บทที่16 ยิ้มเหมือนเด็กบ้า
“แต่คุณดินก็รอดตายอย่างฉิวเฉียดมาแล้วหลายครั้ง” หญิงสาวนึกไปถึงช่วงที่มารียังมีชีวิตอยู่ ในสายตาเธอแดนนี่หรือปฐพีคนนี้ราวกับเป็นแมวเก้าชีวิตที่ฆ่าไม่ตาย ถูกลอบทำร้ายหลายครั้งก็รอดมาได้ทุกครั้ง บางครั้งได้แผลแค่เล็กน้อย บางครั้งโชคดีมีคนรับเคราะห์แทน
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งมารีบอกว่ารถของปฐพีถูกวางระเบิด แต่ก่อนระเบิดจะทำงานชายหนุ่มก็มีเหตุให้ออกมาจากรถก่อนและรอดตายอย่างฉิวเฉียว แบบนี้ไม่เรียกว่าแมว9ชีวิตจะให้เรียกว่าอะไร ยังไม่ถึงคราวตายหรือไรกัน
“ที่รอดมาได้เพราะยังไม่ถึงคราวต่างหากล่ะ และอีกอย่างฉันคงเป็นคนดวงดีมั้ง” เขาบอก “จริงสิ พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็นึกขึ้นมาได้ ฉันอยากให้เธอรับปากฉันข้อนึงได้ไหม”
“คะ?”
“อย่าให้คุณแม่กับดาวรู้เรื่องที่ฉันเคยถูกลอบทำร้ายยังไงมาบ้าง ถ้าท่านถามเธออย่าบอกท่านได้ไหม”
“คุณดินไม่เคยบอก?”
“ฉันกลัวคุณแม่กับดาวไม่สบายใจ เลยไม่เคยบอก” เพราะกลัวทั้งคู่จะเป็นห่วงและไม่สบายใจเขาจึงไม่เคยบอกเลยสักครั้งว่าที่อเมริกาเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้างให้รู้แค่เพียงว่าเขาเข้าสู่วงการมาเฟียสีเทาเท่านั้น “ถ้าทั้งสองรู้เข้าคงใช้ชีวิตอยู่บนความกังวงมากขึ้น”
“มีลูกชาย น้องชายเป็นมาเฟียก็กังวลอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
“เขากังวัลแต่ก็ยังพอโล่งใจที่ฉันไม่เคยถูกทำร้าย แต่ถ้ารู้ความกังวลคงมากขึ้น”
“เลิกไม่ได้เหรอคะ?” เธอหมายถึงเลิกเป็นมาเฟีย
“เมื่อหันหน้าเข้าวงการสีเทานี้แล้วก็เหมือนกับขึ้นหลังเสือ ขึ้นได้แต่ลงไม่ได้ เมื่อขาดอำนาจสิ่งที่ตามมาก็คืออันตราย อันตรายที่ไม่ได้เกิดแค่กับฉันแต่รวมไปถึงครอบครัวด้วย ตอนนี้ฉันอยู่บนหลังเสือ เสือตัวใหญ่เสียด้วย และรอบ ๆ ก็ยังมีสิงสาราสัตว์อีกนับร้อยรอจะเหยียบขย้ำเมื่อฉันลงไป ฉันลงไม่ได้หรอกนะนา” เขาบอกก่อนหยุดรถที่รั้วบ้าน ประตูรั้วเปิดออกล้วแต่ชายหนุ่มยังไม่ได้ขับเข้าไป
“เลิกพูดเรื่องนี้แล้วก็ทำหน้าให้ยิ้มแย้มด้วย ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวคุณแม่ก็หาว่าฉันรังแกเธอพอดี”
“ก็มันยิ้มไม่ออกนิคะ?” เนตรนลินบอก เธอเพิ่งรู้สึกตอนนี้เองว่ากว่าปฐพีจะมาถึงตรงนี้ได้นั้นยากเย็นแค่ไหนและเมื่อขึ้นมาแล้วมันลงยากแค่ไหน ชีวิตของเขามีแต่อันตราย เขาจะเป็นแมวเก้าชีวิตได้นานแค่ไหนกัน เธอรู้สึกเป็นห่วงเขาขึ้นมาและมีความรู้สึกไม่อยากให้เขาเป็นอะไรไปขึ้นมาดื้อ ๆ
“เด็กน้อยของมารีดูท่าจะงอแงเสียแล้ว เฮ้อ มารีมองลงมาเห็นคงคันไม้คันมืออยากจะลงโทษเด็กงอแงแย่เลย” เขาพูด “เอ มารีชอบลงโทษเด็กงอแงยังไงน๊า อืม แบบนี้หรือเปล่านะ”
ไม่พูดเปล่าปฐพียังยืนมือมาจี้สะเอว คนบ้าจี้สะดุ้งโหยงกระเถิบหนีจนแทบจะติดประตูรถ “อร้าย นาไม่ได้งอแงนะ”
“ไม่งอแงได้ไง ก็เห็น ๆ อยู่ว่าไม่ยิ้ม เด็กน้อยของมารีต้องยิ้มสิ ยิ้มเหมือนเด็กบ้าน่ะ”
“คุณดิน! คนบ้า”
“ยิ้มก่อน”
“ไม่ยิ้ม คุณดินว่านายิ้มเหมือนเด็กบ้า”
“ฉันไม่ได้พูด ฉันแค่จำมารีมา” คราวนี้คนหาว่าหญิงสาวยิ้มเหมือนคนบ้าไม่พูดเปล่าแต่ยังยื่นมือมาจะจี้สะเอวคนบ้าจี้อีกด้วย
“อย่านะ! ”
“ยิ้มก่อน ยิ้มแบบนี้เร็ว” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับยิ้มให้หญิงสาวดู ไม่รู้ว่ากลัวถูกจั๊กจี้หรือเพราะรอยยิ้มของปฐพีกันแน่ที่ทำให้วินาทีต่อมาเนตรนลินก็ยิ้มออกมาพร้อมกับความเขินอาย
ปฐพีมองรอยยิ้มนั้นก่อนจะขับรถเข้าไปจอดหน้าบ้าน และพาหญิงสาวมาหยุดยืนที่หน้าบ้าน “ไหนยิ้มสิ ยิ้มแบบเมื่อกี้น่ะ”
หญิงสาวยิ้มออกมาก่อนจะตบแขนปฐพีเมื่อชายหนุ่มเอ่ยบอกว่า “เหมือนเด็กบ้าจริง ๆ ด้วย”
“คุณดินน่ะ เหมือนตรงไหนกัน เพ้อเจ้อทั้งคุณดินทั้งมารีเลย” คนโดนหาว่ายิ้มเหมือนเด็กบ้าว่าแล้วก็ก้าวเข้าบ้านไปอย่างงอน ๆ
“เหมือนเด็กบ้าแต่ก็ยิ้มน่ารักนะ” ปฐพีเอ่ยก่อนจะก้าวตามไป ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าคำพูดของตนทำให้คนงอนเดินนำไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พวงแก้มที่แทบจะไม่เคยเกิดอาการอะไรอยู่ ๆ ก็แดงระเรื่อและร้อนผ่าวโดยไม่ทราบสาเหตุ
