บท
ตั้งค่า

บทที่ ๕ ปกป้อง 1

เสียงโทรศัพท์ที่ดังลั่นขึ้นกลางดึก ปลุกชายหนุ่มที่นอนเปลือยเปล่าอยู่กับสาวสวยให้สะดุ้งตื่นอย่างเสียมิได้ ศตายุ แสงสุรัตน์ สบถเบาๆ แต่ก็ยอมเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ทันทีที่ได้รู้ว่าปลายสายคือสกรรจ์ เขาก็รีบลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว

“นึกว่าจะไม่ติดต่อมาแล้วเสียอีก” ศตายุปั้นเสียงให้สดใสขึ้น

“ออกมารับฉันที่สนามบินหน่อย ฉันเพิ่งลงจากเครื่องเมื่อกี๊นี้เอง” สกรรจ์ไม่สนใจโต้ตอบอะไรให้มากความ นอกจากรีบสั่งให้เพื่อนสนิทเอารถออกมารับที่สนามบิน เพราะไม่อยากให้เขากับหญิงสาวอีกคนเป็นเป้าสายตาของใคร

“ได้ๆ ฉันจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”

“เดี๋ยว!” สกรรจ์ร้องเรียกก่อนที่ศตายุจะกดตัดสาย “ไปปลุกขวัญให้ลุกขึ้นมาเตรียมอาหารด้วยนะ อย่าลืมจัดห้องไว้ด้วย” ว่าแล้วชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายกดวางสายเสียเอง

“อะไรของมันวะ” หนุ่มหล่อในสภาพเปลือยเปล่าส่ายศีรษะอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะหันไปเขย่าไหล่สาวสวยที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ เต็มแรง “ตื่นได้แล้วฝน สกรรจ์กำลังจะกลับบ้านแล้ว ฝนค้างที่นี่ไม่ได้หรอก”

“อื้อ อะไรกันคะคุณศร ไหนบอกว่าคุณสกรรจ์เข้ากรุงเทพไง” ผู้หญิงที่เป็นหนึ่งในคู่ขาของศตายุเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

“ก็เข้ากรุงเทพจริงๆ นั่นแหละ แต่คราวนี้กลับมาเร็วกว่าปกติ”

“แล้วเมื่อไหร่ฝนจะได้มาหาคุณที่นี่อีกล่ะ บ้านหลังนี้นอนสบายกว่าที่บ้านฝนเยอะเลย”

หญิงสาวกระเง้ากระงอด พยายามเอาอกอวบๆ บดเบียดเข้าหา ดวงตาหวานเยิ้มเชิญชวนหวังจะยั่วยวนให้เขาทนไม่ไหว แต่มันไม่เกิดประโยชน์

“ไว้มีโอกาสฉันจะพามาอีกแล้วกัน”

ศตายุตัดบทง่ายๆ เพราะความจริงแล้วเขาไม่คิดจะสานความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้ต่อเสียหน่อย น้ำฝนเป็นคนสวยและมีทักษะแพรวพราวในเรื่องบนเตียง ทว่าเธอเป็นผู้หญิงที่รักการใช้เรือนร่างแลกกับเงินทอง ซึ่งนั่นทำให้ศตายุคิดว่าเธอไม่มีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับคนอย่างเขา

ร่างสูงกำยำลุกขึ้นจากเตียงนอน คว้าเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นสวมใส่ ก่อนจะหันไปเปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงออกเพื่อหยิบกุญแจรถกับกระเป๋าสตางค์ พลางยื่นแบงค์สีเทาปึกหนึ่งส่งให้น้ำฝนตามความเคยชิน เนื่องจากทุกครั้งก็มักจบลงอย่างนี้เสมอ

ศตายุก้าวออกจากห้องนอนบนเรือนใหญ่ แล้วเดินลงไปยังห้องที่อยู่ชั้นล่างเพื่อทำตามที่เพื่อนสนิทสั่งเอาไว้

ขวัญข้าว ศรีวิบูลย์ อาศัยอยู่ในบ้านของสกรรจ์เพื่อคอยทำหน้าที่ดูแลรับใช้เขาต่อจากมารดา มารดาของเธอเป็นแม่นมของอดีตนายตำรวจหนุ่ม และเป็นคนเก่าคนแก่ของบ้าน แต่ตอนนี้เสียชีวิตไปเกือบปีเศษแล้ว ส่วนบิดาของเธอนั้นก็หายสาบสูญไปตั้งแต่ยังจำความไม่ได้

“ขวัญ! ตื่นเถอะขวัญ” ศตายุยกมือขึ้นเคาะประตูสองสามครั้ง ขณะตะโกนเรียกหญิงสาวเสียงดังลั่น

“มีอะไรคะ” ขวัญข้าวเปิดประตูออกเพียงเล็กน้อย แล้วโผล่หน้าออกมาถามชายหนุ่ม

“สกรรจ์ให้ฉันออกไปรับ หมอนั่นบอกว่าให้เธอช่วยทำอาหารไว้รอรับแขก แล้วก็ขึ้นไปเตรียมห้องเอาไว้ด้วย” ชายหนุ่มบอกพลางมองใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ขวัญข้าวไม่ออกมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ผู้ชายอย่างศตายุร้ายกาจเกินที่เธอจะไว้ใจเขาได้ เมื่อไหร่ที่เธอเผลอ เขาก็มักจะฉวยโอกาสเอาเปรียบอยู่ตลอด

“แต่นี่มันจะตีสองแล้วนะคะคุณศร” ขวัญข้าวหันไปมองนาฬิกาบนโต๊ะ “นี่คิดจะหลอกอะไรฉันหรือเปล่า” เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มมองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่น้ำฝนลงมาจากชั้นบนพอดี

“ฝนกลับก่อนนะคะคุณศร ดีใจนะคะที่คุณศรชอบสิ่งที่น้ำฝนทำให้ ไว้คราวหน้าฝนจะมาฟังเสียงครางเพราะๆ ของคุณอีกนะคะ” น้ำฝนเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบเบาๆ ที่แก้มของชายหนุ่ม พลางปรายตามองขวัญข้าวอย่างดูแคลน แล้วเดินนวยนาดออกจากบ้านไป

“รีบไปทำอาหารได้แล้วขวัญ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ สกรรจ์กำลังจะกลับมาจริงๆ” ศตายุย้ำอีกครั้ง ขณะเหลือบตามองตามน้ำฝนไปอย่างไม่พอใจ เมื่อเธอทำตัวประเจิดประเจ้อต่อหน้าขวัญข้าว

“ค่ะ เห็นคุณศรมีที่ระบายอารมณ์แล้วฉันก็โล่งอก” หญิงสาวพูดขึ้นโดยไม่มองหน้า มือบางดึงประตูให้เปิดกว้างเพื่อจะออกไปยังห้องครัว แต่คนหน้าประตูกลับขยับเข้ามาขวางเอาไว้

“ถอยไปสิคะ! ขวัญจะรีบไปทำกับข้าว”

“ไปน่ะไปแน่ แต่จะบอกอะไรให้นะขวัญ...” หนุ่มหล่อว่าพลางก้มหน้าลงกระซิบ “ถึงฉันจะผ่านศึกหนักมาแค่ไหน แต่ก็ยังไม่ได้หมดแรงง่ายๆ หรอก ไว้ถ้ามีโอกาสจะแสดงให้ดู ยิ่งเป็นสาวบริสุทธิ์อย่างเธอ ออกรบคืนล่ะสิบรอบฉันก็ไหวนะ”

พูดจบก็ถอยออกมามองเจ้าของร่างสวยด้วยสายตาหื่นกระหาย เล่นเอาคนถูกมองโวยวายออกมาเสียงดัง

“หยาบคาย! ฉันจะฟ้องนายว่าคุณศรพาผู้หญิงขึ้นมาบนบ้าน!” ขวัญข้าวตวาดใส่อีกฝ่ายเสียงดัง ความโกรธแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ จนนึกอยากตบหน้าคมคายนั้นสักสองสามฉาด แต่เอาเข้าจริงๆ เธอก็ไม่กล้า

“ฮ่าๆๆ อยากบอกก็บอกสิ ฉันจะได้บอกว่าเธอหึงฉัน แล้วฉันจะได้ถือโอกาสขอเธอจากสกรรจ์ด้วยซะเลย ใครก็รู้ว่าหมอนั่นให้ฉันได้ทุกอย่าง”

“เมื่อไหร่ฉันจะพ้นเวรพ้นกรรมจากคุณซะทีนะ! ตั้งแต่คุณมาอยู่กับนายที่นี่ ไม่มีวันไหนเลยที่ฉันมีความสุข” หญิงสาวพูดออกมาอย่างหงุดหงิด

“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะขวัญ” ศตายุชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ รอยยิ้มขี้เล่นเลือนหายไปจากใบหน้าจนหมดสิ้น

“ก็ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ” ขวัญข้าวไม่กล้าต่อปากต่อคำ รู้ดีว่าการยั่วโมโหเพื่อนสนิทที่เปรียบดั่งพี่น้องของสกรรจ์ ไม่ใช่ผลดีสำหรับตัวเองแน่ๆ

“พูดจาตรงเกินไปก็ระวังจะเดือดร้อนเอานะ แล้วถ้าเธอไม่อยากอยู่ที่นี่นัก ทำไมถึงไม่ย้ายไปอยู่ที่อื่นล่ะ เบื่อขี้หน้าฉันนักก็ไปจากที่นี่ซะสิ มัวทนให้มองหน้าฉันไปทำไม”

ชายหนุ่มแสร้งพูดจาเหมือนคนใจร้ายใจดำ จ้องมองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเฉยชา แต่ในใจกลับรอคอยคำตอบของเธออย่างจดจ่อ หวังว่าเธอคงไม่บ้าบิ่นไปจากที่นี่จริงๆ หรอกนะ

“ถ้าฉันมีที่ไป ฉันก็คงไปตั้งนานแล้ว” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับศตายุ “ไม่หรอก...ถึงมีที่ไปฉันก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น นายมีบุญคุณต่อฉันกับแม่มาก ฉันต้องอยู่รับใช้นายจนกว่านายจะไล่ฉันออกไปเอง” หญิงสาวบอกด้วยสีหน้าจริงจัง

“ดีมาก” ชายหนุ่มยิ้มพอใจกับคำตอบที่ได้ยิน “คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว ฉันเองก็ต้องอยู่กับสกรรจ์ไปอีกนาน ทางที่ดีเราน่าจะปรองดองกันนะ” มือหนายกขึ้นแตะไหล่บางเบาๆ รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเธอถอยหนี

“วิธีการปรองดองของฉันกับคุณมันต่างกันเกินไป เพราะฉะนั้นเราอยู่กันแบบนี้น่ะดีแล้ว” ว่าแล้วขวัญข้าวก็ออกแรงผลักอกกว้างให้ถอยห่าง รีบก้าวอาดๆ ตรงไปที่ห้องครัวโดยไม่คิดจะหันกลับมามองอีก

ศตายุกระตุกยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ใจจริงอยากจะตามไปจัดการกับสาวน้อยที่หวงแหนศักดิ์ศรียิ่งกว่าชีวิตเสียให้หลาบจำ แต่ติดอยู่ตรงที่เขาปล่อยให้สกรรจ์รอนานเกินไปแล้ว

หากยังพอมีเวลาเหลืออยู่บ้าง ขวัญข้าวไม่มีทางได้ต่อปากต่อคำกับเขาเป็นนานสองนานอย่างนี้แน่ๆ เพราะเขาจะทำให้คำด่าของเธอ กลายเป็นเสียงครวญครางอย่างไม่หยุดหย่อนเลยทีเดียว แต่เอาเถอะ เขายังต้องอยู่ที่นี่อีกนาน สักวันต้องมีโอกาสปราบพยศแม่สาวน้อยคนนี้แน่

สำหรับศตายุ...ผู้หญิงเป็นได้แค่เพียงของเล่นในยามเหงาเท่านั้น

อดีตนายตำรวจหนุ่มพาพริมาก้าวขึ้นรถยนต์คันหรูอย่างช้าๆ ปล่อยให้ศตายุทำหน้าที่ขนกระเป๋าขึ้นไว้ที่ท้ายรถเพียงลำพัง หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้งเมื่อได้ไหล่หนาให้พักพิง ตอนนี้เธออยากพักผ่อนเหลือเกิน

“ฉันสั่งให้ขวัญเตรียมอาหารกับห้องนอนที่ชั้นบนไว้แล้วนะ ป่านนี้คงเรียบร้อยแล้ว” ศตายุบอกกับชายหนุ่ม เมื่อก้าวขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับ แล้วออกรถไปอย่างใจเย็น

“ขอบใจมากศร” สกรรจ์กล่าวขอบคุณตามความเคยชิน ก่อนจะเหลือบตามองว่าพริมาหลับไปแล้วหรือยัง เมื่อรับรู้ถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอ เขาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเข้มๆ “เก็บเรื่องผู้หญิงของฉันไว้เป็นความลับสุดยอดนะศร แม้แต่แม่ก็ให้รู้ไม่ได้”

“รู้แล้วน่า ว่าแต่ว่าเราจะปิดเรื่องนี้ไปได้อีกนานแค่ไหนกันวะ”

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถึงยังไงเราก็ต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้”

“ผู้หญิงของแกรู้เรื่องทุกอย่างหรือยัง” เพื่อนสนิทมองสกรรจ์ผ่านกระจกมองหลังอย่างเครียดๆ

“เธอชื่อพริมา เรียกว่าพริมก็ได้” สกรรจ์แนะนำหญิงสาวให้ศตายุรู้จัก ก่อนตอบคำถาม “พริมไม่รู้อะไรหรอก แล้วฉันก็ไม่คิดจะบอกด้วย”

“ฉันว่าแบบนั้นไม่ดีแน่ ถ้าคุณพริมมารู้เข้าทีหลัง เธออาจจะไม่ยอมรับฟังแกก็ได้นะ”

“มันมีค่าเท่ากันนั่นแหละ จะรู้ตอนนี้หรือรู้ทีหลัง พริมก็คงคิดไม่ต่างกันอยู่แล้ว” พูดไปแววตาแข็งกร้าวก็อ่อนลงทันที

“เอาเถอะ ฉันรู้ว่าแกคิดดีแล้ว” ศตายุตัดบทง่ายๆ ด้วยไม่อยากรบเร้าเพื่อนมากนัก แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าสวยใสน่ารักของขวัญข้าว ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะชวนสกรรจ์คุยต่ออีก “เออสกรรจ์ ฉันอยากพูดกับแกเรื่องขวัญซักหน่อยว่ะ”

“ทำไม...นี่อย่าบอกนะว่าแกทำตัวเลวๆ กับขวัญตอนที่ฉันไม่อยู่” ชายหนุ่มถามเพื่อนอย่างไม่เกรงใจ เพราะทั้งคู่สนิทกันมากจนเข้าใจนิสัยของกันและกันดี

“เฮ้ย! เห็นฉันเป็นไอ้หื่นหลุดมาจากป่ารึไงเนี่ย ฉันไม่ลืมที่แกเคยขอไว้หรอกน่า” ศตายุทำเสียงราวกับรำคาญเพื่อนเต็มแก่

“ถ้างั้นมีอะไรก็พูดมาสิ”

“คือ...” สารถีอ้ำๆ อึ้งๆ แววตาของสกรรจ์ทำให้เขาไม่อยากพูดอะไรอีก แต่เมื่อเปิดทางมาซะขนาดนี้แล้ว จะไม่พูดต่อก็กระไรอยู่ “ถ้าฉันจะขอขวัญจากแก แกจะว่ายังไง”

“ขอ?” ชายหนุ่มทวนพลางขมวดคิ้วยุ่ง “แกพูดเหมือนขวัญเป็นของเล่นเลยนะ”

“แล้วว่าไงเล่า ถ้าฉันจะขอขวัญจากแก แกจะว่ายังไง” ศตายุเร่งเร้า

“บอกมาก่อนสิว่าแกจะขอไปทำอะไร ขอไปดูแลบ้าน ขอไปแต่งงานทำเมีย หรือขอไปเป็นคู่นอน”

“อันแรกกับอันสุดท้ายน่ะใช่ว่ะ แต่อันที่สองคงเป็นไปไม่ได้”

“ถ้างั้นคำตอบของฉันก็คือคำพูดสุดท้ายของแก” สกรรจ์ยักไหล่ “นั่นคือเป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ยกขวัญให้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของเธอหรอก โดยเฉพาะไอ้เสือหิวอย่างแก เรื่องผู้หญิงนี่ไม่เคยอิ่มเลยจริงๆ นะไอ้ศร”

“แกจะหวงไว้กินเองรึไงวะ บอกมาตรงๆ ก็ได้นะเว้ย” คนถามหน้าบึ้งตึงอย่างไร้เหตุผล

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel