บทที่ 5 ลงทัณฑ์ Nc
หลังจากกฤตภาสกลับมาถึงคอนโด ชายหนุ่มเอาแต่เดินวนไปมาด้วยท่าทางกระวนกระวาย เนื่องจากภายในหัวนึกถึงเรื่องของมิลินาตลอด ทำให้จิตใจว้าวุ่นยากจะสงบลงง่ายดาย
“โธ่เว้ย!” เขารู้สึกหงุดหงิดมากแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
เสียงข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้น กฤตภาสรีบเปิดอ่านอย่างไวก่อนจะบีบมือเข้าหากันแน่นอย่างโมโห
สิ่งที่เขาได้เห็นเมื่อสักครู่ คือรูปภาพของมิลินากำลังนั่งรับประทานอาหารริมทางอย่างเอร็ดอร่อย นั่นยิ่งทำให้เขาเดือดขึ้นมากกว่าเดิม
“เฮอะ! ท่าทางจะมีความสุขมากสินะ” เขาแค่นยิ้มขณะจ้องมองรูปภาพของคนตัวเล็กที่ถูกส่งมาโดยฝีมือขุนเขา
ข้อความที่เข้ามาใหม่ทำให้กฤตภาสเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว จากนั้นรีบออกจากคอนโดไปตามโลเคชั่น
ชายหนุ่มเหยียบคันเร่งด้วยความร้อนใจ กว่าจะถึงกินเวลาค่อนข้างนานพอสมควร เนื่องจากช่วงเย็นการจราจรติดขัด
เมื่อมาถึงร้านอาหารริมทาง เขาพุ่งตรงไปหามิลินา มือใหญ่คว้าท่อนแขนเล็กพร้อมกระชากเต็มแรง จนเธอลุกขึ้นยืนอย่างงุนงง
“พี่ภาส” มองบุคคลมาใหม่ด้วยใบหน้าตกตะลึง
“มากับฉัน” ชายหนุ่มถอดชุดคลุมที่มิลินาสวมใส่คืนเจ้าของ โยนใส่ขุนเขาอย่างไม่ไยดี แล้วพาเธอไปด้วยกัน
“เฮอะ! ทำมาเป็นปากแข็ง” ขุนเขามองตามหลังกฤตภาสพลางยกยิ้มมุมปาก ที่ได้เห็นอีกฝ่ายเดือดพล่าน
หลังจากชายหนุ่มสามารถพามิลินาออกจากขุนเขาสำเร็จ เขาไม่เปล่งเสียงพูดสักประโยค เอาแต่ยุ่งอยู่กับการขับรถด้วยความเร็วสูง จนหญิงสาวทนไม่ไหวจึงเอ่ยปากขึ้น
“พี่ภาสช้า ๆ หน่อยได้ไหมคะ มิ้นต์กลัว”
“...” ไม่มีเสียงตอบกลับจากอีกคน เขายังคงเหยียบคันเร่งสุดมิดเหมือนเดิม
“พี่ภาสคะ ขอร้องเถอะ” มือเรียวแตะหัวไหล่แกร่งแผ่วเบา ส่งสายตาอ้อนวอนคนข้างกายเพื่อต้องการให้ชะลอรถ
กฤตภาสเบรกรถกะทันหันในที่เปลี่ยว ซึ่งไม่มีรถสักคันผ่านมา ใบหน้างดงามหันหน้ามองคนข้างกายด้วยความหวาดกลัวจะถูกทิ้งไว้ที่นี่คนเดียว
“พี่ภาสจอดรถทำไมคะ” เอ่ยถามพลางหันมองรอบกาย
“อยู่กับมันแล้วมีความสุขมากใช่ไหม” ตะคอกใส่คนตัวเล็กด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันเป็นอะไร แค่เห็นเธออยู่กับขุนเขาด้วยท่าทางเบิกบานใจ รู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“พูดอะไรของพี่ภาสคะ พี่ทิ้งมิ้นต์เองไม่ใช่เหรอ”
“พูดแบบนี้คงอยากอยู่กับมันมากใช่ไหม ฉันจะบอกอะไรให้นะมิ้นต์ ฉันไม่ชอบใช้ผู้หญิงร่วมกับคนอื่น” พูดจบ กฤตภาสคร่อมร่างเล็กอย่างรวดเร็วพร้อมกับปรับเบาะรถ
“พี่ภาสจะทำอะไรคะ” มือเล็กดันอกกว้างพลางเบือนหน้าไปทางอื่น
“ลงโทษเธอไง”
“ลงโทษอะไรของพี่ภาสคะ แล้วมิ้นต์ทำอะไรผิด”
ชายหนุ่มไม่สนใจตอบคำถามของมิลินา เขาจัดการทาบริมฝีปากหยักได้รูปลงบนกลีบปากอวบอิ่ม ดูดดื่มอย่างรุนแรงราวกับต้องการบดขยี้คนตัวเล็กให้แหลก
“อื้อ” พยายามขัดขืน แต่แรงอันน้อยนิดกลับสู้แรงมหาศาลไม่ได้ จำใจต้องปลดปล่อยเรือนร่างให้โอนอ่อนตามการกระทำดิบเถื่อนของเขา
ฝ่ามือใหญ่บีบขยำเต้าสวยอย่างรุนแรงพร้อมเม้มริมฝีปากอมชมพูอย่างคลั่งไคล้ในรสชาติ
“เธอไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับใคร ยกเว้นฉันคนเดียว” กระซิบบอกข้างใบหูขาวสะอาด ก่อนงับลำคอระหงทีหนึ่งทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกหนึ่ง
“ทำแบบนี้กับมิ้นต์ทำไม” ถามเสียงสั่นเครือ
“ลืมแล้วเหรอ ตอนนี้เธอเป็นของเล่นของฉัน”
“เมื่อคืนพี่ภาสได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ควรปล่อยมิ้นต์ไปสิ”
“ครั้งเดียวมันไม่พอหรอก แลกกับชีวิตไอ้นาย”
ได้ยินดังนั้น มิลินาเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ข่มน้ำตาไม่ให้ไหลรินประจานความโง่เขลา รู้สึกผิดหวังเหลือเกินกับการรักผู้ชายคนนี้
ชายหนุ่มไม่รอช้าพลิกร่างเล็กให้ขึ้นมาอยู่บนตัวเขา ส่วนตัวเองเอนกายพิงหลังกับเบาะรถ
“มิ้นต์เกลียดพี่ภาส”
“ฉันก็ไม่ได้ขอให้เธอมารู้สึกดีกับฉันสักหน่อย” ตอบกลับอย่างไม่แยแส ไม่สนใจว่าคนตัวเล็กจะรู้สึกยังไง นอกจากอยากทำตามความปรารถนาของตัวเอง
กฤตภาสถอดชุดเดรสสายเดี่ยวลงไปกองบริเวณเอวคอดกิ่ว ก่อนดูดดื่มยอดปทุมถันตั้งตระหง่านเด่นยั่วยวนตรงหน้าอย่างอดใจไม่ไหว
“อื้อ” เธอพยายามกลั้นเสียงร้องอันน่ารังเกียจสุดขีด ยกมือทั้งสองข้างปิดปากสนิท
สายตาดำขลับชำเลืองมองคนตัวเล็กที่พยายามต่อต้านเขา จึงเอาคืนด้วยการกัดยอดถันสีหวาน จนเธอเผลอเปล่งเสียงร้องคราง
“อ๊ะ” มองเขาตาขวาง
เขายกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ แล้วตวัดเลียดอกบัวตูมต่ออย่างหลงใหล มือหนาทั้งสองข้างบีบขยำก้นเด้งอย่างเมามัน
“อื้อ อ๊ะ” มิลินาทนไม่ไหวกับการเล้าโลมของอีกคน ส่งเสียงร้องครางลั่นโดยไม่กลัวใครจะมาได้ยิน
“ครางดัง ๆ เลย ฉันชอบเสียงเธอ หวานรื่นหูดี” เอ่ยบอกอย่างพอใจ
“อื้อ อ๊ะ พี่ภาสอย่ากัดแรงสิคะ”
“ช่วยไม่ได้ นี่คือบทลงโทษของเธอ” กฤตภาสบอกอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจัดการเลิกกระโปรงชุดเดรสขึ้นมากองยังเอวบอบบางพร้อมช่วยถอดแพนตี้น้อยให้เธอ
“ฉันไม่ไหวแล้ว พร้อมกันนะ” กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ชายหนุ่มถอดกางเกงไปกองบริเวณขา นำท่อนลำชี้โด่งพร้อมสอดเข้าไปในร่องสวาทพรวดเดียวจนสุดลำ
“อ๊ะ”
“ขย่มฉันสิ”
“มิ้นต์ทำไม่เป็น”
“น่ารำคาญชะมัด” ถึงจะบอกอย่างนั้นกับคนตัวเล็ก แต่เขาไม่ได้ปล่อยไปเลยตามเลย ก่อนช่วยอธิบายให้ฟังพร้อมสาธิตให้ดู คนเรียนรู้เร็วอย่างมิลินาทำตามได้ทันที
หญิงสาวยกสะโพกผายขึ้นลงกระแทกกับความเป็นชายด้วยจังหวะถี่รัว โดยฝ่ามือใหญ่จับยึดเอวคอดไว้
“อื้อ อ๊ะ ดีเหลือเกินมิ้นต์ เอาแรง ๆ กว่านี้” ว่าแล้ว ขยับร่างเล็กขึ้นลงให้เร็วกว่าเดิม
“อื้อ พี่ภาส” ทรมานเหลือเกินราวกับร่างกายจะแหลกสลาย
“ฉันไม่ไหวแล้วมิ้นต์ ฉันขอทำเองดีกว่า” ไม่พูดเปล่า ดันคนตัวเล็กให้นอนใต้ร่างแทน ส่งความเป็นชายเข้าออกในร่องสวาทแบบไม่ยั้ง
“อ๊ะ เจ็บ...” หยาดน้ำตาไหลรินอาบแก้มนุ่ม มือเล็กจิกเล็บลงบนท่อนแขนกำยำแน่นเพื่อข่มความเจ็บปวด
ชายหนุ่มยังคงใส่แท่งเอ็นเข้าในตัวเธอระรัว ไม่รับรู้สักนิดหญิงสาวกำลังรู้สึกอย่างไร นอกจากอยากปลดปล่อยอารมณ์พลุ่งพล่านใส่คนตัวเล็ก
“จำไว้นะมิ้นต์ เธอเป็นของเล่นของฉัน ผู้ชายหน้าไหนไม่มีสิทธิ์แตะต้องจนกว่าฉันจะเบื่อ”
คำพูดของคนตัวโตตอกย้ำความรู้สึกของเธอได้เป็นอย่างดี เธอไม่โกรธหรือเกลียดเขาเลย นอกจากเกลียดตัวเองที่ยอมเป็นของเล่นให้เขาง่าย ๆ แต่จะปล่อยให้อีกคนทำร้ายพี่ชายก็คงเป็นไปไม่ได้ หากนี่จะพอชดใช้ได้ก็ยอม
ดวงตากลมโตปิดลงสนิท เธอไม่อยากเห็นหรือรับรู้อะไรทั้งนั้น ปล่อยให้เขากระทำย่ำยีตัวเองตามใจชอบ โดยไม่ขัดขืนสักนิด
“อ๊า...” กฤตภาสครางลั่น หลังได้ปล่อยน้ำเชื้อเต็มร่องสวาท
ใบหน้าคมคายซบลงกับซอกคอหอมกรุ่นด้วยความโล่งอก ไม่วายกดจูบแก้มนวลหนัก ๆ
“ถ้าได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ปล่อยมิ้นต์กลับสักทีเถอะ” วินาทีนี้เหนื่อยเหลือเกิน เธออยากอยู่คนเดียวเพื่อทบทวนอะไรสักหน่อย
“ร้องไห้ทำไม สำออยชะมัด” ผงกหัวมองคราบน้ำตาบนพวงแก้มขาวเนียน จากนั้นรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยและกลับไปนั่งฝั่งคนขับตามเดิม
“รีบแต่งตัวซะ เห็นแล้วขยะแขยงชะมัด” เขาโยนชุดสูทที่อยู่เบาะหลังให้คนตัวเล็กเพื่อคลุมเรือนร่างเปลือยเปล่า
มิลินายอมทำตามคำสั่งของเขาอย่างว่าง่าย เนื่องจากตอนนี้ไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้อะไรอีกแล้ว นอกจากอยากอยู่เงียบ ๆ
หลังจากใส่ชุดเดรสเรียบร้อยก็นำชุดสูทมาคลุม ก่อนเบือนหน้าไปอีกด้านเพราะไม่อยากเห็นใบหน้าหล่อเหลาของคนใจร้าย
กฤตภาสชำเลืองมองคนตัวเล็กแวบหนึ่งพร้อมออกรถทันใด เมื่อมาถึงคอนโดของหญิงสาว เขาไม่ทันได้เอ่ยพูดสักประโยค มิลินารีบเปิดประตูลงไปอย่างไว ไม่เหลียวมองเขาสักนิด
“เฮอะ! ดีจริง ๆ เลย”
ส่ายหัวไปมาอย่างเชื่องช้ากับพฤติกรรมของหญิงสาว
