จุดสิ้นสุด
เมื่อเห็นว่าเทรย์เลอร์ยืนนิ่งเงียบอยู่นานสักพัก ฟ้าใสรีบกระตุ้นแขนของเขาเพื่อเอาคำตอบที่ตนเองต้องการ หลังจากที่ถามหมอหนุ่มไปก่อนหน้านี้
"เอ่อคือ…"
เทรย์เลอร์เอ่ยออกมาเสียงเบาๆ เมื่อเขามองหน้าฟ้าใสที่พยายามออดอ้อนขอคำตอบอยู่ข้างๆ สลับกับใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาสั่นระริกเจิ่งนองไปด้วยเม็ดน้ำอุ่นๆ ที่จวนจะไหลอยู่ในไม่ช้าอยู่อีกฝั่งหนึ่งของกระจก ชายหนุ่มรู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตนเองว่าจริงๆ แล้วเขารู้สึกอะไรกับมิลล์หรือเปล่า หรือที่เป็นอยู่เพียงเพราะชอบในเรือนร่างของเธอที่เขาได้สัมผัสมันมาเท่านั้น
"นะคะหมอเทรย์!!"
เทรย์เลอร์ยังคงไม่ตอบคำถาม เขาเพียงแค่หันใบหน้าหล่อหรูดูดีกลับไปจ้องมองฟ้าใส ก่อนจะส่งยิ้มจางๆ ไปให้เธอ
"จริงๆ หรอค่ะหมอเทรย์ หมอเทรย์ยอมเป็นแฟนกับฟ้าแล้วใช่ไหมคะ?"
ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางฉีดยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกดีอกดีใจยกใหญ่ ทั้งที่ไม่มีแม้แต่คำตอบจากเรียกปากของเขาเลยสักคำ
ด้านนอกร้าน
"หมอเทรย์!!"
น้ำตาอุ่นที่เอ่อล้นดวงตาคู่สวย เตรียมจะไหลลงมาเมื่อเธอเห็นรอยยิ้มของเขาที่ส่งให้ฟ้าใส หัวใจทั้งดวงที่พยายามประคับประคองไม่ให้มันพังจากรอยร้าวแตกสลายลงทันที เมื่อเธอเข้าใจว่าชายหนุ่มยอมตกลงเป็นแฟนกับฟ้าใส หมอสาวที่เป็นคู่กรณีของเธอ พลันฉุดให้มิลล์รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากตรงหน้าทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาทั้งสองจะเห็นหยดน้ำตาที่เธอพยายามกลั้นมันเอาไว้แทบไม่ไหวอีกต่อไป
ด้านในร้าน
เมื่อหางตาสัมผัสได้ถึงร่างของคนน้องที่เดินห่างไกลออกไป เทรย์เลอร์รีบหันกลับไปมองยังตำแหน่งของหญิงสาวที่ยืนอยู่เมื่อครู่นั้นทันที
"ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ชอบหมอฟ้าคงเป็นแฟนหมอไม่ได้จริงๆ ขอตัวนะครับ"
เมื่อเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าคนน้องไม่อยู่ตรงนั้น เขาก็รีบแกะมือเหนียวดังปลาหมึกของฟ้าใสออกจากตัวเองอย่างรวดเร็ว
"อะ อะไรนะคะ ที่หมอยิ้มให้ฟ้าเมื่อกี้ไม่..."
"ผมยิ้มเป็นมารยาทครับ ไม่ได้ยิ้มเพื่อตอบตกลง คุณหมออย่างคิดเองสิครับ"
สิ้นเสียงทุ้มต่ำร่างใหญ่เดินห่างออกมาจากฟ้าใสไปในทันที ทิ้งไว้แค่หญิงสาวร่างผอมที่ยืนอึ้ง ตัวแข็งทื่ออยู่ภายในร้านกาแฟ
เทรย์เลอร์เองก็พอจะรู้ความต้องการและวัตถุประสงค์ของฟ้าใสดี เขาเองก็พอจะรู้เรื่องอื้อฉาวของเธอที่ลอนดอนมาสักพักหลังจากที่ฟ้าใสทำตัวสนิทสนมกับเขา และที่สำคัญเขารู้เรื่องนี้มาก่อนหน้าที่มิลล์จะพยายามบอกในวันนั้นซะอีก จึงไม่อยากให้ความหวังใครและไม่อยากเสียเวลามาคลุกคลีกับสิ่งที่ตนเองไม่ได้สนใจในชีวิต
หอพักพนักงานโรงพยาบาล
ภายในห้องที่เงียบสงัด เผยให้เห็นเพียงร่างเล็กที่นั่งทรุดตัวอยู่บนเตียงนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง เมื่อเธอเสียพลังงานไปกับร้องห่มร้องไห้มานานหลายชั่วโมงจากความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น
LIKE | เทรย์เลอร์
Milk : "หมอเทรย์ค่ะ"
: "มิลล์แค่อยากรู้"
: "หมอเคยสงสารมิลล์บ้างมั้ย"
: "มิลล์แอบรักหมอมานาน 3 ปี ไม่เคยคิดจะก้าวก่ายชีวิตของหมอเลยสักครั้ง"
: "มิลล์เก็บความรู้สึกดีใจที่ได้ใกล้ชิดหมอมาตลอด จนกระทั่งหมอช่วยมิลล์จากวันนั้นมันทำให้มิลล์อยากเป็นคนที่ดีขึ้น อยากดูแลหมอ อยากเป็นคนที่หมอรัก"
: "แต่มันไม่ใช่แบบนั้น"
: "ขอโทษนะคะ มิลล์คงคาดหวังมากเกินไป"
ความรู้สึกเจ็บปวดที่เธอได้รับคอยผลักดันให้เธอพิมพ์ข้อความหาชายหนุ่มด้วยหยดน้ำตาที่ยังคงไหลพรากออกมาไม่ขาดสาย ทั้งพิมพ์ทั้งลบอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที เธอเองไม่หวังเลยสักครั้งว่าเขาจะเข้ามาอ่านแค่เพียงขอให้เธอมีพื้นที่ได้ระบายความอัดอั้นตันใจและความเจ็บปวดก็ยังดีกว่าเก็บมันเอาไว้เพียงคนเดียว
อ่านแล้ว
ต่อให้ส่งไปเธอกู้รู้อยู่ในใจว่าเขาคงบล็อกไปแล้ว จึงเลือกที่จะปิดข้อความลงและวางมือถือไว้บนหัวเตียง แต่ทว่าเทรย์เลอร์กลับเข้ามาอ่านข้อความทั้งหมดที่เธอเคยส่งมาหา โดยที่หญิงสาวไม่รู้ เพราะเธอเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ฟุบหน้าลงกับหมอนนุ่มบนเตียงนานหลายนาทีด้วยความเจ็บปวด
'ตลอดเวลา 20 วันที่ผ่านมา ฉันก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าคำตอบจากหมอเทรย์ มันจะทำให้ฉันผิดหวังเหมือนเดิม แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงจริงๆ ฉันกลับยังไม่อยากยอมรับมันว่าจริงๆ ว่าเขาไม่เคยรู้สึกดีกับฉันเลยสักครั้ง แต่ในใจฉันก็ยังแอบหวังอยู่ลึกๆ ว่าเขาจะเห็นใจและสงสารความรู้สึกของฉันบ้าง พรุ่งนี้ก็ครบ 21 วันแล้ว สุดท้ายแล้วเป็นฉันเองที่เจ็บปวด จากการกระทำของตัวเอง หมอเทรย์ไม่ผิดเลยสักนิดเดียว มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะไม่รักคนแบบฉัน ฮือๆ น่าสมเพชสิ้นดี"
หญิงสาวคิดทบทวนเรื่องราวทุกอย่างภายในใจ เธอยังคงร้องไห้ไม่ยอมหยุด เพราะความเจ็บปวดที่มันมีต้นเหตุทั้งหมดมาจากตัวเธอเองที่เป็นคนเริ่ม ไม่ใช่ความผิดของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
"อือ ฮือๆ"
นานเท่าไหร่ไม่รู้ ความเพลีย และความเหนื่อยล้าจากการร้องห่มร้องไห้มานาน ฉุดให้เธอเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งจนถึงเช้าของอีกวัน
DAY 21
ติ่งๆๆๆๆๆ
ร่างบางสะดุ้งตื่นจากความเจ็บปวด เมื่อนาฬิกาในมือถือปลุกเสียงดังลั่นห้อง เธอรู้สึกได้ถึงความหน่วงที่เปลือกตาจากการร้องไห้หนักมาเกือบทั้งคืน ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงนอนเดินตรงปรี่เข้าไปในห้องน้ำ
"สวัสดีวันที่ 21 วันสุดท้ายแล้วสินะที่ฉันจะจีบหมอเทรย์ ต่อไปนี้ฉันจะต้องหยุดทุกอย่างแล้วจริงๆ เพื่อให้เขาสองคนรักกัน"
หญิงสาวเฝ้ามองตัวเองในกระจกใสภายในห้องน้ำ คอยคุยกับเงาของตัวเองในกระจกเพื่อปลอบใจของตัวเธอเองที่กำลังเต้นสั่นด้วยความเหนื่อยล้าจิตใจ พลางจ้องมองเปลือกตาที่บวมเป่งจากการร้องไห้ด้วยความรู้สึกหดหู่และสมเพชตัวเองมากที่สุดในชีวิต
"ฉันขอทำอาหารให้เขาเป็นวันสุดท้ายแล้วกันนะมิลล์ ต่อจากนี้ไปทุกอย่างมันจะจบ ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อย และเจ็บปวดมากแค่ไหน ฉันจะเก็บหัวใจที่แตกสลายนั้นกลับมาคืนเธอเองนะ"
มือเล็กยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มอีกครั้ง ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับตัวเองในกระจก เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองได้สู้ต่อไป แม้สุดท้ายวันข้างหน้าเธออาจะไม่ได้เจอเขาอีกในชีวิต
โรงพยาบาล
ห้องพักแพทย์ของเทรย์เลอร์
ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!
เท้าเล็กค่อยๆ ก้าวช้าๆ มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องพักของเทรย์เลอร์ตั้งแต่เช้า เธอเคาะห้องเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปวางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะให้เขาเช่นเคยเหมือนที่ผ่านมา
"ต่อไปนี้คงไม่ได้มาที่นี่อีกแล้วสินะ"
ตากลมภายใต้แว่นหนากวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกหมดหวัง เธอพยายามจ้องมองสิ่งที่เธอคุ้นเคยมาตลอด 21 วัน อย่างพิจารณา
"ฉันจะจดจำทุกความทรงจำดีเกี่ยวกับแกนะ ขอบคุณที่เป็นที่พักพิงให้หมอเทรย์"
สิ้นเสียงเล็กของคนร่างบาง เธอกะพริบตาถี่ยิบเพื่อไล่ความชื้นและความรู้สึกทั้งหมดออกไป ก่อนจะถอยหลังเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกที่อ่อนแอและเหนื่อยล้า
เคาน์เตอร์พยาบาล ตึก 8
"น้องมิลล์ มาแล้วหรอลูก"
"สวัสดีค่ะพี่ลูกสอน"
"คือว่า เมื่อกี้มีสายโทรมาจาก HR บอกให้มิลล์ไปพบคณะกรรมการของโรงพยาบาลที่ชั้น 12"
พอได้ยินชื่อคณะกรรมการมันทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นสั่น เพราะปกติแล้วคณะกรรมการของโรงพยาบาลจะเรียกพนักงานเข้าไปพบก็ต่อเมื่อมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในโรงพยาบาลเท่านั้น มันจึงทำให้เธอคิดหนักและเป็นกังวลใจ
"เรียกมิลล์หรอคะ?"
"ใช่จ้ะ"
"เรื่องอะไรหรอคะ?"
"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันลูก ไปเถอะนะ เดี๋ยวข้างบนรอนาน"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ลูกสอน"
มือเล็กรีบขยับแว่นหนา สมองพลางครุ่นคิดเรื่องที่จะทำให้คณะกรรมการของโรงพยาบาลเรียกเธอเข้าพบได้คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของเธอกับฟ้าใสในวันนั้น ทันทีที่ความคิดตกตะกอนยิ่งทำให้มิลล์เครียดและกังวลมากขึ้น เพราะไม่คิดว่าเรื่องนี้จะไปถึงหูผู้ใหญ่ได้เร็วขนาดนี้
ห้องพักเทรย์เลอร์
ร่างใหญ่ของใครบางคนเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะทำงาน พลางจ้องมองกล่องอาหารที่ว่างอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาจากมุมปากโดยที่เขาเองไม่รู้ตัว
"พิมพ์มาซะเยอะนึกว่าจะถอดใจ อดทนเก่งเหมือนกันนะมิลล์"
เทรย์เลอร์อมยิ้มบางเบา พลางบ่นพึมพำกับตนเองเสียงเบาอยู่ภายในห้อง แต่ทว่ากลับต้องชะงักเมื่อเสียงของใครบางคนเคาะประตูห้องพักของเขาเสียงดังลั่น
ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!
เสียงเคาะประตูห้องดังสนั่น พร้อมๆ กับร่างอวบที่คุ้นเคยโผล่หัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว
"เฮ้ย ไอ้เทรย์!!"
กายตรงดิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มทันทีที่เห็นว่าเพื่อนสนิทมาถึงห้องพักแล้ว ด้วยสีหน้าและท่าทางตึงเครียด จนเทรย์เลอร์เองจับสังเกตได้
"เป็นไรไปวะไอ้กาย หน้าเครียดๆ"
"เครียดเพราะเรื่องมึงอะดิ ไอ้สัส!!"
"เรื่องกู?"
"เออ คณะกรรมการให้กูมาเรียกมึงเข้าพบตอนนี้ น่าจะเรื่องหมอฟ้ากับน้องมิลล์"
สิ้นสุดเสียงของกาย เทรย์เลอร์เปลี่ยนสีหน้าทันที ใบหน้าหล่อดูดีตึงเครียดขึ้นในชั่วพริบตาเดียว พลันทำให้ตาคมรีบหรี่ตาต่ำลงจ้องมองพื้นด้วยท่าทางครุ่นคิด
"เรื่องไปถึงผู้ใหญ่ได้ไงวะ?"
"หมอฟ้าอะดิ เล่าไปทั่วโรงพยาบาลแล้วมั้ง"
เมื่อได้ยินชื่อคนบงการมันยิ่งทำให้จิตใจของเขากระวนกระวายมากขึ้น ความรู้สึกหงุดหงิดและโมโหถาโถมเข้ามาในจิตใจในคร่าเดียวกัน ก่อนจะรีบกระชากมือคว้าเสื้อกาวน์ที่พาดอยู่บนเก้าอี้เดินนำหน้าของกายออกไปจากห้องพักอย่างรวดเร็ว
