บทที่ 2 หัวใจที่เคยแหลกสลาย 1
วิลเลียม ภาคิน แอชฟอร์ด ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน บุรุษผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าอมเทาคู่คมกริบที่ฉายประกายแห่งความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์อันร้ายกาจ เพียงสบสายตาก็อาจทำให้หัวใจของใครต่อใครต้องสั่นไหวได้อย่างง่ายดาย ดวงตาคู่นั้นประดับด้วยแพขนตายาวงอนรับกับคิ้วเข้มได้รูป ยิ่งขับเน้นความลุ่มลึกน่าค้นหา ใบหน้าของเขาหล่อเหลาราวเทพบุตรกรีกก็มิปาน ด้วยโครงหน้าที่คมคายรับกับสันกรามเด่นชัด จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักสวยได้รูป ทุกองค์ประกอบบนใบหน้าราวกับได้รับการปั้นแต่งมาอย่างประณีตบรรจง เรือนผมสีน้ำตาลเข้มดุจเปลือกไม้ล้ำค่า ขับให้ผิวขาวอมเหลืองผุดผ่องตามแบบฉบับลูกครึ่งดูสว่างใสน่ามองยิ่งขึ้น รับกับรูปร่างสูงโปร่งสมส่วนที่แม้จะอยู่ในชุดทำงานก็ยังมองเห็นเค้าโครงของความแข็งแรงจากการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี รอยยิ้มมุมปากที่มักจะปรากฏขึ้นยามครุ่นคิดหรือเมื่อถูกใจนั้น ยิ่งเสริมให้บุคลิกของเขาดูมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา ชวนให้ใครต่อใครต้องเหลียวมองตาม
วิลเลียมก้าวเข้าสู่ห้องพักในวันทำงานของเขา ที่นี่เปรียบเสมือนโอเอซิสส่วนตัวที่เขาใช้พักพิงจากความวุ่นวาย แม้หนึ่งในสิ่งแรก ๆ ที่เขาครอบครองหลังธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างสูงคือคฤหาสน์หลังใหญ่โอ่อ่า แต่ด้วยระยะทางที่ห่างไกลจากออฟฟิศ ประกอบกับชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานในแต่ละวัน การเดินทางจึงกลายเป็นเรื่องน่าเหนื่อยหน่าย ห้องพักที่เน้นประโยชน์ใช้สอยใกล้ที่ทำงานแห่งนี้จึงเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุด เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ไม่มีภาระผูกพันใด ๆ รออยู่ที่บ้านอยู่แล้ว
มันคือเส้นแบ่งที่เขาจงใจขีดขึ้นระหว่างชีวิตการทำงานและวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ทุกอย่างปนเปกันจนยุ่งเหยิง นี่คือสมดุลที่เขาต้องการ
แต่ก่อนหน้านี้...เขาไม่เคยเอ่ยปากพูดคุยกับเพื่อนร่วมคอนโดมิเนียมคนไหนเลย อย่างมากก็แค่ทักทายตามมารยาท เขาไม่มีเวลาจะไปทำความรู้จักกับใครที่นี่ คนเหล่านั้นไม่ใช่เพื่อนบ้านที่แท้จริงของเขา ที่คฤหาสน์หลังใหญ่ เขาไม่มีเพื่อนบ้านเลย มีเพียงที่ดินว่างเปล่าไกลสุดลูกหูลูกตากั้นอาณาเขตไว้
ทว่าวันนี้...มันแตกต่างออกไป
“สลิล...” เขากระซิบชื่อนั้นกับตัวเอง ภาพของหญิงสาวร่างบางเจ้าของดวงตาเป็นประกายคู่นั้นยังคงติดอยู่ในความคิด คนที่กำลังย้ายเข้ามาอยู่ห้องข้าง ๆ เขาในขณะนี้ ภายใต้ท่าทีที่ดูเหมือนสงบเสงี่ยม กลับมีพลังชีวิตเปี่ยมล้นซ่อนอยู่ แม้เขาจะยังมองไม่เห็นมันทั้งหมด แต่เขารู้ว่ามันมีอยู่จริง “เธอมีอะไรพิเศษกันแน่นะ สลิล...อะไรที่ทำให้เธอไม่เหมือนใคร?”
เธอสะกดใจเขาตั้งแต่แรกเห็น...ตอนที่เธอกำลังทุลักทุเลอยู่บนบันได มีบางอย่างในตัวเธอที่ดึงดูดความสนใจของเขาจนต้องหยุดมอง และวิลเลียมรู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่ส่วนโค้งเว้าชวนใจสั่นของสะโพกกลมกลึงเท่านั้น เขารู้สึกได้ทันทีว่าอยากจะพูดคุย อยากจะช่วยเหลือ และเมื่อดูเหมือนว่าเธออยู่ที่นี่เพียงลำพัง เขาก็ยิ่งดีใจที่ได้ทำเช่นนั้น
ความรู้สึกขอบคุณทบทวีขึ้นเมื่อได้เรียนรู้ว่าพวกเขามีอะไรหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน แม้สลิลจะอายุน้อยกว่าเขามาก เธอเพิ่งจะยี่สิบเอ็ด ส่วนเขาล่วงเข้าวัยยี่สิบเก้าแล้ว แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ความสนใจของพวกเขากลับสอดประสานกันได้อย่างน่าประหลาด เธอทำให้เขาหวั่นไหวในแบบที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
นั่นคือเหตุผลที่เขาเอ่ยปากชวนเธอไปทานมื้อเย็นด้วยอย่างปัจจุบันทันด่วน เพราะเขาอยากจะรู้จักเธอให้มากกว่านี้ สลิลไม่เหมือนใครที่เขาเคยพบเจอ ใต้ท่าทีที่ดูบอบบางนั้นมีบางสิ่งที่แตกต่างซ่อนอยู่ และเขาปรารถนาจะสำรวจมันให้ลึกซึ้ง เขาอยากจะรู้ว่าประกายไฟที่รู้สึกกับเพื่อนบ้านสาวคนนี้มันจะเป็นของจริงได้หรือไม่
แต่กระนั้น เขาก็ลืมไม่ได้ว่าต้องระมัดระวัง ต้องปกป้องหัวใจตัวเองทุกวิถีทาง เขาจะพลาดพลั้งแบบเดิมอีกไม่ได้เด็ดขาด ไม่ใช่หลังจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเขาก่อน ครั้งนี้มันอาจจะเลวร้ายกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะสลิลอยู่ห้องข้าง ๆ กัน คงไม่มีทางหลีกเลี่ยงเธอได้ พวกเขาจะต้องเดินสวนกันในโถงทางเดินตลอดเวลา
วิลเลียมไม่อยากจะนึกถึง มัลลิกา ในเวลาแบบนี้ แต่เขาก็อดไม่ได้ แน่นอนว่าชื่อของเธอจะต้องผุดขึ้นมาในความคิดเมื่อเขากำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะเปิดใจให้ใครอีกคน เพราะมัลลิกาคือผู้หญิงที่เคยเหยียบย่ำหัวใจของเขาจนแหลกสลาย เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังก้าวเข้าไปเจอกับอะไรตอนที่แต่งงานกับผู้หญิงที่เขาคิดว่าจะเป็นรักแท้ เขาไม่รู้ว่าเธอสนใจเพียงสิ่งเดียวจากตัวเขา และความจริงอันน่าเจ็บปวดก็ถูกเปิดเผยในวันครบรอบแต่งงานปีแรก เธอแต่งงานกับเขาเพียงเพื่อเงินและต้องการจะหย่า ทุกอย่างจากฝั่งเธอไม่เคยเป็นของจริง เธอไม่เคยใส่ใจเขาเลยแม้แต่น้อย
น่าเศร้าที่เขาเคยทำตัวน่าสมเพชพยายามจะยื้อเธอไว้ เขาต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าแม้จะรู้ว่าแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ มันใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าเขาจะปล่อยวางจากมัลลิกาได้ และรอยแผลเป็นในใจก็ยังคงอยู่จนถึงสามปีให้หลัง เขากลัวที่จะเปิดใจให้ใครเข้ามาอีก และไม่รู้ว่าชาตินี้จะหลุดพ้นจากมันได้หรือไม่
แต่กับสลิล...เขาอยากจะลอง เขาอยากจะให้โอกาสตัวเองอีกสักครั้ง เขาเพียงแค่ต้องปกป้องตัวเองด้วยการไม่ให้เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเขามากเกินไป หากเธอรู้จักเขาเพียงในนาม ‘วิล’ ไม่ใช่ ‘วิลเลียม ภาคิน แอชฟอร์ด’ ซีอีโอของเอเพ็กซ์ โกลบอล คอร์ป อย่างน้อยก็ยังพอมีหวังว่าถ้าเธอชอบเขาขึ้นมาจริง ๆ มันจะเป็นเพราะตัวตนของเขา ไม่ใช่สิ่งอื่นใดที่เขาจะมอบให้เธอได้ วิลเลียมไม่ได้รู้สึกว่าสลิลเป็นพวกเห็นแก่เงิน แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับมัลลิกาเหมือนกัน และสุดท้ายมันก็ย้อนกลับมาทำร้ายเขาอย่างเจ็บแสบ
‘ลองดูสักตั้งสิวิลอย่าให้เรื่องของมัลลิกามาทำลายทุกอย่าง’ เสียงหนึ่งในใจกระซิบสั่ง
เขาต้องยอมรับว่าสัญชาตญาณของตัวเองกำลังบอกว่านี่คือความรู้สึกที่ดี เรื่องนี้จะต้องไปได้สวย และสัญชาตญาณของเขาก็ไม่ค่อยจะนำทางผิดเสียด้วย ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้น รอคอยให้เธอมาเคาะประตูห้องใจจะขาด เพื่อจะได้ดูกันต่อไปว่าความสัมพันธ์นี้จะงอกงามไปได้ถึงไหน แต่เขาไม่ควรจะคิดเตลิดไปไกล นี่มันแค่การทานมื้อเย็น ไม่ใช่การขอแต่งงานเสียหน่อย
**********
