แม่เลี้ยง 2
ทางด้านลู่หนิงเหมยเห็นคนบ้านหวงกำลังเดินอาด ๆ เข้ามาในกองอำนวยการก็บีบกระชับมือสามีเอาไว้เพื่อให้กำลังใจเขา
"เข้มแข็งนะพี่อี้เฉิน เพื่อลูกเพื่อครอบครัวของเรา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันกับลูกก็จะอยู่ข้างพี่เสมอ"
"ยังมีผมกับแม่ด้วยนะพี่เขย พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน"
รอยยิ้มของภรรยาและน้องภรรยาทำให้โจวอี้เฉินมีแรงฮึดสู้ขึ้นมาก ในเมื่อภรรยาเปลี่ยนไปแล้ว เขาก็ต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่เข้มแข็งและเหมาะสมพอที่จะเป็นผู้นำครอบครัวได้
"เก่งดีหนิไอ้ลูกไม่มีแม่! กลับมาครั้งนี้แกกล้ามาขอตัดขาดจากพวกฉันเลยเหรอ เหอะ! อย่าได้ฝัน น้ำหน้าอย่างแกต้องอยู่ใต้เท้าของฉันกับลูกเท่านั้น นังหนิงเหมย หล่อนพาผัวของหล่อนกลับบ้านไปซะ บุญหัวแค่ไหนแล้วที่ฉันเวทนาให้อาศัยอยู่บนที่ดินของฉัน"
"น่าเสียดายที่มันคงไม่มีวันเป็นแบบที่แม่เลี้ยงต้องการ ผมมาที่นี่เพื่อขอแยกบ้านและตัดขาดกับบ้านหวง ในเมื่อทุกคนเกลียดผม ผมก็ไม่อยากเห็นหน้าทุกคนเช่นกัน"
นางหวงกุ้ยฮวาได้ยินแบบนั้นถึงกับกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น 20 ปีแล้วที่ลูกเลี้ยงของนางยอมให้นางกระทำตามใจชอบ ไม่ว่าจะเอารัดเอาเปรียบเท่าใดก็ไม่กล้าปริปาก แล้ววันนี้มันคืออะไรกัน
"เห็นไหม! เห็นที่ลูกของแกพูดไปตาเฒ่า ดูเอาเถอะว่าลูกแกมันเนรคุณขนาดไหน เจ้าข้าเอ๊ยมาดูเร็วเข้า มาดูไอ้ลูกไม่มีแม่มันอกตัญญูต่อแม่เลี้ยงอย่างฉันและพ่อของมัน"
"แกพูดบ้าอะไร แกคิดดีแล้วเหรออี้เฉินที่จะทำแบบนี้ ถ้าแกกล้าออกจากบ้านหวงไป แกก็ต้องคืนแซ่โจวให้กับฉันเหมือนกัน สกุลโจวไม่ควรมีลูกหลานที่ไร้ประโยชน์อย่างแก"
ดวงตาของโจวอี้เฉินแดงเรื่อเมื่อได้ยินคำพูดของหวงจื่อรั่วผู้เป็นบิดาที่ให้กำเนิด
"พ่อพูดได้เต็มปากเหรอว่าผมเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ ในเมื่อผมทนทำดีแทบตายเพื่อให้พ่อมองเห็นแต่มันกลับไร้ค่า งั้นผมยินยอมจะเปลี่ยนแซ่แล้วส่งคืนแซ่โจวให้กับพ่อ แต่ตลอด 20 ปีที่ผมทำงานรับใช้คนบ้านหวง เงินและเสบียงอาหารที่ผมหาได้มีไม่น้อยไปกว่าคนอื่น ผมจะขอส่วนแบ่งจากกองกลางของบ้านที่เป็นส่วนของผมคืนทั้งหมด"
"ไม่ได้! แกคิดว่าแกเป็นใครถึงกล้ามาขอเงินกองกลางจากบ้านหวง ขนาดแซ่แกยังใช้แซ่โจวอยู่เลย"
ดวงตาของนางหวงกุ้ยฮวาเต็มไปด้วยเปลวไฟที่พร้อมจะแผดเผาทุกคนที่จะเข้าใกล้ นางไม่มีวันยอมให้ส่วนแบ่งกับลูกเลี้ยงแน่นอน
"ไม่คิดว่าแม่เลี้ยงจะหน้าไม่อายขนาดนี้ ถ้ามองว่าพี่อี้เฉินไม่ใช่คนบ้านหวงแล้วมาเอาเงินกับเสบียงอาหารที่เค้าทำงานแลกแต้มมาได้ไปทำไมกัน ฉันไม่ยักจะรู้ว่าบรรพบุรุษสกุลหวงสอนให้ลูกหลานเป็นคนคดโกงและชอบกดขี่ข่มเหงคนอื่นแบบนี้ น่าละอายจริง ๆ"
"สาระแน! หล่อนก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นนักหรอกนังหนิงเหมย เมื่อก่อนหล่อนยังวิ่งตามลูกฉันต้อย ๆ พอตอนนี้ทำเป็นรักผัวตัวเอง คงคิดว่ามันจะได้เงินก้อนนี้ไปสินะ หล่อนฝันไปเถอะ"
หนิงเหมยได้แต่ยิ้มเย้ยแม่เลี้ยงของสามีที่ยังไม่ยอมรับความจริง อย่างไรเสียวันนี้ก็เป็นวันที่นางต้องแพ้ เพราะมันถูกกำหนดมาแล้วจากหนิงเหมยคนนี้นี่เอง
"ในเมื่อคุยกันดี ๆ ไม่ได้ งั้นผมจะขอแจ้งความว่านางหวงกุ้ยฮวามีเจตนาทำร้ายร่างกายผมครับหัวหน้ากองอำนวยการ หัวหน้าหมู่บ้าน ช่วยเป็นธุระเดินเรื่องให้ผมด้วย"
คนบ้านหวงที่ไม่เคยรู้เรื่องกฎข้อห้ามของกองงานคอมมูน ต่างก็หันมองหน้ากันอย่างร้อนรน
"ไม่ใช่! นี่มันเป็นแค่เรื่องในบ้าน แค่พ่อแม่สั่งสอนลูก คนอื่นจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ยังไงกัน ฉันไม่ยอม!"
"ไม่ยอมก็ต้องยอม ในเมื่อคุณวางแผนทำร้ายคนอื่นในเวลางาน ซึ่งคอมมูนก็มีกฎเหล็กอยู่แล้วว่าห้ามทำร้ายร่างกายผู้อื่น"
เสียงของผู้มาใหม่ดังขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคน ผู้พันเซ่าอี่หานเดินเข้ามาในกองอำนวยการพร้อมทหารใต้อาณัติอีกเกือบ 10 นาย หัวหน้ากองอำนวยการและหัวหน้าหมู่บ้านต่างก็รีบเดินออกไปต้อนรับ และนำทางผู้มาเยือนให้ไปนั่งยังที่พัก ที่พวกเขาจัดไว้
"ท่านผู้พันสวัสดีครับ เชิญทางนี้เลยครับ เรื่องที่ท่านสั่งไว้พวกเราจัดการเรียบร้อยแล้ว"
"คะ..คุณเป็นใคร อย่าไปหลงเชื่อเจ้าลูกเลี้ยงเนรคุณนะจ๊ะ พวกมันกำลังใส่ร้ายฉันกับตาเฒ่า จริง ๆ นะจ๊ะ"
นางหวงกุ้ยฮวาเริ่มยืนไม่ติด สายตาของผู้มาใหม่ยามที่จ้องมองนาง มันทำให้นางอ่อนแรงจนไม่อาจฮึดสู้ได้
"คนงานที่นางหวงกุ้ยฮวาของแลกงานด้วย เพื่อจะเข้าไปทำร้ายอี้เฉินได้สะดวก ยินดีมาเป็นพยานให้ครับ ว่านางหวงกุ้ยฮวาตั้งใจใช้จอบขุดดินสับลงที่กลางหน้าแข้งของอี้เฉินเพื่อหวังทำร้ายร่างกาย แล้วยังมีคนงานอีกนับสิบชีวิตที่เพิ่งได้ยินนางหวงกุ้ยสารภาพว่าตั้งใจทำร้ายอี้เฉิน เมื่อไม่กี่นาทีก่อน"
หัวหน้ากองรีบรายงานเรื่องทั้งหมดให้นายพลเซ่าอี่หานได้รู้ ในขณะที่ใบหน้าของนางเหมยกุ้ยฮวากับคนในบ้านหวงเริ่มซีดเผือดไร้สีเลือด
"ดี! ถ้าไม่ยอมให้แยกบ้าน ไม่ยอมให้ตัดขาด ไม่ยอมแบ่งเงินกองกลางที่เป็นส่วนของโจวอี้เฉินและคืนเสบียงให้เขาอย่างยุติธรรม ก็ไปเรียกพยานเหล่านั้นมาลงชื่อเป็นพยานแล้วจับตัวผู้กระทำความผิดเข้าคุกแดงได้เลย ส่งตัวไปสถานกักกันให้ทำงานอย่างหนัก หล่อนจะได้รู้ว่าการรังแกคนอื่นมันเป็นเรื่องที่ผิด"
"มะ..ไม่นะจ๊ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด"
"โจวอี้เฉิน แกจะปล่อยให้คนอื่นรังแกแม่ของแกอย่างนี้ได้ยังไงห๊ะ!"
"ขอโทษด้วยครับ แม่ของผมเสียไปเมื่อ 20 ปีก่อน และตอนนี้ทุกคนควรเรียกผมว่า อี้เฉิน ซึ่งเป็นชื่อที่แม่ตั้งให้ ส่วนแซ่โจวผมเลือกแล้วว่าจะส่งคืนให้พ่อตามที่พ่อต้องการ มันคงจะดีไม่น้อยถ้าพ่อปกป้องผมบ้างสักครั้งในชีวิต เหมือนที่พ่อกำลังปกป้องภรรยาอีกคนของพ่อ"
คำพูดและน้ำเสียงของอี้เฉินบ่งบอกชัดเจนถึงความเจ็บปวดตลอด 20 ปีที่เขาได้รับมา เขาจะไม่ส่งต่อความเจ็บปวดเหล่านี้ไปถึงลูกของเขาโดยเด็ดขาด เพราะฉะนั้นอะไรที่ควรจบก็ต้องจบได้แล้ว
"คืนเค้าไปแล้วมาใช้แซ่เซ่าของฉัน ต่อไปนี้นายเป็นน้องชายบุญธรรมของฉันแล้วนะ เซ่าอี้เฉิน ใครกล้ารังแกคนในสกุลเซ่ารับรองว่ามันไม่ได้ตายดีแน่ ๆ"
"ขอบคุณครับพี่"
นางหวงกุ้ยฮวาลมแทบจับเมื่ออยู่ ๆ คนที่นางเคยกดไว้ใต้เท้า แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นน้องชายบุญธรรมของนายทหารใหญ่ได้อย่างไรกัน แล้วแบบนี้นางต้องทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นจากเรื่องนี้ไปได้
"รออะไรอยู่อีก รีบเอาตัวคนก่อเหตุไปสิ!"
"ครับ/ครับ/ครับ"
"ไม่นะแม่ ปล่อยแม่ฉันนะ"
"แม่ครับ"
"เดี๋ยวก่อน ๆ ผมยอมแล้ว แต่อย่าทำอะไรภรรยาผมเลย ผมยอมให้อี้เฉินแยกบ้านแล้วก็ตัดขาดตามที่ต้องการแล้วครับท่าน"
จังหวะที่นางหวงกุ้ยฮวากำลังจะโดนลากตัวออกไป ลูก ๆ ทั้งสองของนางต่างก็ร้องตามผู้เป็นแม่ เช่นเดียวกับตาเฒ่าหวงจื่อรั่วที่รีบรับปากยอมให้อี้เฉินทำทุกอย่างที่ต้องการ เพื่อแลกกับอิสระของภรรยา
"หยุดก่อน! เฒ่าหวงจะยอมแบ่งเงินกองกลางคืนให้เซ่าอี้เฉินพร้อมกับเสบียงอาหารด้วยไหม?"
ผู้พันเซ่าพันไปเอาคำตอบจากหวงจื่อรั่วอีกครั้ง นี่ถือเป็นการกระทำที่ปรานีที่สุดแล้วสำหรับเขา
"ผมยอมครับ"
"ไม่นะตาเฒ่า! ฉันไม่ยอม!"
"หรือเธอจะไปอยู่ในคุกแดง ถ้าห่วงเงินมากกว่าชีวิตก็ไปซะสิ!"
นี่เป็นครั้งแรกที่นางหวงกุ้ยฮวาถูกผู้เป็นสามีขึ้นเสียงใส่ สีหน้าและแววตาของหวงจื่อรั่วบ่งบอกชัดเจนว่ามันหมดทางเลือกแล้ว บวกกับลูกชายและลูกสาวทั้งสองที่คะยั้นคะยอให้นางยอมคืนเงินให้อี้เฉิน สุดท้ายนางหวงกุ้ยฮวาจึงต้องยอมจำนนแต่โดยดี
"ให้เค้าไปเถอะแม่ ถ้าแม่ไปเข้าคุกทหารแดงไม่รู้แม่จะได้รอดกลับมาไหม ที่สำคัญคือฉันอายคน แม่จะทำให้คนอื่นไม่อยากคบหากับฉันแม่รู้รึเปล่า ใครจะอยากยุ่งเกี่ยวกับลูกของคนขี้คุก แม่ลืมไปแล้วรึไงว่าฉันยังไม่ได้แต่งงานนะ"
"จริงอย่างที่น้องเล็กพูดนะแม่ อีกหน่อยลูกของผมโตขึ้น คงไม่มีเพื่อนเล่นด้วยพอดี"
"ก็ได้ ฉันยอมก็ได้"
"ก็แค่นั้น! เอาเงินกองกลางออกมาอย่าได้คิดตุกติกเชียวนะ แบ่งให้เท่า ๆ กัน ผมจะอยู่เป็นพยานจนกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้น"
สิ้นเสียงของผู้พันเซ่าอี่หาน หัวหน้าหมู่บ้านก็รีบนำสัญญาแยกบ้านพร้อมกับสัญญาตัดขาดที่เตรียมไว้ โดยมีเงื่อนไขตามที่หนิงเหมยต้องการทุกอย่างออกมาให้นางหวงกุ้ยฮวากับหวงจื่อรั่วได้ลงชื่อ จากนั้นก็ทำการตรวจนับเงินในถุงผ้าที่นางหวงกุ้ยฮวางัดออกมาจากเสื้อ
"ลงชื่อในสัญญาทั้ง 3 ฉบับ อี้เฉินก็มาลงชื่อด้วยนะ"
"ครับหัวหน้าหมู่บ้าน"
"เงินในถุงนี้จะถูกแบ่งเป็น 5 ส่วน มีของ หวงจื่อรั่ว หวงกุ้ยฮวา หวงหลี่จิ้ง หวงหลี่เวย แล้วก็ของอี้เฉิน"
สีหน้าของนางหวงกุ้ยฮวาไม่ต่างจากคนที่เจ็บปวดคล้ายกำลังถูกฉีกเนื้อเป็นชิ้น ๆ วันนี้เป็นวันที่นางรู้สึกว่าชีวิตของนางอัปยศอดสูที่สุดตั้งแต่เกิดมา
"ได้คนละ 320 หยวนเท่ากัน นี่ของนายนะอี้เฉิน"
"ขอบคุณครับ"
เมื่อได้รับถุงผ้าและเงินที่เหลือคืน นางหวงกุ้ยฮวาก็รีบเก็บเงินใส่ถุงอย่างหวงแหน แม้จะเสียดายเงิน 320 หยวนที่เสียไป แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ลูกหลานต้องอายคน
"เอาของฉันมา เป็นกรรมอะไรของฉันที่ต้องมาเลี้ยงคนอกตัญญูแบบนี้ หมดเรื่องแล้วใช่ไหม ฉันจะได้ไปทำงานต่อ"
นางหวงกุ้ยฮวาทำท่ากระฟัดกระเฟียดหมายจะเดินออกจากกองอำนวยการไป ทว่า....
"เดี๋ยวก่อนสิ เรื่องของสามีฉันจบไปแล้วก็จริง แต่เรื่องของหัวขโมยยังไม่จบ! วันที่ฉันพาสามีไปหาหมอของยังอยู่ครบ แต่พอวันนี้ฉันเข้าไปดูไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรุง ข้าวสาร หม้อ กระทะ มีด รวมไปถึงของใช้ในบ้านฉันหายไปหมด"
"หายไปก็เรื่องของแกสิ ใครบอกให้แกโง่ไม่ปิดประตูบ้านตัวเองดี ๆ อีกอย่างต่อให้ข้าวสารแกหายไปอยู่บ้านไหนก็ไม่อาจรู้ได้หรอกว่าเม็ดไหนเป็นของแก หรือเม็ดไหนเป็นของคนอื่น"
คนที่เสียผลประโยชน์ที่สุดสวนกลับอย่างเดือดดาล นางไม่ได้รู้เห็นเรื่องนี้ด้วยสักหน่อย แม้ลึก ๆ จะรู้ว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปในเขตบ้านของนางก็ตาม แต่นางไม่ยอมรับเสียอย่าง ใครจะทำอะไรได้
