ตอนที่ 5 ค้นคว้าก่อนลงพื้นที่จริง
ลู่หลินเป็นคนพูดจริงทำจริง พอตั้งใจว่าจะไปค้นคว้าหาข้อมูลไว้ก่อน ก็ใช้เวลาตั้งแต่บ่ายจรดค่ำหมกตัวอยู่ที่ห้องสมุดจริงๆ เพราะเรื่องราวเกี่ยวกับการระเบิดของภูเขาไฟในครั้งนั้นมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายเกินกว่าที่จะค้นหาให้จบได้ภายในเวลาไม่กี่นาที
ภูเขาไฟเจียฮว๋าซานเป็นภูเขาไฟแบบสลับชั้น (Composite Cone) คือเป็นภูเขาไฟที่มีรูปร่างสมมาตร สลับชั้นด้วยลาวาและเถ้าถ่านสลับกันไป ทั้งยังเป็นภูเขาไฟที่ยังมีพลังอยู่ในยุคนั้น ทำให้เมื่อเกิดการระเบิดขึ้นมันจึงกลายเป็นมหันตภัยที่อันตรายที่สุด
จากข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์และนักโบราณคดีร่วมกันวิเคราะห์ไว้กล่าวว่า การระเบิดของเบิดของภูเขาไฟเจียฮว๋าซานกินเวลาถึงสามวันเต็ม
เจียฮว๋าซานเริ่มออกอาการเตือนถึงภัยร้ายมาแล้วหลายเดือนก่อนหน้านั้นด้วยเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รุนแรงขึ้นและถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อถึงเดือนสุดท้ายที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวเริ่มเกิดขึ้นแทบจะทุก ๆ สามวันครั้ง
พวกชาวเมืองเชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะเทพเจ้าเจียฮว๋าซานแสดงความไม่พอใจต่อชายกาลกิณีอย่างป๋ายอี้หลิน พวกเขาจึงรวบรวมคนมาจัดพิธีบูชาเทพเจ้าปีนี้อย่างใหญ่โตมากที่สุดและเพิ่มหนึ่งในพิธีการสำคัญเข้าไปก็คือการจับเอาตัวป๋ายอี้หลินมาเตรียมบูชาต่อเทพ ด้วยการโยนตัวกาลกิณีลงไปบนปากปล่องภูเขาไฟ
‘โหหหห นี่มันจะเกินไปแล้ว!’ ลู่หลินอ่านเรื่องราวไปก็สบถด่าด้วยความไม่พอใจไปด้วย
เมื่อถึงเช้าวันนัดหมายอันเป็นวันจัดงานเทศกาลบวงสรวงเทพเจ้าภูเขาไฟเหมือนที่ทำกันมาเป็นประจำทุกปี ชาวเมืองนับหมื่นคนก็แห่แหนมาห้อมล้อมตามจุดต่างๆ ของเชิงเขาเพื่อเตรียมทำพิธีสักการะท่ามกลางแผ่นดินไหวที่โยกคลอนเบาๆ ตลอดพิธี จนเมื่อถึงขั้นตอนการจับตัวป๋ายอี้หลินโยนลงไป เรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อโจวหยางอ๋องที่หายออกไปจากเมืองหลายวันก่อนหน้านั้นเพื่อปราบโจรกบฏต่างแดนกลับมาถึงเมืองได้ทันเหตุการณ์พอดีจึงเริ่มนำกำลังคนเข้าขัดขวางพิธีการ แต่เพราะกำลังพลของโจวหยางอ๋องมีน้อยและเหน็ดเหนื่อยจากการทำศึกมานาน อีกทั้งไม่มีใจพุ่งรบทำร้ายชาวเมือง ในที่สุดพวกเขาก็พ่ายแพ้ต่อความงมงายของชาวเมืองและชายกาลกิณีป๋ายอี้หลินก็ถูกจับโยนลงไปในปากปล่องภูเขาไฟได้ในที่สุด…
โจวหยางอ๋องที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเศร้าเสียใจมากจึงตัดสินใจกระโดดตามคนรักของตัวเองไป สร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนทั้งเมือง….
'….อืม…..โจวหยางอ๋องนี่เป็นคนดีจริงๆ … ในความโชคร้ายของป๋ายอี้หลินก็ยังมีความโชคดีอย่างการได้มีคนรักที่ดีคอยรักและดูแลอยู่ แม้จุดจบของคนทั้งคู่จะน่าเศร้า แต่ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว….' ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ลู่หลินรู้สึกอินเกินไป ถึงได้เริ่มน้ำตาซึมออกมายามที่ได้รู้ชะตากรรมของคนทั้งคู่…
(ภาพจำลองเหตุการณ์ตอนเกิดภูเขาไฟระเบิดเมืองปอมเปอีค่ะ เครดิตในรูปนะคะ)
ชาวเมืองคิดว่าหลังจากที่ป๋ายอี้หลินตกลงไปในปล่องภูเขาไฟแล้วทุกอย่างจะสงบลง แต่พวกเขาคิดผิด เพราะไม่กี่นาทีนับจากนั้นเหตุการณ์ที่น่าตื่นตระหนกที่สุดในชีวิตก็เกิดขึ้น
ภูเขาไฟเจียฮว๋าซานเริ่มต้นการระเบิดครั้งใหญ่ด้วยการดันเอาเถ้าถ่านและฝุ่นควันภูเขาไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงหลายร้อยเมตร ก่อให้เกิดเมฆดำปกคลุมไปทั่วบริเวณจนแสงอาทิตย์ไม่อาจเล็ดลอดลงมาได้คล้ายกับเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน คนที่อยู่แถวปากปล่องภูเขาไฟตายทันทีจากแก๊สพิษจำนวนมหาศาลที่อบอวลอยู่
ชาวบ้านที่ยังงมงายเชื่อว่านั่นคือสัญญาณการตอบรับจากเทพเจ้า พวกเขาจึงพากันกู่ร้องดีใจเพราะคิดว่าเรื่องราวร้ายๆ กำลังจะผ่านพ้นไป แต่พวกเขาคิดผิดมหันต์เพราะฝุ่นควันนั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้น
หลังจากนั้น ลาวา เถ้าถ่านและก๊าซพิษมหาศาลปริมาณกว่าแสนตันพุ่งสูงขึ้นไปบนฟ้าด้วยความเร็วแบบที่ม้าศึกฝีเท้าเยี่ยมแห่งกองทัพยังไม่อาจไล่กวดตามความเร็วนั้นได้ ความสูงของก๊าซพิษที่พุ่งสู่ฟ้า สูงเทียบเท่าความสูงของเจียฮว๋าซานถึงสิบชั้นรวมกัน ก่อนที่จะตกลงมาสู่พื้นดินสร้างความวินาศแผ่วงกว้างไปเกือบสิบกิโลเมตรจากศูนย์กลางของภูเขาไฟ
(ภาพจำลองเหตุการณ์ตอนเกิดภูเขาไฟระเบิดเมืองปอมเปอีค่ะ เครดิตในรูปนะคะ)
สิ่งแรกที่ตกลงมาสู่พื้นคือหินสีขาว (หินพัมมิซคือลาวาที่โดนอากาศเย็นเลยกลายเป็นหินสีขาวกลวง) และเศษซากของภูเขาไฟที่สาดลงมาราวกับเป็นห่าฝนกระแทกโดนผู้คนจนล้มลงเสียชีวิต จำนวนของมันมีมากมหาศาลจนกว่าที่เหตุการณ์จะสงบลงความหนาของมันที่ท่วมพื้นดินก็สูงเกือบ 10 เมตร ฝังร่างชาวเมืองเอาไว้ใต้ดินจนทำให้ผ่านไปหลายร้อยปีแล้วจึงเริ่มมีการขุดพบซากอารยธรรมของเมืองนี้
ความน่ากลัวอย่างที่สองคือลาวามหาศาลและห่าลูกไฟที่ไหลบ่าลงมา กวาดทำลายทุกอย่างรอบภูเขาไฟให้กลายเป็นเศษซากตอตะโกที่ไหม้เกรียมแผ่นรัศมีไปไกลหลายกิโลเมตร
ชาวเมืองที่อยู่ละแวกนั้นต้องพากันอพยพหนีตายอย่างหัวซุกหัวซุน คนที่แอบหลบอยู่ในบ้านบางคนพอรอดตายจากหินขาวได้ในตอนแรก แต่เมื่อลาวาไหลบ่าออกมา ร่างของพวกเขาก็โดนความร้อนสูงเผาทำลายไปจนเสียชีวิตในที่สุด ส่วนคนที่รีบหนีออกจากแนวภูเขาไฟรอดชีวิตได้นานกว่าทั้งทางบกและทางน้ำ แต่พวกเขาก็ต้องไปเจอกับภัยธรรมชาติในรูปแบบใหม่ๆ
คนที่หนีออกไปทางเรือต้องผจญกับคลื่นยักษ์ที่เกิดจากแผ่นดินไหวอันเป็นผลพวงจากภูเขาไฟทำให้เรืออพยพหลายลำจมลงสู่ก้นทะเล
คนที่หนีออกไปทางบกแต่ไม่รวดเร็วพอส่วนหนึ่งก็ขาดใจตายจากแก๊สพิษ อีกส่วนหนึ่งก็ถูกห่าลูกไฟและหินพัมมิซที่กระจายตัวอยู่เต็มท้องฟ้าทับถมลงมา
เจียฮว๋าซานปะทุโหมกระหน่ำอยู่สามวันเต็มในที่สุดก็สงบลงท่ามกลางเศษซากของการทำลายล้างและซากศพ มีชาวเมืองมากมายนับหมื่นชีวิตที่ถูกฝังกลบลงไปใต้ซากเถ้าถ่านที่ร้อนจัดกลบมิดไปทั้งเมื่องโจวและยังแผ่ร่องรอยความพินาศไปถึงรอบเมืองข้างเคียง
ชาวเมืองรอบข้างที่เฝ้าดูเหตุการณ์อันน่าตื่นตระหนกนี้คิดว่าทุกอย่างจะจบลงไปแล้ว แต่แล้วความน่ากลัวอย่างต่อไปก็ตามมาคือฝนพิษที่โถมกระหน่ำตกลงมาถึง 7 วัน 7 คืนเต็มๆ
วันแรกที่ฝนตก น้ำฝนที่ตกลงมาเจอกับเถ้าถ้านที่ยังคุกรุ่นกลายเป็นโคลนภูเขาไฟร้อนจัดไหลทะลักลงมากลบซากเมืองที่ถูกทำลายและไหลบ่าไปสู่เมืองข้างเคียงหลายสิบเมืองเล็ก ๆ รอบบริเวณเขตเมืองชั้นนอกของภูเขาไฟ ในตอนนั้นผู้คนส่วนใหญ่พากันอพยพลี้ภัยกันไปหมดแล้วความสูญเสียชีวิตคนจึงไม่ได้เกิดขึ้นมากนัก แต่ก็ทำเอาเมืองรอบนอกกลายเป็นเมืองร้างจมอยู่ใต้เศษซากไม่ต่างจากเมืองโจว
(รูปภาพจริงของซากเมืองปอมเปอีค่ะ เครดิตในรูปนะคะ)
หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ผ่านไปเกือบสามพันปีกว่าที่จะมีการขุดพบซากเมืองโจวโบราณ ทำให้โลกได้รู้เรื่องราวของเมืองโจวเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติ สิ่งที่น่าสะท้อนใจที่สุดของการขุดพบครั้งนี้คือพวกเขาได้พบกับภาพชาวเมืองในวาระสุดท้ายของชีวิตที่นอนขดกายในอิริยาบถที่แตกต่างกันใต้ซากของภูเขาไฟทำให้เมืองโจวโบราณและเรื่องราวของภูเขาไฟเจียฮว๋าซานได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นจนภายหลังได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกในที่สุด…
อ่านมาถึงตรงนี้ ลู่หลินก็ถึงกับถอนหายใจออกมา…
จากตอนแรกที่ความสงสารพุ่งตรงไปที่ป๋ายอี้หลินเพียงคนเดียว ในตอนนี้ก็เขาเริ่มสงสารในชาวเมืองทั้งหมดของเมืองโจวโบราณไปด้วย
ในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ ชาวเมืองโบราณเหล่านี้ไม่มีใครมีความรู้เลยว่าเจียฮว๋าซานเป็นภูเขาไฟที่กำลังรอการระเบิด ดูได้จากการที่ไม่มีการบันทึกคำว่าภูเขาไฟไว้เลยแม้แต่ครั้งเดียวทำให้เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างสงบลงแล้ว สิ่งเดียวที่ผู้รอดชีวิตและชาวเมืองรอบข้างกล่าวถึงเหตุการณ์นี้ก็คือมันเป็นการลงโทษจากเทพเจ้าที่ไม่พอใจชายกาลกิณีป๋ายอี้หลินและชาวเมืองโจวทุกคนที่ปล่อยให้เรื่องความรักต้องห้ามนี้เกิดขึ้นจนเป็นเหตุให้โอรสมังกรที่คู่ควรกับบัลลังก์ราชวงศ์ฉินมากที่สุดอย่างโจวหยางอ๋องต้องจบชีวิตลง…
ความผิดที่เกิดจากความไม่รู้ช่างน่าเห็นใจ หากมีใครสักคนที่สามารถช่วยพวกเขาได้ก็คงจะดี…
____________________
Talk#ไรท์ใช้แหล่งข้อมูลประกอบความรู้จาก Eduzone และ Travel MThai นะคะ ขออนุญาตยืมใช้รูปชั่วคราวเพื่อประกอบความเข้าใจ ผ่านไปสักพักจะลบรูปออกค่ะ
