บท
ตั้งค่า

บทที่ ๗ ความคิดชั่วร้าย 1

สกรรจ์ขลุกอยู่กับพริมาบนห้องนานหลายชั่วโมง จนกระทั่งคิดว่าเธอควรพักผ่อนแล้ว เขาจึงขอตัวกลับลงมาชั้นล่าง เมื่อเห็นขวัญข้าวนั่งซึมอยู่ที่ม้านั่งหน้าบ้าน ชายหนุ่มจึงคลี่ยิ้ม แล้วเดินเข้าไปนั่งเคียงข้างเธอ พอเดาออกอยู่เหมือนกันว่าสาวน้อยคงมีเรื่องไม่สบายใจ เพราะไม่บ่อยนักหรอกที่จะได้เห็นเธอนั่งซึมอย่างนี้

“นาย...” ขวัญข้าวหันมายิ้มบางให้นายหนุ่ม

“ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวหืม ทุกวันขวัญจะปั่นจักรยานไปหายายฉายนี่นา ทำไมวันนี้ไม่ไปล่ะ” สกรรจ์หมายถึงคนเก่าคนแก่ที่ทำงานให้กับไร่ชาชัยพรรษมาตั้งแต่พ่อเขายังอยู่ หลังจากอายุมากจนทำงานไม่ไหวแล้ว ยายฉายก็อาศัยอยู่ที่บ้านท้ายไร่ ซึ่งไม่ไกลจากเรือนหลังเล็กของชายหนุ่มมากนัก

“ขวัญว่าจะไปหายายฉายตอนเย็นทีเดียวเลยค่ะ”

“ทำไมล่ะ ตอนเย็นอากาศหนาวจะตายไป ปั่นจักรยานไปคนเดียวเดี๋ยวไม่สบายเอานะ” สกรรจ์มองสาวน้อยที่เขารักไม่ต่างจากน้องสาวด้วยแววตาอ่อนโยน

“ไม่หรอกค่ะ ขวัญชินแล้ว”

“อืม ถ้างั้นบอกฉันได้มั้ยว่าเป็นอะไร ทำไมวันนี้ถึงดูซึมๆ”

“คือ...ขวัญมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยค่ะ” สาวน้อยก้มหน้าลงมองพื้น

“ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่าเรื่องอะไร เพราะถ้าขวัญอยากพูด รู้ใช่มั้ยว่าบอกฉันได้ทุกอย่าง รวมทั้งเรื่องไอ้ศรก็ด้วย ถ้ามันทำอะไรขวัญ ฉันจะจัดการให้เอง” สกรรจ์ลอบสังเกตพฤติกรรมขวัญข้าว เมื่อเอ่ยถึงศตายุขึ้นมา แต่เธอไม่มีท่าทีอะไรที่บ่งบอกว่าถูกรังแก ซ้ำยังรีบออกตัวปกป้องต่างจากทุกครั้งอีกต่างหาก

“เปล่านะคะนาย คุณศรไม่ได้ทำอะไรขวัญหรอกค่ะ ขวัญก็แค่รู้สึกแย่ที่พูดไม่ดีกับคุณศรไปน่ะค่ะ” สาวน้อยเอ่ยอ้อมแอ้มออกมา จนคนฟังขมวดคิ้วมุ่น

“ปกติทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดกันดีๆ อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“มันก็ใช่ค่ะ แต่ว่าคราวนี้...ขวัญว่าขวัญทำเกินไป คุณศรโกรธมากเลยนะคะนาย ขวัญไม่เคยเห็นคุณศรโกรธขนาดนี้มาก่อนเลย แล้วยังขับรถออกจากบ้านไปเร็วมากๆ ด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา มันก็เป็นเพราะขวัญนะคะ” ขวัญข้าวเอ่ยเสียงสั่น

“อย่าคิดมากน่า ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องมันเป็นยังไง แต่ไอ้ศรมันไม่ใช่คนโกรธง่าย แต่ถึงจะโกรธ แค่ง้อด้วยน้ำเย็นแก้วเดียวมันก็หายแล้ว อีกอย่างไอ้เรื่องขับรถเร็วนั่นน่ะ ฉันว่าขวัญควรจะชินได้แล้วนะ คนอย่างไอ้ศรหนังเหนียวจะตายไป ไม่ต้องห่วงมันหรอก” สกรรจ์ปลอบใจ เผื่อว่าจะช่วยให้หญิงสาวเลิกทำหน้ามุ่ยเสียที

“ห่วง...ขวัญไม่ได้ห่วงนะคะ ขวัญก็แค่รู้สึกผิด” คนตัวเล็กเถียงทันควัน

“โอเคๆ” ชายหนุ่มเอ่ยพลางหัวเราะในลำคอ “เอาเป็นว่าเลิกรู้สึกผิดได้แล้วนะ ถ้าเบื่อก็ไปหายายฉายสิ”

“โหย ถ้าไปหายายฉาย ยายฉายต้องเค้นถามเอาแน่ๆ ว่าทำไมขวัญหงุดหงิด” สาวน้อยพึมพำกับตัวเอง “แต่ขวัญว่าขวัญน่าจะเข้าไปช่วยงานที่ไร่นะคะ ทำตัวให้เป็นประโยชน์ดีกว่า”

“เอาอีกแล้ว ชอบขอเข้าไปทำงานในไร่อีกแล้วนะ” สกรรจ์ดุ เพราะไม่ชอบให้ขวัญข้าวเข้าไปในไร่ชาชัยพรรษ หากไม่มีเขาหรือคนที่ไว้ใจได้คอยติดตามไปด้วย

เนื่องจากที่นั่นมีแต่คนงานชายเสียส่วนใหญ่ ส่วนคนงานหญิงก็มีแต่เลยวัยกลางคนไปแล้ว ถ้าเด็กสาวหน้าตาสะสวยผิวพรรณผุดผาดอย่างขวัญข้าวไปยุ่มย่ามแถวนั้น สกรรจ์ยอมรับว่าอดห่วงไม่ได้ เพราะใช่ว่าเขาจะสามารถควบคุมคนงานได้ครบทุกคน

แม้แต่ความเจ้าเล่ห์ของคนที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันอย่างศตายุ เขาก็ยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทันเลยสักครั้ง ได้แค่เพียงคอยห้ามปรามอยู่เป็นพักๆ เท่านั้น

“ก็ขวัญเบื่อนี่คะ ถ้าเป็นทุกวันขวัญคงไปหายายฉาย แล้วก็เล่นกับลูกคนงานอยู่ที่บ้านท้ายไร่ไปแล้ว แต่วันนี้ขวัญไม่อยากไปจริงๆ ยายฉายชอบรู้ทันขวัญอยู่เรื่อยเลย ขวัญไม่อยากให้แกรู้ว่าขวัญทำตัวไม่ดี” แม่สาวน้อยบ่นกระปอดกระแปด

“แต่ฉันให้ขวัญเข้าไปเพ่นพ่านในไร่ไม่ได้หรอกนะ ขวัญโตเป็นสาวแล้ว สวยด้วย มันอันตราย” สกรรจ์เอ่ยตามตรง “ขวัญอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยมั้ยล่ะ” เจ้าของไร่หนุ่มถามเรื่องเรียนต่อจากขวัญข้าวอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้เขาไม่เคยละเลย คอยถามขวัญข้าวอยู่เสมอ เพียงแต่หว่านล้อมอย่างไรน้องสาวนอกไส้ของเขาก็ยังไม่ยอมตอบตกลงเสียที

“ขวัญไม่จำเป็นต้องเรียนมหาวิทยาลัยหรอกค่ะนาย เพราะขวัญเรียนมาก็คงไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร นายอย่าลืมสิคะว่าขวัญไม่มีทางยอมไปจากที่นี่ นอกจากนายจะออกปากไล่” ขวัญข้าวให้คำตอบเดิมกับนายหนุ่มอีกครั้ง “ขวัญสัญญากับแม่ไว้แล้วว่าจะอยู่ดูแลนายที่นี่ ทุกวันนี้แค่ขวัญมีนายกับยายฉาย แล้วก็ได้เล่นกับเด็กๆ ในไร่ ขวัญก็มีความสุขแล้วล่ะค่ะ” คนตัวเล็กบอก ดวงตากลมโตสดใสบริสุทธิ์จนชายหนุ่มนึกเอ็นดู

“ครั้งนี้ฉันจริงจังนะขวัญ ฉันอยากให้ขวัญเรียนต่อจริงๆ นะ”

“ขวัญ...”

“ฟังฉันก่อนสิ ขวัญก็รู้ว่าขวัญเป็นเหมือนน้องสาวฉัน ยายฉายพาขวัญกับแม่มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่พ่อฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันเคยพาขวัญเข้าไปเล่นที่ไร่ด้วยกัน เคยพากันไปเล่นน้ำตกที่ท้ายไร่ เคยปั่นจักรยานไปไหนมาไหนด้วยกัน” สกรรจ์รำลึกถึงความหลัง ซึ่งทำให้ขวัญข้าวคิดตาม แล้วเผลอยิ้มให้กับความทรงจำในวัยเด็ก

“หลังจากเรียนจบ ฉันก็ไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ได้เป็นนายตำรวจอย่างที่หวังเอาไว้ แต่สุดท้ายฉันก็ต้องมาดูแลไร่ชาแทนพ่อ ขวัญลองทายดูสิว่าฉันเสียใจหรือเปล่าที่ต้องทิ้งสิ่งที่รัก แล้วมาทำในสิ่งที่พ่อรัก” ชายหนุ่มถามอีกฝ่าย พลางรอคำตอบด้วยใบหน้ายิ้มๆ

“ขวัญคิดว่านายไม่เสียใจหรอกค่ะ เพราะนายก็รักในสิ่งที่นายใหญ่รักเหมือนกัน”

“ใช่แล้วล่ะ ฉันไม่เคยเสียใจเลยที่ลาออกจากราชการ แล้วมาสานต่อความฝันของพ่อ แล้วแบบนี้ขวัญยังคิดอยู่อีกมั้ย...ว่าการเรียนมันจำเป็นต้องนำมาใช้ประโยชน์แค่เฉพาะที่เรียนมาเท่านั้น”

“นายกำลังจะบอกอะไรขวัญใช่มั้ยคะ”

“ฉันอยากให้ขวัญเรียนต่อ ฉันคิดว่าทุกคนย่อมมีความฝันเป็นของตัวเอง ฉันอยากให้ขวัญเรียนในสิ่งที่ขวัญรัก ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วขวัญจะเลือกอยู่ที่นี่ อยากทำงานอยู่ที่ไร่นี้ตลอดไป แต่ขวัญก็จะไม่เสียดายเวลา แล้วก็ไม่เสียใจที่ตัดสินใจเรียนในสิ่งที่ตัวเองรักหรอก...เหมือนอย่างฉันไง ฉันเรียนตำรวจ แต่มาเป็นเจ้าของไร่ชา มันไม่เห็นจะตรงกับสิ่งที่เรียนมาเลยนี่นา”

“ขวัญน่าจะคิดได้ซักครึ่งหนึ่งของนายนะคะ” ขวัญข้าวน้ำตาคลอมองคนตรงหน้าที่เธอรักและเคารพเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง

“ไม่มีอะไรที่สายเกินไปหรอก ตอนนี้ขวัญอายุย่างเข้ายี่สิบเอ็ดอยู่เลย ไม่มีใครแก่เกินเรียนหรอกนะ”

“ขอบคุณมากนะคะนาย นายเป็นคนเดียวที่ทำให้ขวัญรู้สึกว่าตัวเองไม่เคยโดดเดี่ยวเลย”

“ฉันไม่ลืมหรอกนะว่าฉันสัญญากับแม่ขวัญไว้ยังไงบ้าง ฉันต้องดูแลขวัญให้ดีที่สุดอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ขวัญจะให้คำตอบฉันได้รึยังว่าจะยอมเรียนต่อมั้ย”

“นายพูดขนาดนี้แล้วขวัญยังจะดื้ออยู่ได้ยังไงกันคะ แต่ขวัญขอเรียนมหาวิทยาลัยเปิดนะคะ ขวัญได้ยินมาว่ามีมหาวิทยาลัยเปิดแบบสาขาย่อยที่เชียงรายด้วย ขวัญจะขยันอ่านหนังสือให้มากๆ แล้วถึงเวลาก็ค่อยไปสอบ เพราะถ้าเรียนแบบนี้ขวัญจะได้มีเวลาดูแลนายเหมือนเดิมด้วยค่ะ” สาวน้อยหันมายิ้มสดใสให้เจ้านายหนุ่ม

“นี่ใจคอจะเป็นห่วงฉันอย่างเดียวเลยรึไง ฉันโตแล้วนะขวัญ” สกรรจ์ยิ้มให้คนตัวเล็ก พลางลูบศีรษะอย่างอ่อนโยน

“ขวัญรู้ค่ะว่านายโตแล้ว แต่ขวัญคงไม่สบายใจแน่ ถ้าไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเดิม”

“มหาวิทยาลัยใกล้ๆ ก็มีนี่นา ถ้าขวัญไม่อยากอยู่หอพัก เดี๋ยวฉันไปส่งทุกวันก็ได้ พอตอนเย็นก็ไปรับกลับบ้าน”

“แล้วใครจะทำงานบ้าน แล้วดูแลเรื่องอาหารกลางวันล่ะค่ะ”

“เรื่องนั้น...” พอถึงคำถามนี้เขาจะบอกยังไงดีล่ะ ตลอดเวลาก็มีขวัญข้าวนี่แหละที่ดูแลเขามาตลอด

“นะคะนาย ขวัญเลิกดื้อแล้ว นายก็น่าจะทำแบบเดียวกันนะคะ” ขวัญข้าวยิ้มหวาน แต่แววตาออดอ้อนขอร้องให้นายหนุ่มยอมอนุญาตให้เธอได้เลือกมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง

“เฮ้อ เล่นอ้อนกันขนาดนี้ฉันคงใจแข็งไม่ไหวหรอก ตกลง...อย่างน้อยขวัญก็ยอมเรียนต่อแล้ว” รอยยิ้มอบอุ่นของพี่ชายผุดขึ้นมาทันที สาวน้อยของเขาพอถึงเวลาจะอ้อนขึ้นมา ต่อให้แข็งเป็นหินแค่ไหน ก็ต้องละลายเพราะรอยยิ้มสดใสบริสุทธิ์ของเธอเสมอ

“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “แต่เรื่องค่าใช้จ่าย...”

“เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย ค่าใช้จ่ายทุกอย่างฉันจะจัดการเองทั้งหมด ยังไงขวัญก็เป็นน้องสาวของฉันอยู่แล้วนี่ พี่ชายจะออกค่าเล่าเรียนให้น้องสาวมันไม่มีอะไรน่าแปลกซะหน่อย เดี๋ยวเตรียมตัวให้พร้อมเลยนะ ฉันได้ยินว่าอาทิตย์หน้าจะเปิดรับนักศึกษาแล้ว ถ้ามีอะไรอยากรู้เพิ่มเติมก็ถามได้” สกรรจ์ยิ้มอบอุ่น ยกมือขึ้นโยกศีรษะเล็กได้รูปอย่างเอ็นดู

“ขอบคุณค่ะนาย...ขอบคุณจริงๆ ค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณสกรรจ์อีกครั้ง ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ร้องไห้ แต่ด้วยความซาบซึ้งกลับทำให้หยาดน้ำตารินไหลออกมาในที่สุด ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆ แล้วโอบไหล่บางไว้อย่างให้กำลังใจ ขวัญข้าวเป็นเด็กดี เขาเชื่อว่าสักวันชีวิตของเธอจะต้องสมบูรณ์และเต็มไปด้วยความสุขอย่างแน่นอน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel