บทที่ 7 ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ
บรรยากาศภายในห้องอาหารเป็นไปอย่างครื้นเครง และสนุกสนานมาก ทว่ามิลินาไม่ได้ร่วมวงสนทนาด้วย เนื่องจากรู้สึกอึดอัดต้องนั่งตรงข้ามกฤตภาส อีกฝ่ายเอาแต่จ้องมองตัวเองเป็นระยะ ๆ จนเธอแทบอยากลุกขึ้นหนีประเดี๋ยวนี้ ทว่าเกรงใจบุพการีของเพื่อน
“หนูมิ้นต์”
“คะ” เสียงเรียกของหญิงวัยกลางคนทำคนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนหันไปให้ความสนใจเนตรนภา
“อาหารอร่อยไหม”
“อร่อยค่ะ”
“หนูมิ้นต์อยู่คนเดียวคงเหงาแย่เลยใช่ไหม ว่าง ๆ ก็มาที่บ้านอีกนะ”
“ค่ะ” ส่งยิ้มอ่อนให้แก่หญิงวัยกลางคน จากนั้นก้มหน้ารับประทานอาหาร ก่อนจะเงี่ยหูฟังบทสนทนาระหว่างเนตรนภากับกฤตภาส
“แล้วเมื่อไรภาสจะแต่งงานสักทีล่ะ เพื่อนของลูกพี่ชายของหนูมิ้นต์ก็แต่งงานแล้วนะ”
“ยังก่อนครับ ตอนนี้ผมยังอยากทำงาน” สายตาดำขลับชำเลืองมองกรอบหน้าสวยหวานของมิลินา ก่อนตอบมารดา
ทุกคนในครอบครัวไม่มีใครรู้เรื่องเขารักมัดหมี่ เลยไม่มีใครรู้ว่าตัวเองกำลังช้ำใจเพราะความรัก
“อย่ามัวแต่ทำงานล่ะ แม่อยากอุ้มหลานจะแย่อยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าน้องเราจะมีแฟนก่อนหรอกใช่ไหม”
“พูดอะไรคะคุณแม่ พิ้งค์ยังไม่มีนะคะ” คนโดนมารดากล่าวหา สวนขึ้นทันใดเนื่องจากกลัวความลับแตก
“แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แค่พูดให้พี่ชายเราฟังเฉย ๆ”
“ค่ะ ๆ คุณหญิงเนตรนภา” เอ่ยบอกอย่างอารมณ์ดี
“เรานี่จริง ๆ เลย” อดไม่ได้จะอมยิ้มกับท่าทางของบุตรสาวพลางส่ายหน้าเล็กน้อย “แล้วหนูมิ้นต์ล่ะ สวย ๆ แบบนี้มีแฟนหรือคนมาจีบยัง”
“ยังไม่มีแฟนค่ะ”
“คนที่ชอบล่ะมีไหม สนใจลูกชายป้าหรือเปล่า”
“คุณแม่คะ พี่ภาสไม่เหมาะกับมิ้นต์หรอกค่ะ แก่เกินไป” ชมพิ้งค์พูดแทรกขึ้น
คำพูดของน้องสาวทำเอากฤตภาสสะดุ้ง ก่อนชำเลืองมองใบหน้างดงามของมิลินา
“ไม่ค่ะ มิ้นต์มีคนที่ชอบแล้ว”
“ใครเหรอมิ้นต์” ชมพิ้งค์เอ่ยถามด้วยความร้อนใจ คบกันมานานเธอไม่เคยรู้มาก่อนเพื่อนสนิทจะมีคนที่ชอบ
“กินข้าวเถอะ” เธอตัดบท แล้วก้มหน้ารับประทานอาหารต่อ โดยไม่อาจรู้สักนิดถ้อยคำของเธอสร้างความไม่พอใจให้แก่กฤตภาส
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย มิลินาเอ่ยลาทุกคน ก่อนเดินไปรอรถยังป้ายรถเมล์ เดิมทีเนตรนภาจะให้คนขับรถไปส่ง ทว่าเธอไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้จึงปฏิเสธ
ระหว่างนั่งรถอย่างใจจดใจจ่อ ทันใดนั้นรถคันหรูแสนคุ้นเคยมาจอดตรงหน้า เจ้าของรถลดกระจกลงมา
“ขึ้นรถ”
“ไม่ค่ะ มิ้นต์กลับเองได้” ไม่อยากรบกวนใครทั้งนั้น โดยเฉพาะคนอย่างเขา ที่ชอบรังแกตัวเองราวกับเกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
“ฉันบอกให้เธอขึ้นรถ เดี๋ยวไปส่ง”
“พี่ภาสไปเถอะค่ะ ไม่ต้องสนใจมิ้นต์หรอก”
“เธอนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ” ชายหนุ่มเปิดประตูลงจากรถและก้าวยาว ๆ ไปคว้าท่อนแขนขาวเนียน “ขึ้นรถซะ”
“ไม่ไปค่ะ พี่ภาสจะยุ่งวุ่นวายกับมิ้นต์ทำไมคะ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากสนใจเธอนักหรอก แต่ตอนนี้เธออยู่ในสถานะของเล่นของฉัน ฉันแค่ไม่อยากให้ของเล่นอย่างเธอบุบสลาย”
วาจาเชือดเฉือนจากริมฝีปากหยัก ทำเอามิลินาชาวาบก่อนยอมให้อีกคนพาไปขึ้นรถ
“รัดเข็มขัดด้วย” ว่าแล้ว ปิดประตูใส่และเดินไปฝั่งคนขับ
“น่ารำคาญจริง ๆ” กฤตภาสขึ้นมานั่งตำแหน่งคนขับ ก่อนออกรถไม่วายต่อว่าคนตัวเล็ก
“บอกแล้วไงมิ้นต์กลับเองได้” เอ่ยเสียงแผ่วแต่คนหูดีได้ยินชัดเจน
“ก็ฉันจะไปส่งไง” สวนกลับราวกับต้องการเอาชนะ
มิลินาเหนื่อยจะตอบโต้อีกคน จึงหันหน้ามองวิวข้างทางยามค่ำคืนพร้อมปล่อยใจให้ล่องลอยไปอย่างเรื่อยเปื่อย
“มีคนที่ชอบแล้วเหรอ” ถามขึ้นอย่างสนใจ
“ยุ่งอะไรด้วยล่ะ” เธอจะชอบใครก็ไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย ถึงคนที่เธอจะชอบเป็นเขาก็ตาม
“ฉันไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของเธอหรอก แต่รู้ไว้ด้วยว่าฉันไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร รอฉันเบื่อก่อนละกัน หลังจากนั้นเธอจะทำอะไรกับใครก็ได้”
‘คนใจร้าย’ ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น พยายามข่มความเจ็บปวดไว้ในก้นบึ้งลึกของหัวใจ ไม่อาจเปิดเผยให้เขารับรู้
“มะรืนนี้เธอว่างไหม” เอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากเงียบไปหลายนาที
“ไม่ว่างค่ะ”
“อย่าโกหก ฉันรู้ตารางเรียนของเธอจากยัยพิ้งค์แล้ว”
“รู้แล้วจะถามเพื่อ…” เธอเหนื่อยเหลือเกิน ตามอารมณ์อีกคนแทบไม่ทัน
“มะรืนนี้เก็บกระเป๋าด้วย ฉันจะไปพักผ่อนสักสองวัน”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับมิ้นต์คะ”
“เธอต้องไปด้วยไง”
“ไม่ไปค่ะ” ปฏิเสธเสียงแข็ง อีกคนไม่เอ่ยถามความสมัครใจเธอสักคำ จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยราวกับว่าแค่บอกให้เธอรับรู้เท่านั้น
“ต้องไป เธอห้ามปฏิเสธ”
“มันจะเกินไปแล้วนะคะ มิ้นต์ก็มีชีวิตเป็นของตัวเองเหมือนกัน ไม่ได้มีหน้าที่ทำตามคำสั่งของใครทั้งนั้น” โต้กลับอย่างโมโห
“แต่เธอมีหน้าที่ทำตามคำสั่งฉัน”
“เกลียดที่สุดเลย” หันหน้าหนีไปอีกทาง
เมื่อรถเคลื่อนตัวมาจอดยังคอนโดของมิลินา หญิงสาวเอื้อมมือจะเปิดประตู ทันใดนั้นชายหนุ่มคว้าคนตัวเล็กมานั่งบนตักแกร่ง ก่อนประกบปากจูบริมฝีปากอมชมพู
หลายวันที่ไม่ได้ลิ้มลองทำเขาโหยหามาก เมื่อได้โอกาสไม่รีรอจะตักตวงความหวานจากโพรงปากสาว
“อื้อ” จูบแสนหวานละมุนส่งผลให้มิลินาอ่อนระทวยอย่างง่าย ๆ
“ถ้าฉันโทรหารับสายด้วย” หลังถอนจูบออกก็เอ่ยบอกคนตัวเล็ก จากนั้นกดจูบแก้มนุ่มหนัก ๆ อย่างหลงใหลในกลิ่นกายสาว คืนนี้เขาไม่อยากปล่อยเธอไปเลยแต่มีงานต้องสะสาง
“ไม่รู้ค่ะ ถ้าไม่ว่างก็ไม่รับ”
“อย่าดื้อให้มันมากนัก มิ้นต์” กระชับกอดคนตัวเล็กแน่นเมื่อเห็นว่าเธอทำตัวพยศไม่เลิก
“ปล่อยสิ มิ้นต์อยากขึ้นห้องแล้ว”
“รับปากฉันมาก่อน เธอจะรับสายถ้าฉันโทรหา ดื้อมากนักคืนนี้ก็ไม่ต้องนอน”
“ค่ะ มิ้นต์จะพยายามละกัน”
“ทำไมต้องพยายามด้วย แค่รับสายจากฉัน” ใบหน้าคมคายซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นอย่างออดอ้อน เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงหลงใหลเธอมากขนาดนี้ ไม่อยากปล่อยให้เธอกลับห้องเลย
“พี่ภาสคะ มิ้นต์ง่วงแล้วค่ะ”
“ก็ไปสิ ใครห้ามเธอ” แม้ว่าจะพูดอย่างนั้น ทว่าแขนแกร่งยังคงโอบกอดคนตัวเล็กแน่น
“ปล่อยมิ้นต์สิคะ”
“ฉันเปลี่ยนใจละกัน คืนนี้ฉันค้างห้องเธอดีกว่า” ความตั้งใจเดิมจะสะสางงานคืนนี้มลายลงทันทีเพียงเพราะอยากอยู่กับเธอ
“ไม่ได้ค่ะ มิ้นต์ไม่ชอบให้คนอื่นมานอนห้องมิ้นต์”
“ฉันไม่ใช่คนอื่น”
“...” ไม่มีเสียงตอบกลับจากริมฝีปากอมชมพู นัยน์ตาคู่หวานประสานกับใบหน้าคมคายอย่างรอลุ้นว่าเขาจะเปล่งประโยคใดให้คลายความสงสัย
“ไปได้แล้วไป ฉันจะรีบกลับอย่าทำให้คนอื่นเสียเวลาสิ” กฤตภาสยอมปล่อยคนตัวเล็กเป็นอิสระ รู้สึกแปลก ๆ เมื่อได้สบตาคู่งาม ใจเต้นระรัวอย่างไม่เข้าใจสักนิด เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“พูดจาดี ๆ กับมิ้นต์สักครั้งไม่ได้เหรอ” เอ่ยบอกอย่างน้อยใจ จากนั้นเปิดประตูรถลงไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
“เฮอะ! เมื่อกี้คืออะไรกันแน่” ฝ่ามือใหญ่บีบอกข้างซ้ายแน่นพลางชำเลืองคนตัวเล็กนอกรถ
“เราคงไม่ได้ชอบยัยเด็กนั่นใช่ไหม ไม่มีทางหรอก” สลัดความคิดในหัวทิ้งและขับรถออกไปทันใด เขาเชื่อตนเองอย่างหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์จะไม่มีทางรักมิลินาเด็ดขาด
“คนใจร้าย ถ้าไม่ได้ชอบมิ้นต์ก็อย่าทำให้หวั่นไหวสิ” มองตามหลังรถคันหรูจนลับหาย ก่อนยกมือเรียวขึ้นกุมอกข้างซ้ายด้วยความรู้สึกเจ็บจี๊ด
