บทที่ 4 เริ่มแผนการ
บทที่ 4 เริ่มแผนการ
ในชั่วขณะที่ความใกล้ชิดเกิดขึ้นกับคนทั้งสอง หลี่หลานฮวาก็ทำทีได้สติอีกครั้ง นางกรีดร้องออกมาเป็นครั้งที่สองด้วยเสียงที่สั่นเครือ “กรี๊ด...ดดด” พร้อมกับยกมือเรียวบางขึ้นปิดดวงตาคมกริบของชายหนุ่มเอาไว้แน่น “อย่ามองนะ ท่านห้ามมองข้าเป็นอันขาด”
จูจวิ้นหาวถึงกับกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เขารู้สึกสับสนอลหม่านไปหมด หัวสมองเริ่มขาวโพลนราวกับหยุดการทำงานลง “ข้า…ข้าได้ยินเจ้าร้องตะโกน ข้า…” เสียงของเขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
หลี่หลานฮวายังคงทำทีตกใจอีกครั้ง ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงสาเหตุที่นางวิ่งออกมาตัวเปล่าเช่นนี้ได้ นางเสแสร้งหวาดกลัวขึ้นมาอีกหน พร้อมกับร้องตะโกนออกมา “งู… มีงูอยู่ข้างอ่างอาบน้ำของข้า” นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจ ร่างบางสั่นเทายังคงสั่นเทาภายใต้อ้อมแขนหนาที่ยังคงโอบกอดนางเอาไว้
จูจวิ้นหาวรีบดึงมือบางออกจากดวงตาของเขา พลางจ้องมองไปยังด้านหลังม่านที่หลี่หลานฮวาชี้ไป เมื่อเห็นงูตัวเขื่องสีดำสนิทขดตัวอยู่ข้างอ่างอาบน้ำ เขาก็ชักมีดพกเล่มเล็กที่พกติดตัวออกมาย่างรวดเร็ว และไม่รอช้าเขาพุ่งมีดเข้าใส่งูตัวนั้น มีดลอยหวือผ่านอากาศและปักลงบนคอของเจ้างูตัวนั้นอย่างแม่นยำจนมันแน่นิ่งไป
“มันตายแล้ว เจ้าสบายใจได้” จูจวิ้นหาวหันกลับมาบอกหลี่หลานฮวา แล้วเขาก็ต้องตะลึงงัน เมื่อภาพร่างกายเปลือยเปล่าของหลี่หลานฮวาปรากฏแก่สายตาของเขาเต็มสองตา ไม่มีม่านหรือแสงสลัวอำพรางอีก ใบหน้างดงามที่ยังคงปรากฏร่องรอยแห่งความหวาดกลัว ผิวขาวผ่องราวหิมะ ดวงตาที่สุกสกาวราวกับดวงดาว
จูจวิ้นหาวรู้สึกราวกับถูกมนต์สะกด ความเย็นชาและจิตใจดุจหินผาของเขาถูกทำลายลงในพริบตา
“กรี๊ด...” หลี่หลานฮวาทำทีกรีดร้องอีกครั้งด้วยเสียงอันแหลมสูง พร้อมกับรีบหันหลังให้เขาอย่างรวดเร็ว
แผ่นหลังขาวเนียนที่เปลือยเปล่าเผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าของร่างกายที่งดงามเกินจะบรรยาย ทำให้จูจวิ้นหาวกลืนน้ำลายเหนียวลงคออีกครั้งอย่างยากลำบาก เขารีบหันหลังให้หลี่หลานฮวาในทันที พยายามตั้งสติและควบคุมลมหายใจที่เริ่มติดขัดขึ้นมา
“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว…ข้าขอตัวก่อน” จูจวิ้นหาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า พลางหันหลังเดินตรงไปยังทางออกของกระโจม
“เดี๋ยวก่อน” หลี่หลานฮวารีบร้องห้ามเสียงหลง มือเรียวคว้าเสื้อคลุมผ้าไหมที่วางอยู่ใกล้ๆ มาคลุมกายอย่างลวกๆ “ท่านคิดจะทิ้งเจ้าสัตว์น่ากลัวนั่นไว้ในห้องข้าหรือ”
จูจวิ้นหาวชะงักเท้าอีกครั้ง เขายังคงงุนงงและสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า แม้ว่าตอนแรกเขาจะรู้สึกหงุดหงิดว่าทำไมสตรีผู้นี้ถึงได้เรื่องมากและจุกจิกนัก แต่เมื่อถึงเวลานี้เขาก็ได้แต่จำต้องผ่อนลมหายใจออกอย่างแรง พลางเดินก้มหน้าตรงไปยังซากงูที่แน่นิ่งอยู่ข้างอ่างอาบน้ำ มือหนาเอื้อมไปหยิบซากงูขึ้นมา กลิ่นหอมที่ลอยอบอวลมาจากอ่างน้ำยังคงฟุ้งกระจาย ทำให้ใจของเขาถึงกับสั่นขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่อาจอธิบายได้ก่อตัวขึ้นในส่วนลึกของหัวใจ ก่อนที่เขาจะทันได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มก็รีบก้มหน้าเดินออกจากกระโจมของหลี่หลานฮวาไปอย่างรวดเร็วราวกับต้องการหลบหนีอะไรบางอย่าง
หลี่หลานฮวามองตามแผ่นหลังที่แข็งทื่อของจูจวิ้นหาวจนลับสายตา รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นมาบนใบหน้าของนางอย่างเงียบเชียบ ดวงตาของนางทอประกายแห่งความพึงพอใจ แผนการขั้นแรกของนางประสบความสำเร็จแล้ว แม่ทัพผู้มีจิตใจดุจหินผา บัดนี้ได้เริ่มแสดงรอยร้าวออกมาให้เห็น และนางจะใช้รอยร้าวนั้นเป็นช่องทางในการแทรกซึมเข้าสู่จิตใจของเขา เพื่อทำลายทุกสิ่ง
รุ่งอรุณทอแสงอ่อนยามเช้า ขับไล่ความมืดมิดและลมหนาวของค่ำคืนที่ผ่านมา หลี่หลานฮวาที่แม้จะนอนไม่เต็มอิ่มเพราะแผนการที่วางไว้ แต่ใบหน้าของนางกลับสดใสราวกับดอกเหมยแรกแย้มยามต้องน้ำค้าง ดวงตาฉายแววแห่งความมั่นใจและเลศนัย นางจัดแต่งอาภรณ์สีอ่อนสะอาดตาให้ดูบอบบางและบริสุทธิ์ที่สุด ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ เสี่ยวเม่ย สาวใช้คนสนิทที่ยืนรออยู่ด้วยความกระตือรือร้น
“ตามข้ามาเสี่ยวเม่ย” หลี่หลานฮวากระซิบเบาๆ “ถึงเวลาแล้ว”
หลี่หลานฮวาจงใจก้าวออกจากกระโจมอย่างเชื่องช้า ท่วงท่าอันสง่างามราวกับผีเสื้อที่กำลังโบยบินยามเช้าตรู่
เสี่ยวเม่ยเดินตามหลังอย่างเงียบกริบ ทั้งสองมุ่งหน้าไปในทิศทางที่จูจวิ้นหาวมักจะตื่นแต่เช้าเพื่อตรวจตราค่ายและกำลังพล
หลี่หลานฮวามั่นใจว่าชายหนุ่มจะต้องเดินผ่านมาทางนี้อย่างแน่นอน หญิงสาวก้าวเดินอย่างจงใจและกะเวลาให้พอดิบพอดีกับเส้นทางที่จูจวิ้นหาวจะปรากฏตัว
ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าหนักแน่นที่คุ้นเคยก็ดังใกล้เข้ามาจากเบื้องหน้า ภายในใจของหลี่หลานฮวาเริ่มเต้นระรัวเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความประหม่า แต่เป็นความตื่นเต้นกับแผนการที่กำลังจะดำเนินไปตามครรลองที่นางวางไว้
และแล้วร่างสูงใหญ่ของจูจวิ้นหาวก็ปรากฏขึ้น เขาอยู่ในชุดเกราะเรียบง่าย เหมาะสำหรับการตรวจค่าย ดวงตาคมกริบที่มักจะฉายแววเย็นชา บัดนี้กำลังจับจ้องมายังเบื้องหน้าอย่างไม่ตั้งใจ
“คำนับท่านแม่ทัพ” ทันทีที่จูจวิ้นหาวอยู่ในระยะที่พอเหมาะ เสี่ยวเม่ยก็เปล่งเสียงออกมาอย่างกะทันหัน
เสียงทักทายของเสี่ยวเม่ยดังชัดเจนจนทำให้จูจวิ้นหาวชะงักฝีเท้าโดยอัตโนมัติ เขาปรายตามองมายังต้นเสียงตรงหน้า ดวงตาคมกริบของเขาปะทะเข้ากับดวงตากลมโตที่งดงามของหลี่หลานฮวาในชั่วพริบตา
เมื่อสบตากัน จูจวิ้นหาวถึงกับนิ่งค้างไป ร่างกายของเขาราวกับถูกตรึงไว้กับที่ภาพของหญิงสาวที่ปรากฏตรงหน้าในยามเช้าตรู่ ช่างแตกต่างจากภาพสตรีเปลือยเปล่าที่เขาได้เห็นเมื่อคืนก่อน แต่มันกลับเชื่อมโยงกันอย่างประหลาดในห้วงความคิดของเขา ใบหน้าของหลี่หลานฮวาในยามนี้ช่างดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา งดงามจับใจยิ่งกว่าครั้งใดๆ ที่เขาเคยเห็น
