง แต่ในเมื่อทำไปแล้วไม่เกิดประโยชน์ ชายหนุ่มจึงจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกมาจากบ้านมาอย่างเงียบกริบ

เจ้าของร่างสูงขับรถออกห่างจากเขตพื้นที่ไร่ชาชัยพรรษมาประมาณสิบห้านาที บ้านไม้เรือนไทยที่ตกแต่งกึ่งสไตล์ยุโรปก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองเห็นป้ายทะเบียนรถยนต์ที่คุ้นเคยดี ก็รีบเปิดประตูรั้วให้อย่างรวดเร็ว

สกรรจ์จอดรถที่ลานหน้าบ้าน แล้วเปิดประตูก้าวลงมา ชายร่างใหญ่วัยห้าสิบปีเศษยืนรออยู่ก่อนแล้ว ข้างกายมีสาวสวยวัยสะพรั่งยืนแนบชิด ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจหนักขึ้นอีก เพราะตามหลักความเป็นจริงที่ตรงนั้นควรมีมารดาของเขายืนอยู่ถึงจะถูก

“มีอะไรก็รีบว่ามา” สกรรจ์ไม่คิดจะยกมือไหว้ทำความเคารพอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

เดชทัต นิพิฐพนธ์ หรือที่ทุกคนพากันเรียกว่า ‘พ่อเลี้ยง’ ยิ้มอย่างใจเย็น เขาเป็นเจ้าของไร่นิพิฐพนธ์ ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับชาประเภทต่างๆ เช่นเดียวกับสกรรจ์ แต่แตกต่างกันตรงที่เดชทัตลักลอบปลูกสิ่งผิดกฎหมายเอาไว้ด้วย อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าขบวนการค้ายารายใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ และเหตุผลที่ช่วยให้ธุรกิจไร่ชานิพิฐพนธ์เติบโตขึ้นทุกวัน เพราะเดชทัตอ้างชื่อสกรรจ์ในการโปรโมทให้กับไร่ชาของตัวเอง

แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่มีทางเรียกร้องอะไรได้เลย เพราะมารดาของเขายังคงเป็นภรรยาของเดชทัตอยู่ แม้พ่อเลี้ยงจะพาสาวน้อยใหญ่มาหาความสำราญถึงที่บ้าน มารดาของสกรรจ์ก็ยังไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้

“เข้าไปนั่งคุยกันข้างในดีกว่านะ เรื่องที่ฉันต้องการคุยกับแกมันค่อนข้างยาวเชียวล่ะ” เดชทัตเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วหันไปพยักหน้าเป็นเชิงสั่งให้สาวสวยข้างกายถอยห่างออกไปก่อน จากนั้นร่างสูงใหญ่ที่ยังคงแข็งแรงก็เดินลิ่วนำไปที่ห้องรับแขก โดยมีสกรรจ์เดินตามเข้ามาอย่างไม่มีทางเลือก แล้วทิ้งตัวนั่งลงตรงกันข้าม

“ตกลงมีอะไรกันแน่” ชายหนุ่มเร่งเร้า ด้วยไม่อยากอยู่ที่นี่นานเกินไปนัก

“แหม เวลาฉันให้มาหาที่นี่ ดูแกรีบร้อนเสียเหลือเกินนะ” เดชทัตเย้าเสียงนุ่ม “ทำไม...ไม่อยากเจอหน้าแม่แกใช่มั้ย” หนุ่มใหญ่ถามขึ้น พลางมองคนจรงหน้านิ่ง

“ในเมื่อรู้ดีอยู่แล้วจะถามอีกทำไม เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เช้านี้ฉันยังมีธุระต้องเข้าไปจัดการที่ไร่อีกเยอะ” สกรรจ์เลี่ยงที่จะตอบคำถามออกมาตามตรง จึงเร่งให้เดชทัตรีบพูดถึงสิ่งที่ต้องการเสียที

“อืม...ที่ฉันเรียกแกมาวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันแค่อยากจะถามถึงเรื่องที่สั่งให้ไปจัดการนั่นแหละ”

“เรื่องนั้น...” ชายหนุ่มครางออกมาราวกับคนละเมอ

“ฉันแค่อยากรู้ว่าแกตามหาผู้หญิงคนนั้นเจอรึยัง” สีหน้าของเดชทัตดูจริงจังมากขึ้น

“ฉัน...” สกรรจ์อึกอักไปเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัวเดชทัต แต่กำลังนึกห่วงพริมาขึ้นมาจับใจ

“ยังใช่มั้ย?” เดชทัตถามซ้ำ

“ใช่ ฉันไปถึงที่นั่นช้าเกินไป ตอนไปถึงก็ไม่เจอเธอแล้ว…ไม่เจอใครเลย” ชายหนุ่มโกหก “ฉันสงสัยว่าอาจจะมีคนไปหาเธอก่อนหน้าฉัน แล้วพาเธอหนีไป หรือไม่พวกของไอ้รุณก็...”

“วรุณเจ็บหนัก ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ถ้าผู้หญิงคนนั้นจะหายไป ยังไงก็ต้องไม่ใช่ฝีมือของวรุณหรือคนของฉันเด็ดขาด แต่ฉันได้รับรายงานมาอยู่เหมือนกันว่ามีผู้ชายคนนึงไปช่วยนังเด็กนั่นไว้ แต่จนป่านนี้แล้วยังแกะรอยไม่ได้เลยว่ามันเป็นใคร แล้วทำไมถึงเข้ามายุ่งเรื่องนี้ได้” เดชทัตอธิบายแทรกขึ้น

“แกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันให้คนของฉันตามหาตัวเธออยู่ คิดว่าอีกไม่นานจะต้องเจอแน่” สกรรจ์บอกเสียงห้วน กลบเกลื่อนความกระวนกระวายที่อยู่ในใจ

“แน่ใจนะว่ายังอยากรับหน้าที่นี้อยู่...จะไม่ลำบากใจเหรอถ้าหาตัวอดีตคนรักเจอเข้าน่ะ”

“ฉันจะลำบากใจหรือไม่มันก็เรื่องของฉัน แต่ที่แน่ๆ ฉันมีเรื่องบางอย่างต้องขอร้องแก”

“ขอร้อง?...อย่างแกน่ะเหรอจะขอร้องอะไรฉัน” เดชทัตแค่นยิ้มเหยียด

“ใช่ ฉันมีบางอย่างที่ต้องการขอร้องแก”

“อืม ไหนลองมาว่าสิ” เดชทัตเอนกายพิงโซฟาแล้วยิ้มน้อยๆ

“ฉันอยากขอร้องเรื่องผู้หญิงของฉัน” สกรรจ์สบตากับอีกฝ่ายด้วยความแน่วแน่ “ถ้าฉันหาเธอเจอ แกจะทำร้ายเธอไม่ได้เด็ดขาด แกต้องปล่อยให้ฉันจัดการทุกอย่างเอง ฉันเชื่อว่าฉันสามารถจัดการเธอได้ แล้วเธอจะไม่มีทางนำความชั่วช้าของแกไปบอกใครแน่นอน”

“ทำไมถึงแน่ใจนักล่ะ”

“เพราะฉันรู้ว่าเธอยังรักฉันอยู่ แล้วที่สำคัญเธอก็ไม่มีใครที่ไหนนอกจากฉัน ถ้าฉันพาเธอมาอยู่ด้วยกันที่เชียงราย เธอก็จะอยู่ในสายตาฉันตลอดเวลา”

“แต่ว่า...” เดชทัตทำท่าจะค้าน แต่ก็โดนอีกฝ่ายเอ่ยขัดขึ้นก่อน

“แกควรทำตามที่ฉันขอร้องนะ อย่าลืมสิว่าฉันยอมทำตามความต้องการของแกมาตลอด มันคงไม่ดีหรอกถ้าแกจะบีบคั้นฉันให้จนตรอกบ่อยนัก แกน่าจะรู้ดีนะว่าหมาจนตรอกมันทำอะไรได้บ้าง ถ้าไม่อยากให้มันเกิดปัญหา แกควรทำตามที่ฉันขอ ที่สำคัญฉันรู้จักนิสัยผู้หญิงคนนั้นดีกว่าใคร เธอต้องยอมทำตามที่ฉันบอกทุกอย่างแน่นอน”

“ฉันขอไม่รับปากอะไรตอนนี้ก็แล้วกันนะ เอาไว้ให้แกตามหาตัวคนรักเก่าของแกเจอก่อนดีกว่า แล้วฉันจะลองคิดดูอีกที แต่ฉันรับปากว่าระหว่างนี้จะไม่ให้วรุณหรือใครเข้าไปยุ่งเรื่องนี้...เพื่อตอบแทนที่แกยอมทำตามคำสั่งฉันเสมอมา” เดชทัตบอกอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

“นี่แก...”

“อย่าเรียกร้องให้มากนักเลยสกรรจ์ แกลืมไปแล้วรึไงว่าถ้าทำให้ฉันโมโห คนที่โชคร้ายก็คือแม่แก” คำขู่นี้ได้ผลเสมอ สกรรจ์กำหมัดแน่นเมื่อไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้ ที่ทำได้ตอนนี้ก็มีเพียงรอคอยคำตอบของเดชทัตเท่านั้น แต่ถ้าหากคำตอบคือไม่ มันก็มีค่าเท่ากับว่าสกรรจ์เป็นคนส่งพริมาเข้าหาความตายด้วยตัวเอง ซึ่งเขาไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด

“แกอย่าห่วงนักเลย ถึงยังไงแกก็มีส่วนช่วยให้ธุรกิจของฉันเจริญงอกงาม ยังไงฉันก็คงไม่ใจร้ายกับคนที่แกรักนักหรอก” หนุ่มใหญ่ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ลูกเลี้ยงขึ้นอีกนิด “แต่ฉันคงประทับใจในตัวแกมากกว่านี้...ถ้าแกไม่ชิงลาออกจากราชการมาเสียก่อน”

“ถึงฉันจะยังเป็นตำรวจอยู่ ฉันก็ไม่ช่วยแกทำเรื่องชั่วช้าสารเลวหรอก!”

“ระวังคำพูดตัวเองหน่อยสิสกรรจ์” เดชทัตยิ้มเยาะที่ได้ทำตัวเหนือคนอื่น สกรรจ์ขยับจะเถียง แต่เมื่อบังเอิญเหลือบไปเห็นมารดากำลังเดินลงบันไดมาชั้นล่าง เขาก็ตัดบททันที

“เรื่องที่คุยกันแกไม่ต้องห่วง ฉันจะต้องได้ตัวเธอมาแน่” ชายหนุ่มกัดฟันเอ่ยอย่างเคียดแค้น

“ดีมาก แต่จำไว้นะว่าอย่าทรยศหักหลังฉัน อย่าทำเหมือนฉันเป็นคนโง่ เพราะถ้าไม่อย่างนั้น...ทั้งแม่และคนรักของแกจะต้องเคราะห์ร้าย”

“ไม่ต้องมาย้ำความเลวของแกให้ฉันฟังบ่อยนักหรอก ฉันรู้ดีกว่าใครว่าแกมันสารเลวแค่ไหน!” สกรรจ์โต้ตอบเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็รีบกลับออกมาจากบ้านของเดชทัตโดยไม่รอช้าอีก ทำให้คนเป็นแม่ที่ตั้งใจจะเดินเข้ามาทักทายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนให้หายคิดถึง ต้องชะงักนิ่งไปด้วยความรู้สึกผิดหวังเหมือนทุกครั้ง

กัญญารู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความผิดของสกรรจ์ แต่เป็นเพราะนางเองที่ทำให้ชีวิตของลูกชายต้องดิ่งลงเหว หากไม่เอาความใคร่กับความโลภมายึดติด ป่านนี้สกรรจ์คงยังเป็นนายตำรวจที่ซื่อตรง ได้ช่วยเหลือผู้คนอย่างที่หวังเอาไว้ และบิดาของสกรรจ์ก็คงยังมีความสุขที่ได้ทำงานที่รัก ไม่ใช่ต้องตรอมใจจนสิ้นลม เพียงเพราะผู้หญิงสารเลวอย่างนางลักลอบเป็นชู้กับเดชทัต ซึ่งสุดท้ายก็ประจักษ์แล้วว่าทุกอย่างที่เดชทัตทำเป็นแค่ภาพลวงตา

เดชทัตเพียงแค่ต้องการเอาชนะสามีเก่าของนาง และทุกวันนี้ก็ยังใช้นางเป็นเครื่องมือต่อรองให้สกรรจ์ต้องฝืนใจทำในสิ่งที่อึดอัดใจอยู่เสมอ หากย้อนเวลากลับไปได้ กัญญาคงเลือกที่จะอยู่กับครอบครัว แล้วหนีให้ไกลจากผู้ชายสารเลวอย่างเดชทัต แต่ตอนนี้ป่วยการที่จะคิดย้อนเวลา เพราะไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องทนอยู่เป็นเบี้ยล่างของเดชทัตต่อไป จนกว่าจะหมดประโยชน์หรือไม่ก็ตายจากกันไปข้างหนึ่ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel