บท
ตั้งค่า

2. ใจหายจะกลายเป็นอดีต

“นั่น.พี่ป่านนี่...อ้าว หายไปซะแล้ว”

ปัญญา จ้องที่จอโทรทัศน์พร้อมอุทานน้ำเสียงตื่นเต้น

“พี่อยู่นี่จะหายไปไหนยะ..ไม่ได้เป็นวิญญาณ ซะหน่อย”

เปมิกา เดินเข้ามาในชุดเสื้อแขนกุดกับกางเกงขาสามส่วน พร้อมกับถือผ้าเช็ดผมมาด้วย

“เมื่อกี้ มีข่าวแบ็งก์บีบีซี. ปอเห็นพี่ป่านยืนตากฝนเหมือนนางเอกมิวสิควีดีโอเลย..แต่เห็นแค่แว้บเดียวเอง” ปัญญา หันมาบอกพี่สาว

“พี่ไม่ได้ไปแสดงมิวสิค นะยะ ...ไปประท้วงให้รัฐบาลหางานใหม่ให้ทำ..แต่ดูท่าจะประท้วงชะตาชีวิตซะมากกว่า”

เปมิกา พูดคล้ายปลงก่อนจะทรุดนั่งลงข้าง ๆ น้องชาย

“ข่าวเมื่อกี้..บอกว่าจะให้เงินชดเชยตั้งหลายเดือนด้วย”

ปัญญา บอกเล่าตามข่าวให้พี่สาวฟัง

“เชื่อข่าวคงได้ออกลูกเป็นลิงแน่ ความจริงยังไม่รู้เลยว่าจะได้เท่าไหร่ ได้มาก็ยังไม่รู้ว่าจะพอกับค่าใช้จ่ายอะไรบ้างหรือเปล่า…ที่สำคัญไม่รู้จะหางานใหม่ได้ไหม”

เปมิกา รู้สึกไม่มั่นใจกับอนาคต

“พ่อกับแม่บอกว่าถ้าอยู่กรุงเทพฯ ลำบากก็ให้กลับไปอยู่ชนบทบ้านเราไปก่อน”

“อุตส่าห์เรียนจนจบปริญญาได้เป็นสาวแบ็งก์อยู่ตั้งนาน จู่ ๆ จะให้ไปทำไร่ไถนาที่บ้านนอก รู้อย่างนี้จบปอหกแล้วออกมาเลี้ยงควาย ตั้งแต่แรกก็ดีแล้วไม่ต้องดิ้นรนเรียนจนจบแบบนี้ให้เสียเวลาหรอก”

“เลี้ยงหมูก็ดีนะพี่ป่าน..เหมือนกิ๊กเก่าพี่ป่านไง้...ที่ทำฟาร์มหมู..ตอนนี้เป็นเสี่ยไปแล้ว ถ้าพี่ป่าน แค่ตอบตกลงเป็นแฟนกับพี่มานพ ก็ไม่ต้องลำบากแล้วล่ะ..”

ปัญญา พูดแซวมากกว่าจะจริงจัง

“นายอยากจะมีพี่เขยไม่เต็มบาทอย่างนายมานพ รึไงยะ”

“แต่ปอว่า..พี่มานพ ถึงจะดูเว่อร์ ขี้โม้ไปหน่อยแต่ก็ไม่ขี้เหนียวเหมือน....เอ้อ..พี่ริน”

ปัญญา พูดไม่เต็มเสียงในตอนท้ายคล้ายเกรงใจพี่สาว เปมิกาอดยิ้มกับคำพูดของน้องชายที่มีต่อคนรักไม่ได้ และคนที่ตั้งข้อกล่าวหากับบุรินทร์เช่นนี้อีกคนคือสิตา ที่เจ้าตัวบอกว่าบุรินทร์นั้นเค็มยิ่งกว่าทะเล แต่เปมิกากลับรู้สึกชินกับการที่จะต้องหารครึ่งกับบุรินทร์ทุกครั้งที่ออกไปรับประทานอาหาร หรือไปเที่ยวด้วยกัน ซึ่งบางครั้งก็จะใช้วิธีผลัดกันจ่าย แต่บางครั้งบุรินทร์ก็เคยใจป้ำเลี้ยงอาหารเปมิกาโดยไม่ทวงเงินคืนเวลาสิ้นเดือน แค่นี้เปมิกาก็ปลื้มใจจนต้องนำไปพูดอวดกับสิตา แต่แทนที่สิตาจะปลื้มไปด้วยกลับทำหน้าตาแปลก ๆ พร้อมกับบอกว่า

“แน่ใจนะ..ว่าอีตานี่จะไม่ทวงเงินเธอตอนหลัง ..”

“เธอก็มองเขาในแง่ร้ายเกินไป…”

เปมิกา พยายามพูดให้เพื่อนเข้าใจแฟนหนุ่ม

“เธอก็อย่าเข้าข้างอีตาขี้งกนั่นไปหน่อยเลย ผู้ชายบ้าอะไรก็ไม่รู้..พาแฟนไปกินข้าวแต่ละทีต้องแชร์กันทุกบาททุกสตางค์ขาดไปบาทเดียวยังทวงยิก ๆ แถมนั่งรถไปด้วยยังต้อง

เติมน้ำมันรถให้อีก แหม..ทะเลเรียกพี่นี่ยังน้อยไป ต้องเรียกปู่ทวด เค็มซะไม่มี”

สิตา เคยวิจารณ์บุรินทร์อย่างไม่เกรงใจเปมิกา

ภาพความโกลาหลของลูกค้าที่เบียดเสียดกันอยู่ภายในธนาคารมีให้เห็นอีกแล้ว

เปมิกา นึกเห็นใจสิตา และเพื่อนพนักงานคนอื่น ๆ ที่ต้องอยู่ด้านหน้าคอยรับถอนเงิน เพราะต้องรองรับอารมณ์ของลูกค้าในหลากหลายรูปแบบ ทั้งคนที่มาบ่นเสียดายที่ธนาคารต้องมาถูกปิด โดยให้เหตุผลว่ามีความผูกพันเคยใช้บริการมาตั้งแต่รุ่นที่เรียกว่า “จะเบิกจะถอนต้องเอาหมอนมาด้วย” เพราะรุ่นนั้นยังใช้พิมพ์ดีดทำให้รอนาน จนกระทั่งมีคอมพิวเตอร์ออนไลน์รวดเร็วทันใจ

ลูกค้าบางรายก็มาให้กำลังใจ บางคนก็ซื้อข้าวกล่องมาให้พนักงานทั้งสาขาได้รับประทานกลางวัน แต่เหรียญยังมีสองด้าน เมื่อมีลูกค้าที่พอใจ เห็นใจแล้วก็ยังมีลูกค้าที่ไม่พอใจเช่นกัน

“ทำไมช้าอย่างนี้ ฉันรอตั้งสองชั่วโมงแล้วยังถอนเงินไม่ได้เลยสักที แบ็งก์เจ๊งแล้วไม่มีเงินจ่ายลูกค้าหรือเปล่า...”

ลูกค้าบ่นด้วยความหงุดหงิด ซึ่งก็น่าเห็นใจ เพราะบางคนกว่าจะเก็บหอมรอมริบนำเงินมาฝากได้ต้องใช้เวลานาน แล้ววันหนึ่งมาถอนเงินตัวเองไม่ได้สักที ก็ต้องมีต่อว่ากันบ้างเป็นธรรมดา

ทว่า...ความเป็นจริงแล้ว สาเหตุที่ช้าก็เพราะเกิดจากการที่มีลูกค้ามาถอนเงินพร้อมกันทีเดียวจำนวนมาก ทำให้รถที่ใช้ขนส่งเงินสดที่ต้องวิ่งรอกหลายสาขาเกิดความล่าช้า ดังนั้น พนักงานก็ต้องใช้ความอดทนในการรับฟัง แม้จะรู้ตัวว่าต้องตกงานในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว แต่ก็ต้องทำหน้าที่ในวาระสุดท้ายให้ดีที่สุด พนักงานบางคนจึงให้บริการทั้งน้ำตา

เปมิกา มองภาพความวุ่นวายข้างล่างแล้วก็ขึ้นไปที่ชั้นสองอันเป็นห้องทำงานของหล่อน ซึ่งเป็นแผนกสินเชื่อ ที่ดูเหมือนว่าจะวุ่นวายน้อยกว่าข้างล่างมาก เพราะคนที่ตกอยู่ในฐานะเป็นลูกหนี้ธนาคารนั้น ย่อมเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะกระตือรือร้นน้อยกว่าการเป็นเจ้าหนี้ที่มีเงินฝากอยู่กับธนาคาร

เปมิกา ผลักประตูห้องสินเชื่อเข้าไปก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่โต๊ะทันที ส่วนเพื่อนพนักงานที่นั่งกันอยู่อีกสามโต๊ะต่างก็ง่วนอยู่กับการตอบคำถามลูกค้าทางโทรศัพท์

“สวัสดีค่ะ แผนกสินเชื่อค่ะ..” เปมิกา กรอกเสียงพูด

“อุ๊ย..คุณป่านหรือเปล่าคะ..นี่แมวเองนะ”

เสียงคนโทรมาให้ความเป็นกันเอง

“สวัสดีค่ะคุณแมว...มีอะไรให้ป่านรับใช้คะ..”

“แมวทราบข่าวจากทีวีเรื่องแบ็งก์บีบีซี.เจ๊ง..เอ๊ย..ที่ถูกปิดน่ะค่ะ..แมวเสียใจด้วยนะคะ”

“ขอบคุณมากค่ะคุณแมว..”

เปมิกา รู้สึกซึ้งใจกับคำพูดของนภาพร ซึ่งถือเป็นลูกค้าที่สนิทกันพอสมควร เนื่องจาก นภาพร มาติดต่อขอให้เปมิกาทำหนังสือค้ำประกันเพื่อประมูลงานของบริษัทเป็นประจำ และทุกครั้งที่นภาพร มาติดต่องานกับเปมิกา ก็มักจะมีของกินติดไม้ติดมือมาฝากทุกครั้ง

“วันนี้คุณธีม..เจ้านายของแมวจะเข้าไปคุยกับหัวหน้าคุณป่านที่แบ็งก์ ไม่รู้ว่าไปถึงหรือยัง.”

“ยังไม่เห็นเลยค่ะ..”

“งั้นก็แค่นี้ก่อนนะคะคุณป่าน..แมวโทรมาเป็นกำลังใจให้คุณป่าน อย่าท้อนะคะ..สู้ ๆ”

เปมิกา วางสายจากนภาพรแล้ว หล่อนก็ต้องรับสายอื่นที่โทรศัพท์เข้ามาอีกหลายสาย

“ป่าน..ช่วยรับสายที่โต๊ะพี่แทนด้วยนะ จะไปห้องน้ำหน่อย นี่รับโทรศัพท์ตั้งแต่เปิดแบ็งก์มา ยังไม่ได้ขี้ได้เยี่ยวเลยทั้งวัน สงสัยจะต้องใส่แพมเพิร์ส แทนซะแล้วเนี่ย..”

คำพูดของสุรพล ทำให้ลูกน้องอย่างไกรสิทธิ์ นิกร และเปมิกา อดหัวเราะไม่ได้

“สวัสดีครับ..พี่พล…”

เสียงทักพร้อมเรียกชื่อสุรพล ดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องสินเชื่อถูกผลักเข้ามา ทำให้สุรพล หันไปรับไหว้ชายหนุ่มมาดดี ในชุดสูทสีเข้มที่กำลังส่งยิ้มให้เขา และมีชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันอีกคนเดินตามเข้ามา ทำให้ทุกคนในแผนกยกมือไหว้ชายหนุ่มทั้งสองที่เข้ามาภายในห้องสินเชื่อ

“คุณธีม...คุณชัย ..เชิญนั่งครับ ”

สุรพล ผายมือให้กับลูกค้าคนสนิท

“สงสัยพี่พลจะต้องหาแพมเพิร์ส มาใส่จริง ๆ แล้วล่ะ..”

นิกรเ พื่อนร่วมงานรุ่นน้องของเปมิกา แอบมากระซิบทำให้เปมิกา ต้องอมยิ้ม

“คุณธีมคนที่มากับคุณชัยนั่น เป็นหุ้นส่วนกันใช่ไหมพี่ป่าน..” นิกร กระซิบถาม เปมิกา

“ใช่มั้ง..พี่ก็เพิ่งเคยเห็นหน้าคุณธีม ครั้งแรกเหมือนกันได้ยินแต่ชื่อ”

“ปกติเขาไม่เคยเข้ามาที่แบ็งก์ มีแต่คุณศรชัย กับคุณแมว เลขาของเขามาแทน แต่วันนี้เดินทางมาเองคงมีอะไรพิเศษ” นิกร ชวนคุย

“ก็ต้องพิเศษสิ...แบ็งก์เราจะเจ๊งแล้วนี่..ลูกค้าก็ต้องหาทางย้ายไปแบ็งก์อื่น ก็ต้องเข้ามาหารือกับหัวหน้าเราน่ะสิ...”

“ป่าน..ช่วยไปค้นแฟ้มที่ตู้เอกสารให้พี่หน่อย..เอ๊า! นี่หมายเลขแฟ้ม..”

สุรพล เดินมายื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ส่งให้เปมิกา

เปมิกา เถลไถลอยู่ที่ตู้เอกสาร หล่อนถือโอกาสเปิดดูแฟ้มลูกหนี้ที่สุรพลใช้ให้มาค้นหาลูกค้าชื่อ บริษัท ทีวายบิวตี้โฮม จำกัด เป็นบริษัทที่รับสร้างบ้านและออกแบบตกแต่งภายใน โดยมี ธีรยุทธ กับ ศรชัย มีอำนาจ ในการสั่งจ่ายเช็คและทำธุรกรรมต่าง ๆ กับธนาคาร

เปมิกา คุ้นเคยกับศรชัย เพราะเขามักจะมาติดต่องานกับสุรพลบ่อย ๆ ส่วนธีรยุทธนั้น เปมิกาได้ยินแต่ชื่อของเขาจากที่นภาพร เอ่ยถึงบ้าง และสุรพล พูดให้ฟังบ้าง

“เพิ่งจะมาเจอตัวจริงของเจ้านายคุณแมว ก็ตอนที่แบ็งก์เจ๊งพอดี..หน้าตาหล่อยังกะพระเอกหนังเกาหลีเลยแฮะ...แต่ก็หล่อน้อยกว่าบุรินทร์ แฟนเราอยู่ดี…”

เปมิกา พูดกับแฟ้มประหนึ่งว่าเป็นชายชื่อธีรยุทธ ก่อนจะถือแฟ้มนั้น เดินไปยื่นส่งให้กับสุรพลที่โต๊ะทำงาน

“หายไปซะนาน นึกว่าแอบงีบหลับอยู่ที่ห้องเก็บเอกสาร กำลังจะให้นิกรไปตามพอดี..”

สุรพล พูดเป็นเชิงสัพยอกเปมิกา เมื่อได้รับแฟ้มเอกสาร แล้วสุรพลก็หันไปสนทนากับลูกค้าหนุ่มทั้งสองคนต่อ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel