ตอนที่หนึ่ง ต้องหาทางเอาเองแล้ว2
ตอนที่หนึ่ง
ต้องหาทางเอาเองแล้ว
เฮ้อ!...เหตุใดนางจึงต้องเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาดเช่นนี้ คิดว่าเป็นบุตรสาวของกั๋วกงจะได้ใช้ชีวิตสุขสบายเสียอีก
หลังจากพร่ำบ่น ซ่งอี้หนิงจึงเข้าไปจัดการร้านธูปหอมซึ่งจัดวางระเกะระกะจนขายได้ยากทำให้เนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่น เมื่อเห็นว่าเย็นแล้วหญิงสาวจึงคิดรีบกลับจวนโดยใช้ทางลัด
มิคาดกลับได้เห็นหลังของน้องชายเดินเข้าไปยังหอคณิกาชื่อดังโดยเรียกไม่ทัน
“คุณหนูใหญ่ นั่นคุณชายนี่เจ้าคะ” สาวใช้คนสนิทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวชี้บอกขณะคนที่เป็นพี่สาวขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกำหมัดแน่น
ใช่น่ะสิ! หน็อยแน่... ข้าวสารยังแทบไม่เหลือ ยังจะเข้าไปโปรยเงินที่หอคณิกาอีก
ไอ้น้องไม่เอาไหน ไม่รู้บ้างหรือว่าเงินทองหายากเพียงใด
ด้วยความโมโห ซ่งอี้หนิงจึงสั่งให้สาวใช้กลับไปก่อน ตัวนางเองลอบเข้ายังหอคณิกาทางด้านหลังด้วยหวังลากตัวน้องชายกลับจวนเพื่อรักษาเงินก้อนสุดท้ายเอาไว้
คงเป็นท่านแม่ให้เครื่องประดับมาขายอีกเป็นแน่
ไม่ว่าน้องชายผู้นี้จะทำสิ่งใด มารดาของนางไม่เคยว่ากล่าวเขาอยู่แล้ว ด้วยข้ออ้างว่าเขาคือผู้นำตระกูลคนต่อไป
มีผู้นำเช่นนี้ สกุลของนางคงล่มสลายในอีกไม่นาน
ไม่ได้...นางต้องหาทางเอาเงินคืนมา นำมาหว่านเล่นเช่นนี้ น่าเสียดายนัก
หญิงสาวย่องเงียบๆ แล้วทำทีเป็นสาวใช้นำอาหารไปส่งตามห้องกระทั่งได้เสียงคุ้นหูของน้องชาย
“พี่หมิง คืนนี้ยกแม่นางเหม่ยให้ข้าได้หรือไม่ ข้าอยากลิ้มลองลีลาเด็ดของนางบ้าง”
แม่นางเหม่ยที่พวกเขาพูดถึงย่อมคือ ‘หลี่เหม่ย’ คณิกาตัวเด็ดของหอแห่งนี้ซึ่งไม่ได้รับแขกพร่ำเพรื่อ
“ย่อมได้สิ น้องหยาง พวกเราคนกันเองไยต้องเกรงใจ คืนนี้ข้าเองก็อยากลองเปลี่ยนรสชาติบ้างพอดี”
“เช่นนั้นคืนนี้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเก็บที่ข้าเพื่อเป็นการตอบแทนความใจกว้างของพี่หมิง”
“ฮ่า ฮ่า ดี ดี เจ้านี่น่าคบหานัก”
ซ่งอี้หนิงแนบตาเข้ากับร่องประตูเพื่อมองใบหน้าของบุรุษอีกคนที่กำลังสนทนากับน้องชาย
คิดว่าผู้ใด หมิงอ๋องนั่นเอง
หญิงสาวย่อมเคยเห็นหมิงอ๋อง ‘จ้าวจื้อหมิง’ ผู้นี้ ด้วยเขาเคยแวะไปรับซ่งหยางที่หน้าประตูจวนทั้งน้องชายยังมักคุยโม้คุยโตว่าสนิทสนมกับเชื้อพระวงศ์ถึงขั้นเรียกขานเป็นพี่น้องด้วยถูกใจในอุปนิสัยใจคอ
เชอะ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในคืนนี้คงเป็นเงินไม่น้อย ไอ้ลูกเต่าซ่งหยาง คิดจะให้พวกเราเด็ดผักเด็ดหญ้าไปต้มกินหรือไง
อีกฝ่ายเป็นถึงท่านอ๋อง ย่อมไม่ขาดแคลนเงินทอง เหตุใดต้องออกเงินให้เขาด้วย
