บท
ตั้งค่า

แม่เลี้ยง 3

นางหวงกุ้ยฮวาทำท่ากระฟัดกระเฟียดหมายจะเดินออกจากกองอำนวยการไป ทว่า....

"เดี๋ยวก่อนสิ เรื่องของสามีฉันจบไปแล้วก็จริง แต่เรื่องของหัวขโมยยังไม่จบ! วันที่ฉันพาสามีไปหาหมอ ฉันไม่ได้ล็อกประตูบ้าน วันนี้ฉันเข้าไปดูไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรุง ข้าวสาร หม้อ กระทะ มีด รวมไปถึงของใช้ในบ้านฉันหายไปหมด"

"หายไปก็เรื่องของแกสิ ใครบอกให้แกโง่ไม่ปิดประตูบ้านตัวเอง อีกอย่างต่อให้ข้าวสารแกหายไปอยู่บ้านไหนก็ไม่อาจรู้ได้หรอกว่าเม็ดไหนเป็นของแก หรือเม็ดไหนเป็นของคนอื่น"

คนที่เสียผลประโยชน์ที่สุดสวนกลับอย่างเดือดดาล นางไม่ได้รู้เห็นเรื่องนี้ด้วยสักหน่อย แม้ลึก ๆ จะรู้ว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปในเขตบ้านของนางก็ตาม แต่นางไม่ยอมรับเสียอย่าง ใครจะทำอะไรได้

"หัวหน้าหมู่บ้านคะ ถ้าฉันจับขโมยได้ฉันจะแจ้งเอาผิดได้รึเปล่า?"

"ได้อยู่แล้วสิอาเหมย ไหน ๆ ทหารก็มารอรับแล้ว ไม่ได้จับเรื่องทำร้ายร่างกาย แต่จับเรื่องขโมยของก็ถือว่าไม่เสียเปล่า"

ขณะที่พูดหนิงเหมยก็สังเกตดูลูกสาวคนเล็กของนางหวงกุ้ยฮวาที่กำลังทำท่าเลิ่กลั่กมุดเข้าไปหลบหลังมารดา วันนี้หล่อนปล่อยผมสยายมาอย่างสบายหัว หากเดาไม่ผิดคงเป็นเพราะได้ใช้ยาสระผมของเธอแน่ ๆ

"ข้าวสารฉันไม่รู้หรอกว่าของใครเป็นของใคร แต่ถ้าเป็นของใช้ฉันมั่นใจว่าของที่ถูกขโมยไปหาซื้อที่ไหนไม่ได้อีกแน่นอน จริงไหมหวงหลี่เวย เธอจะยอมรับสารภาพตอนนี้หรือจะให้ฉันไปค้นหาหลักฐานที่บ้านของเธอ"

"หล่อนใส่ร้ายลูกสาวฉันเหรอนังหนิงเหมย" ผู้เป็นแม่รีบปกป้องลูกสาวตัวเอง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าลูกของตนคงไปกระทำผิดมาจริง ๆ

"นี่เป็นยาสระผมที่ฉันทิ้งไว้ที่บ้าน ทุกคนลองดมกลิ่นดูสิคะ มันเป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นที่อยู่บนผมของหลี่เวยรึเปล่า"

ยาสระผมขวดเล็กถูกหยิบออกมาจากถุงผ้าของหนิงเหมย จากนั้นหัวหน้าหมู่บ้านจึงเรียกคนกลางที่เป็นผู้หญิงให้มาช่วยพิสูจน์หลักฐาน

"กลิ่นเดียวกันจ้ะหัวหน้าหมู่บ้าน"

"ของกลางก็คงอยู่ที่บ้าน ไปหาตอนนี้ยังไงก็เจอ เธอเตรียมการซ่อนของกลางไม่ทันหรอกค่ะ เสียใจด้วยนะหลี่เวย ถูกจับไปครั้งนี้คงไม่มีใครแต่งเธอเข้าสกุลหรอก"

หนิงเหมยตั้งใจที่จะพูดเพื่อยั่วยุหวงหลี่เวยให้คลายความจริงออกมา คนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ หวงเยว่เผิงที่อยู่บ้านทั้งวัน แต่หวงหลี่เวยคงเรียกได้ว่ารู้เห็นเป็นใจเพราะไปใช้ของที่ขโมยมาด้วยกัน

"ไม่นะ! พี่สะใภ้ต่างหากที่เป็นคนไปขโมยมาหลังจากที่เธอพาสามีไปโรงพยาบาล จะจับก็ไปจับพี่สะใภ้สิ จะมาจับฉันทำไม"

"หึ! จับเธอด้วย จับหวงเยว่เผิงด้วย เพราะยังไงเธอก็รู้เห็นเป็นใจแล้วยังใช้ของที่ถูกขโมยมาอย่างสบายใจไม่ใช่รึไง"

"พี่หลี่จิ้งทำอะไรซักอย่างสิ เพราะเมียพี่คนเดียวเลยฉันเลยซวยไปด้วย!"

"แค่ยาสระผมมันจะเท่าไหร่กันเชียว บอกมาสิฉันจะได้จ่ายคืนให้เธอ"

หวงหลี่จิ้งที่เงียบอยู่นานพูดออกมาอย่างถือดี เขายังมั่นใจว่าลู่หนิงเหมยยังรักเขาอยู่ ยังไงหล่อนก็ไม่มีวันเอาเงินจากเขาแน่นอน

"ทั้งหมด 60 หยวน"

"ห๊ะ! ค่าอะไรตั้ง 60 หยวน ฉันไม่จ่ายให้หล่อนหรอกนะ"

ชายหนุ่มแทบพูดไม่ออกเมื่อเห็นว่าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้

"60 หยวนยังน้อยไปนะ หม้อ 2 ใบ กระทะ 1 ใบ มีด 1 เล่ม ข้าวสาร เครื่องปรุงต่าง ๆ ยาสระผม สบู่ ไหนจะยาสีฟันอีก รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่นเลยนะ ไหนว่าสะใภ้ที่ได้มาจากสกุลเการวยนักรวยหนา ที่แท้ก็แค่พวกหัวขโมย เอาล่ะ ถ้าไม่จ่ายก็ไปจับคนร้ายที่เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านกันเถอะจ้ะหัวหน้าหมู่บ้าน"

นางหวงกุ้ยฮวากับครอบครัวอายแสนอายกับเรื่องที่สะใภ้ก่อขึ้นครั้งนี้ เสียงซุบซิบนินทาจากชาวบ้านดังไปเป็นแถบ เรื่องที่คุยกันในกองอำนวยการลุกลามไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง

"หยุดก่อน ฉันยอมจ่ายก็ได้ อย่าไปยุ่งอะไรกับเมียฉัน! แม่ครับผมขอเงิน 60 หยวนที่เป็นส่วนของผมหน่อย"

"จิ๊! นังเยว่เผิง นังตัวดี! กลับไปเย็นนี้หล่อนเจอดีแน่ กล้าดียังไงมาทำให้ลูกชายของฉันต้องเสียเงินตั้ง 60 หยวน นังขี้เกียจสันหลังยาว"

ถึงปากจะพร่ำบ่นเพียงใด แต่มือของนางหวงกุ้ยฮวาก็ยอมควักเงินออกมาอีก 60 หยวนเพื่อยื่นให้ลูกชายสุดที่รัก

"เอาไปซะสิ นี่เงิน 60 หยวน แล้วอย่าไปยุ่งกับลูกเมียของฉัน"

หนิงเหมยรับเงินนั้นมาอย่างไม่คิดอะไร อย่างไรเสียมันก็เป็นส่วนที่เธอกับสามีควรได้

"แน่นอน! ถ้าจ่ายก็จบ"

"นี่เป็นสัญญาแยกบ้านและสัญญาตัดขาด เก็บไว้คนละ 1 ฉบับ และเก็บไว้ที่ฉันอีก 1 ฉบับ ส่วนอี้เฉินก็ไปแจ้งเรื่องเปลี่ยนแซ่ในที่ว่าการได้เลยนะ"

"ขอบคุณครับหัวหน้าหมู่บ้าน ขอบคุณมากครับทุกคน ขอบคุณครับพี่ชาย"

อี้เฉินคำนับทุกคนจากใจจริงที่ช่วยให้เขาได้หลุดพ้นจากนรกขุมนี้แล้วได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

"นายอย่าคิดมาก อีกไม่กี่วันอาเหมยก็จะไปหาพี่สะใภ้ของนายอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นอย่าลืมพาลูกสาวไปด้วยล่ะ"

"ครับพี่"

ผู้พันเซ่าอี่หานพูดจบก็เดินไปขึ้นรถทันที แต่เขายังไม่ออกไปและรอจนกว่ารถตู้ของโรงพยาบาลจะออกไปจากที่นี่เช่นกัน

"แล้วเรื่องเสบียงอาหารจะเอายังไง จะไปแบ่งกันที่บ้านอีกทีเหรอ?"

หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันมองทั้งสองฝ่าย

"ผมยกให้ผู้ให้กำเนิดครับ ถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะแสดงความกตัญญู"

"เอาอย่างนั้นก็ได้ ส่วนแต้มงานที่นายทำเอาไว้ในปีนี้ ถึงเวลาแจกเสบียงลุงจะเอาไปให้ที่บ้านอาเหมยนะ"

"ขอบคุณครับ"

ลู่หวังเหล่ยเข็นรถของพี่เขยไปขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่ แต่คำพูดของหวงจื่อรั่วทำให้พวกเขาต้องหยุดฟัง

"คงสะใจแกแล้วใช่ไหมที่เห็นทุกคนต้องถูกคนมองด้วยสายตาแบบนี้ แกไม่คิดว่าพวกเราเป็นคนในครอบครัวเลยรึไง แกยังมีความเป็นคนอยู่ไหม?"

หนิงเหมยก้มมองสามีที่นั่งนิ่ง แต่มีน้ำสีใสไหลอาบแก้มอยู่เงียบ ๆ เพียงเท่านั้นก็ทำให้เธอมีพลังอย่างเหลือล้นที่จะจัดการกับตาเฒ่าสมองเบาคนนี้

"นี่คือคำพูดของคนเป็นพ่อที่ปล่อยให้ลูกถูกรังแกมาตลอดชีวิตเหรอคะ? คุณควรถามตัวเองมากกว่าว่าพวกคุณเคยเห็นพี่อี้เฉินเป็นคนในครอบครัวอยู่ไหม? คุณเคยเห็นเค้าเป็นลูกรึเปล่า? คงสะใจคุณแล้วใช่ไหมที่เห็นพี่อี้เฉินถูกภรรยาใหม่ของคุณใช้จอบสับที่ขาจนกระดูกแตกแบบนั้น"

"..."

"ถ้าเปลี่ยนกันมันจะเป็นยังไง ลองให้หลี่จิ้งเอาขามาให้ฉันใช้จอบขุดดินสับลงที่ขา เหมือนที่ภรรยาของคุณทำ มันจะเป็นยังไง คุณจะยังนิ่งเฉยอยู่แบบนี้ไหม? ที่คนอื่นมองพวกคุณด้วยสายตาแบบนั้นมันเป็นเพราะการกระทำของพวกคุณเอง"

"..."

"ภรรยาของคุณรังแกข่มเหงลูกเลี้ยงจนมีสภาพเป็นแบบนี้ นั่นก็คือการกระทำของภรรยาคุณ ลูกสะใภ้ของคุณเข้าไปขโมยของในบ้านของคนอื่นโดยมีลูกสาวของคุณรู้เห็นเป็นใจ นั่นก็คือการกระทำของสะใภ้กับลูกสาวของคุณ "

"..."

"ไม่รู้จักสำนึก ยังจะมาโทษว่าเป็นความผิดของคนอื่นทั้งที่เป็นการกระทำของตัวเองแท้ ๆ ฉันสงสัยคุณจริง ๆ ว่าเป็นพ่อคนมาได้ยังไงตั้งนาน สุดท้าย ไม่เรียกพ่อนะคะ พอดีไม่นับถือ!"

พูดจบหนิงเหมยกับน้องชายก็ช่วยกันพาอี้เฉินขึ้นรถตู้แล้วออกจากหมู่บ้านเทียนเซี่ยไปทันที ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของเธอยังรู้สึกหน้าชาแทนหวงจื่อรั่วอย่างบอกไม่ถูกที่ได้สะใภ้ปากร้ายขนาดนี้ แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าสิ่งที่เธอพูดไม่เป็นความจริง

"พี่โกรธฉันไหมที่ฉันด่าพ่อพี่ขนาดนั้น?"

หนิงเหมยเอ่ยถามสามีขณะที่อยู่บนรถตู้ ด่าไปซะขนาดนั้นเธอก็กลัวว่าอี้เฉินจะโกรธเธออยู่เหมือนกัน แต่มันก็อดไม่ได้เลยจัดไปจนไฟแลบ

"ไม่หรอก เค้าเรียกว่าเตือนสติ จากนี้ไปพี่คงต้องฝากทั้งชีวิตไว้ในกำมือของภรรยาแล้วนะครับ อย่าทิ้งกันนะ"

"เลอะเทอะไปใหญ่แล้ว กว่าฉันจะฟาดฟันจนแย่งพี่มาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้พี่อยากหนีฉันก็ไม่ยอมให้ไปหรอก"

ทั้งคู่จับมือกันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย และหนิงเหมยก็รู้ดีว่าตอนนี้สามีของเธอกำลังอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ กว่าอี้เฉินจะรักษาตัวแล้วกลับมาเดินได้อีกครั้งคงต้องใช้เวลามากกว่า 3 เดือน ระหว่างนั้นเธอคงต้องหาอะไรให้เขาทำแก้เบื่อ

เช่นเดียวกับเรื่องมิติ เธอคงต้องบอกให้ทุกคนในบ้านรู้ หากจะให้โกหกต่อไปคงเป็นเธอเองที่จะบ้าตาย ยังไงเธอก็ต้องใช้ข้าวปลาอาหารในนั้นเพื่อบำรุงร่างกายของทุกคนให้แข็งแรง

ผู้พันเซ่าอี่หานตามมาส่งทั้งสามคนถึงที่บ้านลู่ ชาวบ้านต่างก็มองตามกันเป็นแถว แต่โชคดีหน่อยที่บ้านลู่อยู่ทางออกหมู่บ้าน มีเพียงเพื่อนบ้านไม่กี่หลังเท่านั้นที่อยู่ใกล้ และนิสัยใจคอของคนหมู่บ้านลี่หยางก็ดีกว่าหมู่เทียนเซี่ยเป็นไหน ๆ

"ขอบคุณท่านผู้พันมากนะครับที่สละเวลามาช่วยพวกเรา ส่วนเรื่องแซ่ผมคงไม่กล้ารบกวน ผมคิดว่าจะเปลี่ยนมาใช้แซ่ลู่ตามภรรยาดีกว่า ชีวิตนี้คงต้องฝากไว้กับลูกเมียแล้วล่ะครับ"

"หึ นายนี่ก็อารมณ์ขันนะอี้เฉิน เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก คิดซะว่าฉันเป็นพี่ชายของนาย ฉันก็คงเป็นพวกเดียวกับนายนั่นแหละ ให้เกียรติภรรยา เชื่อฟังภรรยา แล้วชีวิตจะดี เชื่อฉัน เอาเป็นว่าฉันไปก่อนนะ จัดการอะไรเสร็จก็อย่าลืมเข้าไปหาซูอี้นะหนิงเหมย"

"ค่ะท่านผู้พัน ขอบคุณมากนะคะ"

พูดคุยกันเสร็จผู้พันเซ่าก็กลับไปพร้อมกับรถโรงพยาบาลที่ขับตามหลังไปติด ๆ ส่วนหนิงเหมยก็เข็นรถสามีเข้าไปในลานบ้าน ทางด้านหวังเหล่ยก็ช่วยพี่สาวยกหีบไม้ที่นำกลับมาด้วย พร้อมกับไม้เท้าของพี่เขยเข้าบ้าน เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของลูกสาวที่กำลังหยอกล้ออยู่กับคุณยาย เพียงเท่านั้นก็ทำให้ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

"แอ้ แอะ แอะ"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel