บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 ผิดทุกอย่าง

ทันทีที่กลับมาถึง มิลินาพุ่งตรงไปยังห้องน้ำก่อนเปิดก๊อกน้ำให้ไหลชโลมเรือนร่าง จากนั้นทรุดกายลงบนพื้นห้องพลางโอบกอดตัวเอง

“ฮือ ๆ” ร่างเล็กร้องสะอึกสะอื้นปานจะขาดใจกับสิ่งที่ต้องประสบ

การกระทำกับคำพูดของกฤตภาส ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเธอเหลือเกิน เขาช่างเป็นคนใจร้ายแบบที่คาดไม่ถึงมาก่อน ถึงกระนั้นก็ยังเกลียดเขาไม่ลงอยู่ดี

กว่าหญิงสาวจะใช้เวลาสงบอารมณ์ได้ ผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ จากนั้นไม่รอช้าทำความสะอาดร่างกาย เนื่องจากรู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลียเหลือเกิน จึงอยากนอนเร็วกว่าปกติ

เท้าเล็กก้าวออกจากห้องน้ำไม่กี่นาที เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เธอหยิบขึ้นมาดูก่อนพบว่าเป็นใคร

มิลินาสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ พยายามปรับเสียงให้เป็นปกติ เนื่องจากกลัวคนปลายสายเห็นถึงความผิดปกติบางอย่าง

“ว่าไงคะพี่นาย”

(เป็นไงบ้าง อยู่คนเดียวเหงาไหม) เสียงทุ้มที่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงทำเธอน้ำตาไหลพราก

“มิ้นต์โตแล้วนะคะพี่นาย ไม่ต้องห่วงหรอก” ว่าพลางปาดน้ำตาบนแก้มนุ่มนิ่ม

(อีกไม่กี่เดือนจะเรียนจบแล้ว มาอยู่กับพี่ที่อังกฤษไหม)

“ขอคิดดูก่อนนะคะ”

(เป็นอะไรหรือเปล่า เสียงฟังดูแปลก ๆ)

“เปล่าค่ะ พี่นายกับพี่มัดเป็นยังไงบ้างคะ สบายดีไหม” มิลินารีบเปลี่ยนประเด็นทันใด กลัวคนในสายรู้ว่าเธอเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาด ๆ

(สบายดี มัดดูแลพี่ดีมาก พี่รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ได้แต่งงานกับมัด)

“พี่นายมีความสุขไหมคะ”

(พี่มีความสุขที่สุดเลย)

“ดีแล้วล่ะค่ะ” คำตอบจากปากพี่ชายทำให้เธอรู้ได้ทันที อีกฝ่ายไม่ได้แกล้งพูดเพื่อให้เธอสบายใจ น้ำเสียงของซีนายบ่งบอกถึงความสุขที่ได้รับจากคนเป็นภรรยาอย่างมัดหมี่

(แค่นี้ก่อนนะมิ้นต์ พี่ขอไปช่วยงานมัดหน่อย ไว้ว่าง ๆ จะติดต่อหาอีก)

“ค่ะ”

หลังจากวางสายของซีนาย มิลินาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงหนานุ่ม แล้วถอนหายใจอย่างยืดยาว

“ถ้าพี่นายมีความสุข มิ้นต์ก็ดีใจ”

ถ้าการที่เธอยอมเป็นของเล่นให้กฤตภาส แล้วทำให้เขาเลิกยุ่งกับพี่ชายก็ยินดี

“พี่ภาสคนใจร้าย” มิลินาเอนกายนอนลงและข่มตาหลับ พยายามสลัดเรื่องราวเกี่ยวกับกฤตภาสออกจากหัว วันนี้เธอเหนื่อยเหลือเกิน จนไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น

ร่างอรชรของชมพิ้งค์เดินมาหยุดยังห้องหนึ่ง ก่อนเอื้อมมือกดกริ่ง ยืนคอยไม่นานเจ้าของห้องเปิดประตูออกมา

“นึกว่าจะมาเร็วกว่านี้”

“ฉันก็มีธุระบ้างสิ นี่ไม่คิดจะช่วยถือของให้เลยเหรอ” ชมพิ้งค์ไม่รอให้อีกคนเอ่ยประโยคใด ยัดถุงของกินที่อยู่ในมือให้คนตรงหน้า จากนั้นเดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางสบายอารมณ์

“เธอนี่เป็นผู้หญิงที่ไม่มีความอ่อนโยนเลย” ว่าแล้ว ปิดประตูเดินตามหลังหญิงสาวเข้าไปด้านใน

“ถ้านายชอบผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนโยนและแสนดีก็ไปคบกับคนอื่นเถอะ” เอ่ยบอกอย่างแง่งอน

“แต่ฉันชอบแบบนี้มากกว่า” ขุนเขาวางของในมือลงบนโต๊ะกระจกตัวเตี้ย ก่อนดึงหญิงสาวเข้าสู่วงแขนและบรรจงจูบลงบนกลีบปากอวบอิ่ม ดูดดื่มชิมความหวานอย่างหนำใจ

“อื้อ” ดวงตาคู่สวยหลับพริ้มอย่างผ่อนคลาย แขนเรียวคล้องคอแกร่ง ในขณะอีกคนยกมือหนาบีบขยำดอกบัวตูมอย่างเมามัน

“มันจะมากเกินไปแล้ว ขุนเขา” ชมพิ้งค์ได้สติรีบผลักเจ้าของกายแกร่งออกห่าง ตวัดสายตามองชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ

“ทำไมล่ะพิ้งค์ เราคบกันแล้วไม่ใช่เหรอ” เอ่ยถามอย่างเสียดาย

“ฉันไม่ได้อยากทำเรื่องแบบนั้นกับนายสักหน่อย”

“เธอกลัวพี่ชายเธอรู้เหรอ เรื่องที่เราคบกัน” เพราะขุนเขากับกฤตภาสไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหญิงสาวจึงต้องปิดเป็นความลับ

“เรื่องพี่ชายฉันก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่าคือนายนั่นแหละ”

“เฮ้อ...เธอก็เป็นแบบนี้ตลอดเลย”

“ฉันหิวแล้ว เอาของพวกนั้นไปใส่จานให้หน่อยสิ” นิ้วเรียวชี้ไปยังถุงอาหาร

“ฉันยอมทำตามคำสั่งของเธอก็ได้ แต่เธอต้องตอบแทนฉันด้วยนะ” ปรายตามองหน้าสวยอย่างเจ้าเล่ห์

“ตอบแทนอะไรของนาย”

“แค่จูบคงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม”

“ก็ได้”

“งั้นรอแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวฉันเอาของพวกนั้นไปใส่จานให้” ชายหนุ่มมองหญิงสาวแวบหนึ่ง ก่อนตรงไปห้องครัวพร้อมอาหารที่เธอซื้อ

“ตาบ้า! ได้คืบแล้วจะเอาศอก” เสียงหวานบ่นอุบอิบ ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมถึงชอบอีกฝ่าย ทั้งที่รู้ดีว่าเขาคือเสือผู้หญิง

“ของกินได้แล้วครับ”

“อืม ขอบใจ” ส่งยิ้มอ่อนให้แก่ขุนเขา แล้วหันไปสนใจดูภาพเคลื่อนไหวในจอโทรทัศน์

“หิวไหม เดี๋ยวฉันป้อน”

“อืม” พยักหน้าหงึก ๆ ขุนเขาไม่รอช้านำอาหารในจานใส่ปากนุ่ม ชมพิ้งค์เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

ผ่านไปไม่นาน ชมพิ้งค์ผล็อยหลับคาอ้อมแขนของขุนเขา

“หลับซะแล้ว” นิ้วยาวลูบไล้พวงแก้มขาวเนียนพร้อมจ้องมองใบหน้างดงามอย่างมีเลศนัย เพราะเธอแตกต่างจากผู้หญิงที่เขาควง จึงรู้สึกสนุกที่ได้เล่นด้วยก็เท่านั้น แต่ไม่มีทางคิดจริงจังเด็ดขาด

หลายวันต่อมา

หลังจากเรียนเสร็จในช่วงเย็น ชมพิ้งค์จูงแขนเรียวของเพื่อนเดินไปด้วยกันด้วยท่าทางรีบร้อน

“พิ้งค์ แกจะรีบพาฉันไปไหน” มิลินาสะบัดแขนให้หลุดจากมือเล็กของชมพิ้งค์

“เย็นนี้ไปกินข้าวบ้านฉันนะ คุณพ่อคุณแม่อยากเจอมิ้นต์”

“เอาไว้วันหลังดีกว่า” เธอรู้สึกอึดอัดที่ไปบ้านเพื่อนแล้วต้องเจอคนใจร้ายอย่างกฤตภาส

“ทำไมล่ะ”

“ไม่มีอะไรหรอก” เธอเลี่ยงจะพูดความจริงกับชมพิ้งค์

“มิ้นต์ ช่วงนี้แกเป็นอะไรหรือเปล่า ตั้งแต่พี่นายไปอังกฤษแกดูไม่ค่อยร่าเริงเลย” เธอสังเกตความผิดปกติของเพื่อนมาสักพัก อดไม่ได้จะเป็นห่วงจึงอยากให้มิลินาไปเที่ยวบ้านตนเอง เพื่อหวังคลายความหมองเศร้าในจิตใจของอีกฝ่าย

“ขอบใจนะที่เป็นห่วง แต่ฉันสบายดี” เธอจะกล้าบอกชมพิ้งค์ได้อย่างไรล่ะ สาเหตุที่ไม่มีความสุขเป็นเพราะกฤตภาส พี่ชายเพื่อนนั่นแหละ

“งั้นแกจะ...”

“พี่รอตั้งนาน อยู่ตรงนี่เอง” ไม่ทันชมพิ้งค์จะเอ่ยจบประโยค กายแกร่งของชายหนุ่มเดินย่างกรายมาหาน้องสาวพร้อมพูดขึ้น

มิลินาชำเลืองมองบุคคลมาใหม่ ก่อนเบนสายตาไปทางอื่น หญิงสาวไม่อาจรับรู้เลยว่าเขากำลังมองเธออยู่

“พี่ภาสมาได้ไงคะ”

“วันนี้พี่จะไปทานข้าวที่บ้าน คุณแม่เลยให้แวะมารับพิ้งค์”

“อ๋อค่ะ” พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“จะไปกันเลยไหม”

“พี่ภาสคะ ให้มิ้นต์ไปกินข้าวบ้านเราด้วยได้ไหมคะ”

“เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่า” มิลินารีบปฏิเสธทันทีและเตรียมจะหันหลังเดินหนี ก่อนเท้าเล็กจะหยุดชะงักกับคำพูดของคนตัวโต

“ไปกินข้าวด้วยกันนะมิ้นต์” บอกมิลินาอย่างสุภาพ ซึ่งเธอทราบดีว่าเขาแค่เสแสร้งเท่านั้น เพราะอยู่ต่อหน้าน้องสาว อีกคนจะทำตัวเป็นพี่ชายแสนดี

“ไม่เป็นไรค่ะ” เอี้ยวหน้าไปบอกคนข้างหลัง

“ไปเถอะนะครับ”

“ไม่เป็นไรดีกว่า มิ้นต์ขอตัวกลับก่อนนะคะ”

“ไปกินข้าวที่บ้านด้วยกันเถอะ อย่าดื้อเลย” กฤตภาสเอ่ยบอกพลางก้าวยาว ๆ ไปหาหญิงสาวซึ่งกำลังเตรียมจะวิ่งหนี ก่อนลากหญิงสาวไปที่รถคันหรู

“อะไรกันสองคนนี้” ชมพิ้งค์มองพี่ชายกับเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจ ถึงกระนั้นไม่ได้ใส่ใจนักก่อนเดินตามหลังคนทั้งสอง

ขณะรถแล่นบนท้องถนน มิลินานั่งข้างคนขับหันมองวิวข้างทางอย่างคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่แม้เหลือบมองคนตัวโต

“มิ้นต์”

“หืม”

“อีกสามเดือนจะเรียนจบแล้ว แกสนใจไปทำงานบริษัทพี่ภาสกับฉันไหม”

มิลินาชำเลืองมองคนตัวโต ซึ่งเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขากำลังมองเธอเช่นกันอย่างรอลุ้นในคำตอบ

“ไม่ดีกว่า บางทีฉันอาจจะไปอยู่อังกฤษกับพี่นาย”

“เหรอ แต่ถ้าแกไปอยู่อังกฤษฉันก็เหงาแย่สิ” ชมพิ้งค์บอกอย่างเซ็ง ๆ

“แกก็รีบหาแฟนสิ ถ้าฉันไม่อยู่จะได้ไม่เหงา”

“ห้ามมีแฟนนะยัยพิ้งค์ ยังเรียนไม่จบอีก” ตวัดสายตามองมิลินาอย่างไม่พอใจ

“รู้แล้วค่ะพี่ภาส พิ้งค์ไม่มีหรอก”

“เธอก็อีกคนแนะนำอะไรไม่เข้าท่า” ด้วยความลืมตัวจึงตำหนิคนข้างกาย

“พี่ภาสไม่เห็นต้องดุมิ้นต์เลย แค่เรื่องเล็กน้อย”

“ถึงแล้ว ลงไปได้เลยยัยพิ้งค์” เอ่ยบอกทันทีที่รถจอดสนิท

“ค่ะ” ชมพิงค์ทำตามคำสั่งของพี่ชายอย่างไม่มีทางเลี่ยง ขณะเดียวกันมิลินาตั้งท่าจะเปิดประตู ไม่วายถูกฝ่ามือใหญ่คว้าท่อนแขนเล็ก

“ยัยพิ้งค์เป็นเด็กน่ารักกว่าเธอเยอะ คนอย่างเธอแค่ได้เป็นเพื่อนกับยัยพิ้งค์ก็ดีมากแล้ว อย่าคิดจะทำนิสัยเสียเหมือนพี่ชายเธอที่เคยทำกับฉันล่ะ” เมื่อระบายอารมณ์ใส่มิลินาเสร็จ กฤตภาสเดินจากไปทันที ทิ้งคนตัวเล็กมองตามหลังอย่างงุนงง

“มิ้นต์ทำอะไรก็ผิดทุกอย่างเลยใช่ไหม”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel