ตอนที่ 3 ลู่หลินไม่อินประวัติศาสตร์
” ทำไมคนโบราณถึงจับเชื่อมโยงเอาพฤติกรรมรักร่วมเพศของคนคนคู่เดียวไปเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ครับ มันไม่สมเหตุสมผลเลย”
คำถามของลู่หลินเรียกความสนใจได้จากทุกคนในห้อง ไม่ใช่เพราะพวกเขาตั้งใจเรียน แต่เป็นเพราะความเด่นดังในชื่อเสียง ‘ลู่หลินไม่อินประวัติศาสตร์’ ของคนที่กำลังถามต่างหาก...
จุดเริ่มต้นของฉายานี้เกิดตั้งแต่วันแรกที่ลู่หลินลงทะเบียนเรียนวิชาเลือกเสรีและเข้ามานั่งร่วมเรียนในวิชานี้ ด้วยความเป็นคนดังในโลกโซเชียลอยู่แล้ว การมานั่งเรียนในวิชาที่คาดไม่ถึงและมีคนสนใจน้อยจึงทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งห้องทันที
มีนักศึกษาหนุ่มๆ สาวๆ ผู้คลั่งไคล้ประวัติศาสตร์หลายคนเข้าใจผิดหลงคิดไปว่าสาเหตุที่ลู่หลินมาลงเรียนวิชานี้เป็นเพราะชื่นชอบในวิชาประวัติศาสตร์เหมือนกับตนจึงได้พยายามเข้ามาตีสนิทและพูดคุยกับเขาตลอดทั้งคาบจนลู่หลินรู้สึกเบื่อหน่าย เพราะสำหรับเขาแล้ว วิชานี้คือการพักผ่อน… และคนพวกนี้ทำให้เขาไม่ได้พัก!
เย็นวันนั้นหลังจากเลิกเรียน ลู่หลินจึงได้ตั้งสเตตัสในแอพโซเชียลมีเดียของตัวเองว่า ‘ลู่หลินไม่อินประวัติศาสตร์’ พร้อมกับรูปถ่ายท่านั่งตาเบลอพร้อมหลับเต็มที่ระหว่างเรียนอัพขึ้นไป
แทนที่มันจะเป็นเพียงแค่การระบายอารมณ์แล้วจบไป แฟนคลับขาอวยของลู่หลินกลับมองมันเป็นเรื่องที่น่ารักๆ ตามประสาเน็ทไอดอล ทำให้เกิดการเล่น #ลู่หลินไม่อินประวัติศาสตร์ ตามมานับแต่นั้น
เพื่อนในชั้นเรียนเมื่อรู้ว่าลู่หลินไม่ได้ชื่นชอบวิชาประวัติศาสตร์เหมือนตัวเอง ก็ไม่มีใครคิดเข้ามากวนใจอีกนับแต่นั้น ทำแค่คอยแอบมองคนดังนั่งเรียนเป็นระยะๆ
ในวันนี้พวกเขาถึงได้ตกใจมากยามที่ได้เห็นลู่หลินที่ไม่เคยให้ความสนใจกับเนื้อหาใดๆ ของบทเรียนมาก่อนเลย กลับยกมือขึ้นตั้งคำถามกับบทเรียนราวกับกำลังตั้งใจเรียนมาก
” นักศึกษาลู่ถามได้ดี ความคิดรูปแบบนี้ของคนโบราณสะท้อนความแตกต่างจากยุคสมัยที่ความเข้าใจต่อเรื่องราวต่างๆ มีไม่เท่ากัน พวกเขาจึงใช่บริบทของยุคสมัยนั้นเป็นตัวตัดสินความถูกผิด ภูเขาไฟที่พวกเขาศรัทธาหายไปในเวลาเดียวกับที่เกิดเรื่องราวฉาวโฉ่ของท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขาจึงเชื่อมโยงเรื่องเลวร้ายสองเรื่องให้มันเป็นเรื่องเดียวกัน”
คำตอบจากอาจารย์ลี ศาสตราจารย์หนุ่มด้านโบราณคดีประจำมหาวิทยาลัย ไม่ได้ช่วยให้ลู่หลินเข้าใจเรื่องราวได้มากนัก เพราะมันขัดหลักวิทยาศาสตร์ที่เขาเข้าใจมาตลอด มือเรียวจึงยกขึ้นอีกครั้งเป็นสัญญาณว่าต้องการถามต่อ ซึ่งอาจารย์ลีก็พยักหน้าให้ถามได้อย่างใจดี
ผู้คนอื่นๆ ในห้องหลายสิบคนเริ่มหันมาสนใจการซักถามนี้มากขึ้นเมื่อคนดังประจำมหาวิทยาลัยยังไม่หยุดเป็นจุดเด่น
หนุ่มๆ ที่สนใจตั้งแต่แรกก็เพลิดเพลินไปกับการจ้องมองคนผิวขาวตัวเล็กหน้าตาน่ารักอย่างลู่หลิน ยามที่ขยับปากเอ่ยคำถามคำตอบเจื้อยแจ้วจนเห็นฟันกระต่ายพร้อมกับตากลมโตและจมูกรั้น ๆ ดูน่าเอ็นดูน้อยซะเมื่อไหร่
ส่วนพวกสาว ๆ ก็เพิ่งจะหันมาสนใจยามที่หนุ่ม ๆ ทั้งห้องหันมาสนใจกันหมด บางคนถึงกับเบะปากมองบนใส่จนเพื่อนสาวคนสนิทของลู่หลินอย่างชิวอิงเห็นแล้วยังทนไม่ได้ต้องทำหน้ายักษ์ตอบกลับไป
แต่ความสนใจทั้งหลายก็ไม่อาจดึงดูดความสนใจของลู่หลินได้เลย เพราะหัวข้อการสนทนากับอาจารย์ลีนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในตอนนี้
” ถ้าบอกว่าความเข้าใจต่อเหตุการณ์ไม่เท่ากัน... งั้นผมขอถามใหม่ครับ ทำไมพวกคนเหล่านั้นถึงมองผลจากการปะทุของภูเขาไฟ หรือแม่แต่หมอกควันที่พวกพุ่งออกมาเป็นคำอวยพรจากเทพเจ้าได้ ในเมื่อสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย... ในควันนั้นเต็มไปด้วยก๊าซพิษสารพัดชนิด แค่หายใจเข้าไปมากๆ ก็อาจทำให้ตายได้แล้ว หากเทพเจ้าจะอวยพรคนก็ไม่น่าจะใช้ควันพิษมาส่งสัญญาณนะครับ...”
คำถามของลู่หลินทำให้อาจารย์ลีถึงกับต้องอมยิ้มออกมา ไม่นึกโกรธเคืองสักนิดที่ถูกตั้งคำถามเหมือนโดนจี้ ทั้งยังเอ่ยตอบออกไปอย่างใจดี
” นั่นเป็นความน่ากลัวของความเชื่อและความศรัทธาไงครับ มีพฤติกรรมและพิธีกรรมหลายอย่างมากที่พิสูจน์ได้แล้วในภายหลังว่าไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่กับคนโบราณที่ยังอยู่ในยุคนั้นเขามีความรู้น้อยกว่าและเชื่อแค่ในสิ่งที่เห็น เมื่อควันพิษไม่ได้ทำให้ตายทันที แต่ควันที่พวยพุ่งสู่ท้องฟ้าดูยิ่งใหญ่ประจักษ์ต่อสายตาได้ตั้งแต่แรกเห็น ความรู้สึกของพวกเขาที่มีต่อมันจึงเป็นความเคารพยำเกรงมากกว่า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานของคนยุคนั้นที่จะก้มหัวแสดงความเคารพต่อสิ่งที่มีอำนาจมากกว่าแทนที่จะพยายามแสวงหาคำตอบ...”
ความใจเย็นในการอธิบายทำให้ลู่หลินเริ่มพยักหน้าแสดงการยอมรับในเหตุผลได้มากขึ้น แต่คิ้วที่ขมวดและแววตาที่ดูฉงนสงสัยก็ยังฉายชัดออกมาให้อาจารย์ลีรู้สึกเอ็นดู อาจารย์ที่สนใจผมสัมฤทธิ์ในการสอนเป็นอันดับหนึ่งอย่างเขาไม่เคยกลัวเลยที่จะถูกนักศึกษาตั้งคำถาม ทั้งยังดีใจซะอีกที่มีคนสนใจในบทเรียนมากขนาดนี้
” ดูท่าแล้วนักศึกษาลู่คงสนใจเรื่องนี้มาก ถ้าพรุ่งนี้ไม่ติดเรียนลองมาทัศนศึกษากับชมรมโบราณคดีสิครับ ขอเชิญนักศึกษาคนอื่นๆ ทุกคนที่สนใจเลยนะครับ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปตามรอยประวัติศาสตร์ที่เมืองโจวโบราณกัน คนไปร่วมมีไม่มาก รถยังว่างอีกหลายที่นะครับ...”
จบคำเชิญชวนของอาจารย์ลีก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเซ็งแซ่ขึ้นทั้งห้อง ลู่หลินจับใจความประเด็นที่คนอื่นๆ กำลังพูดถึงไม่ได้เพราะหัวสมองของเขายังวนเวียนอยู่แต่เรื่องชายกาลกิณีและเมืองโจวโบราณนั้น รู้สึกอยากไปเยือนสถานที่นั้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ...
คนมีใจเป็นนักวิทยาศาสตร์อย่างเขา เมื่อสงสัยก็ต้องหาคำตอบทันที
คำตอบรับที่คาดไม่ถึงจึงได้หลุดออกมาจากปากสวยๆ นั้น
” ไปครับ! ผมจะไป...”
