ตอนที่ 4 ครอบครัวของลู่หลิน
“ไปครับ! ผมจะไป”
การตอบรับคำชวนอย่างไม่คาดคิดจากลู่หลินสร้างความแตกตื่นให้กับคนทั้งห้อง พวกเขาส่วนใหญ่รู้เรื่องโปรแกรมทัศนศึกษาครั้งนี้แล้วแต่ไม่เคยคิดจะสนใจเข้าร่วม อยู่ๆ ลู่หลินคนดังประกาศเข้าร่วมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ จึงเริ่มมีหลายคนที่เปลี่ยนใจอยากไปร่วมทันที เริ่มใช้โทรศัพท์มือถือแอบสอบถามเวลารถออกกันยกใหญ่…
“เอาจริงเหรอลู่หลิน พรุ่งนี้คุณป้าตามนายให้กลับบ้านไม่ใช่รึไง?”
ชิวอิงกระซิบถามขึ้นมาเบาๆ เมื่อวันก่อนเพื่อนสนิทยังมาอ้อนให้เธอกลับบ้านใหญ่เป็นเพื่อนอยู่เลย มาวันนี้เปลี่ยนใจจะไปทัศนศึกษาซะแล้ว
“อื้ม! ฉันอยากไป… เธอไม่คิดว่าป๋ายอี้หลินน่าสงสารเหรอ? ฉันอยากไปรู้เรื่องราวของเขาให้มากกว่านี้! "
ชิงอิงมองหน้าเพื่อนนิ่งๆ พยายามมองหาความจริงว่าสนใจประวัติศาสตร์จริงๆ หรือว่าแค่หาข้ออ้างไม่ไปบ้านใหญ่กันแน่…
ลู่หลินเพื่อนสนิทของเธอคนนี้เป็นคนที่น่าสงสารมาก โชคร้ายเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กยังไม่พอ มีทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้แล้วก็ใช้ไม่ได้เพราะต้องรอให้อายุครบ 20 อีก คุณป้าผู้จัดการมรดกก็หน้าเงิน พาครอบครัวตัวเองเข้ามายึดบ้านไว้จนลู่หลินต้องหนีมาอยู่หอพักของมหาวิทยาลัยแถมเงินที่ส่งมาให้ใช้ก็ยังน้อยนิดทั้งที่นั่นเป็นเงินของพ่อแม่ของลู่หลินแท้ๆ … ดีที่อีกไม่ถึงเดือนลู่หลินก็จะอายุครบ 20 แล้ว ในที่สุดก็จะได้หนีให้พ้นครอบครัวเห็บหมัดอย่างป้าตัวเองสักที ที่ตามให้กลับไปคุยยิกๆ อยู่นี่ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องทวงบุญคุณขอแบ่งผลประโยชน์นั่นแหละ…
ชิวอิงรู้ดีว่าแม้ลู่หลินจะไม่ชอบครอบครัวป้าของตัวเองคนนี้ แต่ลึกๆ แล้วก็ยังมีความใจอ่อนตามประสาคนที่ไม่มีญาติพี่น้องคนอื่นแล้วต้องการที่พึ่งทางใจ ที่ผ่านมาเธอจึงต้องคอยพยายามให้เวลากับเพื่อนคนนี้ให้เยอะๆ
เธอรู้ว่าลู่หลินจะต้องลำบากใจกับการไปพบป้าตามนัดครั้งนี้แน่ เพราะทุกครั้งที่ไปก็มีแต่เรื่องชวนให้เดือดเนื้อร้อนใจกลับมาตลอดถึงได้มาอ้อนขอให้เธอไปเป็นเพื่อน เธอจึงคิดว่าการเปลี่ยนใจไปร่วมทัศนศึกษาในครั้งนี้คงไม่พ้นเป็นการหาข้ออ้างแน่ๆ แต่เมื่อเห็นท่าทีให้ความสนใจจริงจังกับเรื่องราวในประวัติศาสตร์ เธอก็เริ่มจะไม่แน่ใจเหมือนกัน
คงเป็นเพราะมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเองนานไป เธอจึงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ออดหมดเวลาเรียนดังขึ้นแล้ว และเพื่อนๆ คนอื่นๆ ในชั้นเรียนก็กำลังทยอยเก็บข้าวของกันอยู่
ที่น่าแปลกที่สุดคืออาจารย์ลีสุดหล่อขวัญใจของสาวๆ ถึงกับเดินมากหาลู่หลินถึงโต๊ะพร้อมกับเอ่ยให้คำแนะนำก่อนไปทัศนศึกษาพรุ่งนี้
“นักศึกษาลู่ อย่าลืมไปค้นคว้าข้อมูลประวัติศาสตร์เมืองโจวโบราณไว้หน่อยนะ เผื่อไปดูสถานที่จริงพรุ่งนี้จะได้เข้าใจเหตุการณ์มากขึ้น…”
“ครับ"
ลู่หลินเอ่ยตอบรับไปเบาๆ จนได้รับรอยยิ้มใจดีตอบกลับมา ก่อนที่อาจารย์ลีจะค่อยๆ เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ชิวอิงมองตามไปจนลับสายตา…
…
..
.
“นี่นายกับอาจารย์ลีแอบกิ๊กกันอยู่เหรอ? …”
“ปุ๊ด หา! อะไรกัน ทำไมถามอย่างนั้น!!!”
คำถามไม่คาดคิดจากปากเพื่อนสาวทำให้ลู่หลินที่กำลังนั่งกินชาบูกับเพื่อนถึงกับต้องสำลักออกมาจนต้องควานหาทิชชูมาเช็ดปากเช็ดโต๊ะกันยกใหญ่ ส่วนชิวอิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เบะปากมองบนอย่างรังเกียจ
“ไม่ต้องมาเบะปากใส่เลย… ก็เล่นถามแบบนั้น ใครจะไม่ตกใจ…”
“ก็มันน่าแปลกไม่ใช่เหรอ? คนไม่อินประวัติศาสตร์อย่างนาย อยู่ๆ ก็คิดจะไปทัศนศึกษาโบราณสถาน… ถ้าไม่เป็นเพราะอาจารย์ลีชวน จะเป็นเพราะอะไรได้อีก….” ชิวอิงยังคงไม่ยอมแพ้ จี้ถามต่อไป
“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย… ฉันแค่คิดว่าเรื่องประวัติศาสตร์เมืองนี้มันแหม่งๆ คิดดูนะ คนทั้งคนถูกกล่าวโทษว่าทำให้เมืองล่มสลายมันแย่ออก แล้วยิ่งความจริงสาเหตุที่ทำให้เมืองล่มสลายเป็นเพราะภูเขาไฟระเบิด มันก็ยิ่งน่าสงสาร ใครจะไปห้ามไม่ให้ภูเขาไฟระเบิดได้กัน นายว่ามั้ย”
ลู่หลินรีบอธิบายไขข้อเข้าใจผิดให้เพื่อนทันที เขาเองก็ค่อนข้างแปลกใจในตัวเองเหมือนกันที่อยู่ๆ ก็ให้ความสนใจในเรื่องนี้มากขนาดนี้
“แน่ใจนะ… ว่าที่ไปเพราะสนใจเรื่องนี้จริงๆ ไม่ได้แอบนัดๆ ไปเดทลับๆ กับใคร?” ชิวอิงยังคงมีความเคลือบแคลงใจจึงต้องถามออกไป
ที่เธอเป็นห่วงลู่หลินมากที่สุดไม่ใช่เรื่องที่มีป้ามหาภัยคอยสูบเลือดสูบเนื้อ แต่เป็นนิสัยติดจะโหยหาความรักอยู่ตลอดเวลาจนแทบไม่เคยว่างเว้นคนควงนี่แหละ ยิ่งช่วงนี้โสดจริงๆ จังๆ มาได้เกือบเดือนจนเธอก็ออกจะคิดว่าแปลกเหมือนกัน ถึงได้คิดว่าแอบกิ๊กอยู่กับอาจารย์ลีนี่แหละ ก็นะ อาจารย์ลีคนนี้แม้จะใส่แว่นแต่งตัวเนิดๆ ดูเฉิ่มๆ แต่ลือกันว่าถอดแว่นออกมาแล้วหล่อแซบไม่ใช่เล่น ผิดรึไงที่เธอจะแอบเชียร์อยู่ลึก อาจารย์ลีคนนี้ก็ดูเป็นคนดี ดูเป็นผู้ใหญ่ ได้คนดีๆแบบนี้มาช่วยดูแลลู่หลิน เพื่อนสนิทอย่างเธอจะได้หมดห่วง
”แน่ใจสิ! งั้นเอางี้! ถ้าชิวอิงไม่ไว้ใจ ก็ไปทัศนศึกษากับเราพรุ่งนี้เลย ดีมะ?” ลู่หลินเริ่มได้ไอเดียลากเพื่อนสนิทไปด้วยกัน ตาสวยจึงเริ่มมีประกายแวววาวอย่างคนตื่นเต้นที่จะได้มีเพื่อนเที่ยว
”ไม่ต้องเลย ฉันรู้ทันหรอกยะ! ไม่ไปหรอก ทริปนี้น่าจะร้อนแน่ๆ คิดว่ายัยอ้วนอย่างฉันจะทนได้รึไง?!?” ชิวอิงรีบปฏิเสธทันทีจนลู่หลินเริ่มจะทำหน้าบูดออกมา แต่ก็เข้าใจดีในความไม่ชอบอากาศร้อนของเพื่อนจึงไม่ได้คาดคั้นอะไรมากนัก
”แล้วแบบนี้นัดยัยป้ามหาภัยพรุ่งนี้จะเอายังไง? เลื่อนไปก่อนเหรอ?
”ไม่ต้องเลื่อนหรอก ไปทัศนศึกษาแค่ตอนกลางวัน ตอนค่ำๆค่อยเข้าไปคุยก็ได้ จะได้รีบไปรีบกลับไม่ต้องอยู่นานด้วย...”
คำอธิบายของลู่หลินทำให้ชิวอิงพยักหน้ารับออกมานิ่งๆไม่ได้พูดอะไรต่อ
”กินข้าวเสร็จแล้วเรากลับเลยนะ อยากไปห้องสมุด...”
คำบอกเล่าของลู่หลินทำให้ชิวอิงแปลกใจ
”อย่าบอกนะว่าจะไปค้นข้อมูลก่อนไปสถานที่จริง?”
”อื้ม! ก็จะได้รู้ข้อมูลไปบ้างไง... ฉันอยากรู้ว่าภูเขาไฟที่นั่นเป็นประเภทไหน....”
”เดี๋ยวนะ... คือที่ไปศึกษานี่... ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์เหรอ?”
”ก็ประวัติศาสตร์ไง ประวัติของภูเขาไฟ...”
”เฮ้อๆๆๆๆ ลู่หลินนะลู่หลิน”
ถอนหายใจเสร็จ ชิวอิงก็ก้มหน้าก้มตากินชาบูตรงหน้าต่อไปจนลู่หลินต้องทำตาโมมองอย่างงงๆ
’นี่เขาพูดอะไรผิดกัน?’
