19. เผลอไผล
ยิ่งดึกเพลงที่นักดนตรีเล่นในผับ ก็ยิ่งสนุกสนานเร้าใจ จนทำให้มีแขกที่นั่งตามโต๊ะต่าง ๆ เริ่มออกไปยักย้ายส่ายสะโพกด้วยความสนุกสนาน แสงไฟระยิบระยับที่จงใจให้เต้นตามจังหวะเพลงเร็วนั้นปลุกเร้าให้นักเที่ยวทุกคนเกิดอารมณ์ร่วมไปกับบรรยากาศแห่งเสียงเพลง ยิ่งใครที่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปก็ยิ่งเพิ่มความครึกครื้นให้ประสาทตื่นตัวมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่มาร์คกับนภาพรที่ดื่มบรั่นดีไปหลายแก้ว ทำให้ทั้งคู่รู้สึกสนุกสนานไปกับบรรยากาศของแสงสีและเสียงเพลง
“อุ๊ย..เพลงนี้สนุกน่าเต้นรำ”
นภาพร บอกมาร์ค อย่างตื่นเต้น เมื่อดนตรีที่หนักหน่วงบรรเลงเพลงในจังหวะที่เร้าใจจนหล่อนต้องโยกศีรษะไปมาด้วยความคึกคัก
“งั้นเราออกไปเต้นรำกันเถอะ..”
มาร์ค ลุกขึ้นยืนโค้งให้นภาพรด้วยรอยยิ้ม หล่อนลุกขึ้นพร้อมยื่นมือไปให้มาร์คจูงหล่อนเดินไปยังฟลอร์ ด้านหน้าที่มีคนอื่น ๆ เต้นรำกันอยู่อย่างสนุกสนาน
นภาพร รู้สึกครึกครื้นไปกับเสียงเพลงและเสียงกรี๊ดจากลูกค้าโต๊ะอื่น ๆ ที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ ที่หล่อนรู้สึกสนุกสุดเหวี่ยงแบนนี้อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ส่วนหนึ่ง ก็ได้
และอีกส่วนหนึ่ง หล่อนก็ไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้นานแล้ว จึงเหมือนมารำลึกถึงอดีตที่เคยมากับคนรัก หล่อนเห็นทีจะต้องชวนธีรยุทธ มาคลายเครียดแบบนี้บ้างแล้ว
มาร์ค ก็ดูจะมีความสุขกับการได้เต้นรำมาก เขาเป็นผู้ชายที่แข็งแรงคนหนึ่ง สามารถเต้นรำได้หลายเพลงโดยไม่หยุดพัก จนกระทั่งเปลี่ยนบรรยากาศเป็นเพลงช้านภาพรก็เริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยแล้ว
“ขอพักเหนื่อยก่อนนะคะมาร์ค…”
“แต่เพลงช้าก็ช่วยให้เราพักเหนื่อยได้นะครับ…”
เขายื่นมือไป ทำให้หล่อนไม่กล้าปฏิเสธ ทั้งคู่จึงอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน โดยมีคู่เต้นรำคู่อื่น ๆ โอบประคองซบไหล่กันอย่างซาบซึ้งอยู่รายรอบ
มาร์ค หลับตาพริ้มด้วยความสุข เขาอดที่จะกอดหล่อนเข้ามาแนบอกไม่ได้ ในขณะที่นภาพร ก็ไม่ได้ขัดขืนเขาแต่อย่างใด ศีรษะของหล่อนเอนซบไหล่เขา ทำให้เขาต้องโอบกระชับเอวของหล่อนเข้ามาแนบลำตัวอย่างตั้งใจ พร้อมกระซิบข้างหูหล่อนด้วยถ้อยคำหวานซึ้งหลายประโยค
แต่นภาพร ก็ไม่ได้ยินถนัดนัก หล่อนมัวแต่จะปล่อยใจให้เคลิบเคลิ้มไปกับภวังค์แห่งเสียงเพลง ใจของหล่อนกำลังล่องลอยไปหาใครคนหนึ่งที่กรุงเทพฯ เสียงกระซิบของมาร์ค จึงทำให้เผลอคิดว่าเป็นเสียงของธีรยุทธ แม้กระทั่งช่วงที่มาร์คแอบจุมพิตหล่อนเบา ๆ ที่แก้ม หล่อนก็ยังเผลอเอียงแก้มให้เขาหอมอย่างเต็มใจ
“ผมชักจะหลงรักคุณเข้าแล้วล่ะ รู้ไหม..”
มาร์ค กระซิบบอกหล่อน
นภาพร หัวเราะร่วน ขณะนี้หล่อนไม่ได้มีสติเต็มร้อย
หล่อนรู้แต่เพียงว่าผู้ชายที่กระซิบข้างหูเป็นธีรยุทธ จึงเต็มใจซบอกอันแสนจะอบอุ่นของมาร์ค ด้วยความสุขที่เผลอไผลไปอย่างเคลิบเคลิ้ม
มาร์ค ตัดสินใจพานภาพร ออกจากผับเมื่อเห็นว่าหล่อนมีอาการเมาแล้ว เขาพยุงร่างที่เดินซวนเซไปมาของนภาพร พาไปยังรถของหล่อน และเขาก็เป็นคนขับด้วยตนเองไปยังโรงแรมที่พัก โดยพาหล่อนไปยังห้องพักของเขาด้วย
“คืนนี้คุณคงต้องค้างที่ห้องผมแล้วล่ะ ดาร์ลิ้ง...”
มาร์ค กระซิบพลางพยุงหล่อนไปนั่งที่เตียง และค่อย ๆ จับหล่อนนอนเอนราบลงไปบนเตียงพร้อมกับตัวของเขาก็ล้มตัวลงไปนอนข้าง ๆ หล่อนด้วย
“ธีม…”
เสียงนภาพร เรียกชื่อของคนรักหล่อนเบา ๆ พร้อมกับใช้มือไขว่ขว้าแขนของมาร์คไว้
มาร์ค ไม่สนใจกับชื่อที่หล่อนเรียกนั้นอีกต่อไป เมื่อหล่อนเป็นฝ่ายมาคว้าเขาไว้ จึงเหมือนกับว่าหล่อนยินยอมพร้อมใจที่จะให้เขาได้ใกล้ชิด เขาโอบกอดหล่อนเข้าแนบชิดอกของเขาอย่างยากที่จะหักห้ามใจอีกต่อไป
“ที่รัก…” มาร์คเรียกหล่อนด้วยความเสน่หา
“ธีม…ฉันรักคุณนะคะ”
หล่อนยังคงเข้าใจอยู่เสมอว่าชายที่กำลังสัมผัสเนื้อตัวหล่อนอยู่นี้เป็นคนรัก มาร์ค ลืมทุกอย่างแม้เขาจะเป็นเพียงเงาร่างของชายอีกคนหนึ่งของหล่อนก็ตามที
ทว่า..ในช่วงเวลานี้เขาได้ทำตามปรารถนาแห่งหัวใจและร่างกายเรียกร้องแล้ว
....................................
ปรางทอง เข้าไปเคาะห้องของสมรด้วยความร้อนใจ เมื่อนางตื่นขึ้นมาในเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้วพบว่า นภาพร ไม่ได้กลับเข้ามานอนที่ห้องพักด้วยกัน
“ยัยแมวไม่กลับมานอนที่ห้อง โทรเข้ามือถือเมื่อกี้ก็ไม่ติด..” ปรางทองบอกกับสมรด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“ใจเย็น ๆ ค่ะคุณแม่..เดี๋ยวหมอนจะลองโทรไปที่ห้องของมาร์คดู”
สมร เองก็รู้สึกเป็นห่วงน้องสาวเช่นเดียวกัน หล่อนรีบเดินไปกดโทรศัพท์ทันที ปรางทองเดินเข้าไปฟังด้วยความไม่สบายใจ ในขณะที่เอริคกับลูกสาวยังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง
“ว่าไงยัยหมอน..”
ปรางทอง รีบถามทันทีที่เห็นสมรถือโทรศัพท์ค้างคล้ายกับอึ้งไป
“ยัยแมวค้างที่ห้องของมาร์คตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ”
คำพูดของสมร ทำให้ปรางทอง ถึงกับเซไปเล็กน้อย
“แม่จะเป็นลม…ทำไมมันรวดเร็วอย่างนี้"
ปรางทอง พูดเสียงแหบพร่า
“มันอาจจะไม่เป็นแบบที่เราคิดกันก็ได้ค่ะแม่” สมร พูดปลอบใจมารดา
“เราไปดูให้เห็นกับตากันเลยดีกว่า แม่อยากรู้ว่ายัยแมวไปนอนที่ห้องของมาร์คทำไม”
ทั้งสองแม่ลูกจึงตัดสินใจไปเคาะประตูห้องของมาร์ค
มาร์ค งัวเงียออกมาเปิดประตู เขานุ่งผ้าเช็ดตัวปกปิดท่อนล่าง ส่วนท่อนบนเปลือยเปล่า ปรางทองไม่สนใจมาร์คแต่รีบเดินลิ่วไปด้านใน ภาพที่เห็นทำให้นางแทบจะเข่าอ่อน เพราะเสื้อผ้าของมาร์คและนภาพร ต่างก็วางระเนระนาดกองอยู่บนพื้นใกล้กับเตียงนอน เพียงแค่นี้ทั้งปรางทองและสมรก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้
“ยัยแมว! ยัยลูกไม่รักดี ตื่นเดี๋ยวนี้นะ”
