ถูกมองข้าม
DAY 11
เช้าตรู่ของวันถัดมาหญิงสาวตื่นนอนตอนเช้าด้วยท่าทางกระตือรือร้น หลังจากที่เธอนั่งทำกำไลข้อมือแฮนด์เมดจากความเชื่อของตนเองจนดึก เพื่อเตรียมไปมอบให้กับชายหนุ่มที่เธอรัก
"หวังว่าหมอเทรย์จะไม่ใจร้ายทิ้งของมิลล์อีกนะ"
ร่างบางรีบกุลีกุจอเดินเข้าไปในครัว เพื่อประกอบอาหารจากวัตถุดิบที่ซื้อเตรียมไว้ในตู้เย็น อย่างขะมักเขม้นพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อคิดว่าสักวันเทรย์เลอร์จะเปิดใจยอมทานอาหารของเธอบ้างสักครั้งก็ยังดี
"วันนี้เป็นเมนูอะไรดีน๊า"
"เอาเป็นข้าวผัดปลาทูน่าดีกว่า"
มือเล็กเริ่มจัดแจงข้าวของต่างๆ ปัดแกว่งไปมาอย่างชำนาญ ทุกการกระทำของเธอแสดงออกด้วยความใส่ใจทั้งหมดเพื่อคนที่เธอรักมานานกว่า 3 ปี
โรงพยาบาล
ร่างบางเดินถือกล่องอาหารและกล่องกำไลข้อมือพลางกดลิฟต์มายังชั้น 15 ก่อนเวลาทำงานของเธอและเขา
ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!
เธอเคาะประตูห้องพักของเทอรย์เลอร์เบาๆ เพื่อเป็นสัญญาณบอกว่าขออนุญาตเข้าไปในห้อง ถึงแม้ว่าภายในใจจะรู้ว่าไม่มีใครอยู่ข้างในก็ตามแต่
"เอ๊ะ!!"
"กล่องอาหาร และช่อดอกไม้งั้นหรอ"
ยังไม่ทันที่เธอจะวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะกลับต้องตึงหน้าเครียด เมื่อเจอเข้ากับกล่องอาหารและช่อดอกไม้ปริศนาของใครบางคน มาวางไว้ในห้องของเขาก่อนหน้าเธอ หญิงสาวเริ่มสงสัยและกังวลใจ กลัวว่าจะมีใครอีกคนที่กำลังจะเข้ามาวุ่นวายกับคนที่เธอรัก
"ของใครกันนะ ไม่มีโน้ตบอกไว้เลย"
ข้อมือเล็กพยายามพลิกช่อดอกไม้และถุงกล่องอาหารไปมาอยู่หลายครั้งเพื่อหาโน๊ตข้อความ แต่กลับไม่เจอร่องรอยที่ปรากฏ แต่ทว่าเมื่อเธอว่างข้างกล่องลงบนโต๊ะรวมถึงกล่องกำไลข้อมือ ตากลมภายใต้แว่นใสดันหันไปเจอ ข้อความในกระดาษโน๊ตที่วางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาตัวใหญ่
"ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณหมอสุดหล่อ อาหารในกล่องตั้งใจทำมากๆ หวังว่าเราจะร่วมงานกันได้ดีนะคะ"
เมื่อสายตากลมไล่ตามทุกตัวอักษรจบ หัวใจดวงน้อยเต้นสั่นโครมๆ คิ้วบางที่ไร้ซึ่งการแต่งแต้มม้วนตึงเข้าหากัน เธอเริ่มคิดหนักว่าใครกำลังจะมาเป็นคู่แข่งจีบหมอเทรย์แข่งกับเธอ ก่อนที่ความคิดทุกอย่างจะเตลิด ร่างบางกลับต้องตกใจชะงัก เมื่อเธอได้ยินเสียงเปิดประตูห้องเข้ามาของคนพี่
"มะ หมอเทรย์"
ใบหน้าที่กำลังตึงเครียด และบึ้งตึงเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาคลี่คลายออกเมื่อเจอชายที่อยู่ในใจมากเกือบ 3 ปี เดินเข้ามาภายในห้องด้วยท่าทางนิ่งเฉย ไร้ซึ่งความรู้สึกเมื่อเจอหญิงสาวยืนอยู่ภายในห้อง
"จะแปดโมงแล้วทำไมไม่ไปทำงาน มิลล์"
"มิลล์เอาข้าวมาให้หมอทานกลางวัน"
ใบหน้าหล่อดูดียังคงนิ่งเฉย ไม่สบตาคนน้องที่พยายามส่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้เขาอยู่ใกล้ๆ โต๊ะทำงาน
"หมอค่ะ มิลล์มีของจะให้"
"อะไร?"
เธอยื่นกล่องกำไลข้อมือที่พยายามทำเมื่อคืนจนดึกดื่นให้กับเขา เทรย์เลอร์หรี่ตาคมจ้องมองมาทางกล่องเล็กในมือที่ยื่นเข้ามาใกล้ตัวหนาของเขาอยู่ไม่ไกลอย่างสงสัย
"รับไว้ก่อนสิคะ มิลล์ตั้งใจทำให้หมอมากๆ เลยนะ"
"-"
ร่างใหญ่ยังคงยืนนิ่ง ไม่มีท่าทีอยากรับของจากคนน้องแม้แต่นิดเดียว
"พี่ไม่อยากรับ ไม่จำเป็นต้องเอามาให้"
"หมอเทรย์คะ"
ใบหน้าหญิงสาวตึงน่าเศร้าในทันที เมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น แต่ทว่าเธอกลับไม่อยากยอมแพ้ รีบยื่นมือเล็กนุ่มนิ่มไปจับมือหนาของเขาที่ซุกซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงตัวหรูหรา
"จะทำไรมิลล์"
มือหนารีบชักมือออกจากการจับกุมของคนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว จนพานทำให้กล่องใบเล็กในมือเธอตกลงพื้นกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง
"อ๊ะ!!"
หญิงสาวรีบก้มลงไปหยิบกล่องและกำไรข้อมือขึ้นมาจากพื้นทันที พร้อมส่งสายตาน้อยเนื้อต่ำใจมาทางเขาที่ยืนมองดูคนน้องด้วยความรำคาญ
"พี่ไม่เอา มิลล์เอากลับไปเถอะ"
"หมอเทรย์คะ มิลล์อยากให้หมอเก็บเอาไว้มันเป็นเครื่องราง หมอรับไว้จะทำให้เจอแต่เรื่องดีๆ และจะมีแต่โชคดีในชีวิตนะคะ"
"ไร้สาระมิลล์ พี่ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้เอากลับไปซะ ไม่งั้นพี่จะเอาทิ้งขยะ"
เสียงทุ้มต่ำขึ้นเสียงใส่หน้าคนตัวเล็กที่หรี่ตาต่ำลง เพื่อควบคุมอารมณ์น้อยใจของตนเองเอาไว้แน่น
"ไม่เป็นไรค่ะ มิลล์จะเอาไว้ในห้องนี้แหละ ถ้าหมอจะทิ้งน้ำใจที่มิลล์พยายามทำให้ มันเป็นสิทธิ์ของหมอค่ะ"
ร่างเล็กรีบว่างกล่องกำไรข้อมือลงที่โต๊ะหน้าโซฟาตัวหนา ใกล้ๆ กับกระดาษโน๊ตปริศนาของใครบางคน ก่อนจะหันมามองสบตาใบหน้าหล่อดูดีที่หันไปทางอื่นอย่างไม่สนใจคนตัวเล็กที่กำลังน้ำตาคลอหน่วยอยู่ตรงหน้า
"งั้นมิลล์ไปทำงานก่อนนะคะ"
ร่างเล็กถอยออกห่างจากเขาอย่าช้าๆ พร้อมๆ กับใบหน้าแดงระเรื่อ และน้ำใสเอ่อล้นจวนจะไหลอีกไม่นาน
ตึก 8 เคาน์เตอร์แผนกอายุรกรรม
"ยัยมิลล์ แกว่าฉันควรไปอัดโบท็อกซ์ตรงกรอบหน้าอีกดีมั้ย"
"-"
"จริงๆ ก็น่าไปอัดจริงๆ แหละ หน้าเริ่มบานแล้ว แกว่าหน้าฉันบานมั้ย"
"-"
"ยัยมิลล์!! แกได้ยินที่ฉันถามมั้ยเนี่ย"
"อ่า อะไร?"
เสียงตะคอกเรียกชื่อเสียงดังลั่นอยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล ฉุดให้มิลล์สะดุ้งตื่นจากความคิดเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันโครงหน้าสวยไปหาข้าวฟ่างที่กำลังชักสีหน้าเบื่อหน่ายชีวิต อยู่ข้างๆ ตัวเธอ
"เป็นอะไรไป ตั้งแต่เช้าแล้ว?"
"เปล่าหรอก"
"อย่ามาตีหน้าโกหก เพราะมันไม่เนียนยัยมิลล์!! เรื่องหมอเทรย์อีกแล้วใช่มะ?"
นิ้วอวบอั๋นชี้ไปยังโครงหน้าสวยที่พยายามหรี่ตาต่ำ เพื่อหลบเลี่ยงไม่อยากตอบคำถามของเพื่อนสาว
"อืม!!"
"เรื่องอะไรอีกละคราวนี้?"
หญิงสาวรีบว่างปากกาลงบนเอกสารของคนไข้ ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่ตนเองเจอในห้องพักของเทรย์เลอร์เมื่อเช้าให้ข้าวฟ่างฟัง
"ตายแล้ว ความวัวยังไม่หายความควายเข้ามาแทรก"
"ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร แต่ฉันได้กลิ่นไม่ค่อยดีเลยว่ะ"
"ฉันว่านะ..."
"สวัสดีค่ะทุกคน"
เรียวปากอวบอิ่มที่เต่งตึงไปด้วยฟิลเลอร์ของร่างอวบอย่างข้าวฟ่างกำลังจะอ้าปากพูดกับมิลล์ กลับมีใครบางคนเดินเข้ามาหยุดยืนที่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล พร้อมๆ กับทักทายทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นด้วยท่าทางเป็นมิตร
"คุณหมอฟ้าใสมาแล้ว ยัยฟ่างไปตามตรวจเยี่ยมคนไข้กับหมอให้พี่หน่อย"
เสียงของกุ๊กไก่ตะโกนลอดผ่าน บานเกล็ดห้องพักพยาบาลออกมา เพื่อขอให้ข้าวฟ่างตามหมอเข้าไปเยี่ยมคนไข้ ที่หมออายุรกรรมส่งปรึกษาไปเพื่อหาแนวทางการรักษาคนไข้รวมกัน
"ได้จ้าพี่ไก่ ไปเลยมั้ยคะคุณหมอ?"
"จ๊ะ"
ทันทีที่สองร่างเดินห่างออกจากเคาน์เตอร์พยาบาล ชายหนุ่มร่างสูงที่เป็นหนึ่งเดียวในใจของหญิงสาวแว่นใสก็เดินตรงเข้ามาจับเอกสารที่พยาบาลรุ่นพี่เตรียมไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาลในทันที โดยไร้ซึ่งการพูดคุยหรือสบตากับเธอที่ยืนขึ้นต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มและท่าทางที่อ่อนโยน
"หมอเทรย์!!"
เสียงเล็กเรียกชื่อเทรย์เลอร์อย่างเบาบาง เมื่อเธอเห็นว่าวันนี้เขาเข้ามาตรวจเยี่ยมคนไข้ที่แผนกของเธอในรอบ 3 วันที่ไม่ได้มา
"พี่ไก่ครับ ช่วยไปหาคนไข้กับผมหน่อย"
"ทันทีที่สิ้นเสียงทุ้มต่ำ กุ๊กไก่รีบกุลีกุจอออกมาจากห้องพักพยาบาล พลางรีบคว้าอุปกรณ์การตรวจร่างกายที่จำเป็นบนรถเข็นวิ่งตามแผ่นหลังหนาของหมอหนุ่มไปยังห้องคนไข้อย่างรวดเร็ว
"เขามองข้ามฉันหรอเนี่ย"
หญิงสาวพึมพำเบาๆ กับตนเองอยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล มือน้อยกำอุปกรณ์ตรวจแน่น นิ้วเล็กพยายามขยับแว่นตามองตามร่างใหญ่และพยาบาลสาวรุ่นพี่ไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง น้อยใจ และอับอายที่โดนมองข้ามทั้งที่เธอก็ยืนหัวโด่ถืออุปกรณ์ต่างๆ พร้อมไปกับเขาที่หน้าเคาน์เตอร์อยู่ก่อนแล้ว
