บทที่ 5
“ขวัญกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันจ๊ะ ไม่เห็นบอกแม่เลย” เอมอรนั้นชอบแทนตัวเองว่าแม่ในเวลาที่อยู่กับขวัญข้าวตามลำพัง แต่คำนี้ขวัญข้าวกลับไม่เคยเอ่ยเรียกนางเอมอรให้ได้ยินสักครั้งเดียว เพราะคำว่าแม่ขวัญข้าวใช้เรียกเฉพาะกับแม่พิมพ์คนที่จากโลกนี้ไปตั้งแต่เธอมีอายุได้เพียงสิบสองปีเท่านั้น
“เมื่อวานค่ะน้าเอม แต่ขวัญแวะไปหาฟ้าก่อน”
“ตายจริงเห็นเพื่อนดีกว่าพ่อกับแม่นะขวัญ น่าตีจังเลย” เอมอรขยับตัวของขวัญข้าวให้ผละออกห่างก่อน จะตีหมับลงไปบนต้นแขนขวัญข้าวเบาๆ อย่างมีจริต แล้วจูงมือขวัญข้าวให้ไปนั่งบนโซฟาตัวใหม่ที่เธอเพิ่งสั่งเปลี่ยนไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ขวัญข้าวมองทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้าน มันช่างเปลี่ยนไปมากกว่าตอนที่เธออยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ เอมอรเปลี่ยนใหม่หมดทั้งโซฟา ผ้าม่าน โต๊ะ เก้าอี้ แจกันดอกไม้ จนทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านใหญ่แทบจะไม่หลงเหลือความเป็นบ้านของเธออีกแล้ว และดูเหมือนว่าจะกลายเป็นบ้านของเอมอรไปคนเดียวซะแล้ว ส่วนเธอก็เหมือนจะเป็นแค่ผู้ร่วมอาศัยเข้าไปทุกวัน
“แล้วนี่พ่อไม่อยู่บ้านเหรอคะ” ขวัญข้าวเอ่ยถามถึงผู้เป็นพ่อ
“ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วจ้ะ อีกเดี๋ยวก็คงจะกลับ เพราะช่วงนี้แม่เป็นอะไรไม่รู้ ตื่นมาตอนเช้าอยากทานแต่อาหารทะเลสดๆ ถ้าไม่ได้ทานจะกินอะไรไม่ได้ไปทั้งวัน พ่อหนูคงสงสารก็เลยออกไปซื้อมาให้” เอมอรเอ่ยอย่างภูมิใจ แต่ทว่าขวัญข้าวกลับไม่รู้สึกแบบนั้นสักนิดเดียว เพราะอะไรและทำไมพ่อของเธอถึงต้องทำอะไรเพื่อผู้หญิงคนนี้ซะมากมายด้วย ความห่วงใย และความรักของพ่อที่มีต่อนางเอมอรทำให้ขวัญข้าวอดที่จะรู้สึกน้อยใจไม่ได้ เธอรู้สึกอิจฉาและหวั่นใจกลัวเหมือนเด็กๆ ว่าเอมอรจะมาแย่งความรักจากพ่อเธอไปหมด
“อย่างนั้นเหรอคะ งั้นขวัญขอตัวกลับบ้านเล็กก่อนนะคะน้าเอม” ขวัญข้าวเอ่ยเสียงเนือยๆ แตกต่างจากเอมอรที่นั่งยิ้มเหมือนคนที่กำชัยชนะอยู่
“จ้ะ รอคุณพ่อกลับมาก่อนแล้วแม่จะไปตามมากินข้าวนะ” นางเอมอรเอ่ยยิ้มๆ เมื่อพูดถึงนายอรุณซึ่งเป็นสามีของเธอและพ่อแท้ๆ ของขวัญข้าว
“ค่ะ” ขวัญข้าวเอ่ยแค่นั้นก็เดินกลับออกไปจากบ้านใหญ่ เอมอรมองตามหลังลูกเลี้ยงของเธอด้วยใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มใดๆ เพราะการกลับมาของขวัญข้าวครั้งนี้ เธอจะต้องจัดการไล่ลูกนอกไส้และมารความสุขออกไปจากบ้านหลังนี้ให้ได้ซะที เพราะก่อนที่ขวัญข้าวจะไปเรียนต่อเธอก็อุตส่าห์ให้โอกาสหล่อนเลือกผู้ชายหล่อๆ รวยๆ การศึกษาดีๆ บางคนเป็นลูกหลานเพื่อนๆ ของนายอรุณ เธอก็ลงทุนนัดแนะมาแนะนำให้ขวัญข้าวรู้จัก แต่ทว่าลูกเลี้ยงของเธอกลับเล่นตัวใช่ย่อย หล่อนไม่ยอมไปดูตัวบ้างล่ะ หรือถ้าไปก็ไปนั่งทำหน้าเซ็งให้เธอเสียหน้า หนำซ้ำอยู่ๆ เจ้าหล่อนก็ยังหนีไปเรียนต่อต่างประเทศ ทั้งๆ ที่เธอภาวนาให้ขวัญข้าวท้องกลับมา หรือไม่ก็ไปเสียตัวเป็นเมียไอ้ฝรั่งคนไหนไปเลยยิ่งดี เจ้าหล่อนจะได้ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก
เธอแต่งงานเข้ามาอยู่บ้านนี้ เพราะต้องการมาอยู่กับนายอรุณเท่านั้น คนอื่นเธอไม่ต้องการ แม้จะเป็นลูกของนายอรุณก็ตามที แรกๆ เธอก็พยายามข่มใจให้เป็นแม่เลี้ยงใจดี แต่ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิงเพราะเธอกลับรู้สึกไม่ชอบหน้าขวัญข้าวอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่แรกเห็นด้วยซ้ำ นางเอมอรนั่งคิดแผนการของตัวเอง เพราะไม่นานขวัญข้าวจะต้องระเห็จออกไปจากบ้านหลังนี้อย่างแน่นอน ถ้าในเมื่อมันไม่ยอมไปดีๆ เธอก็ต้องหาวิธีให้ขวัญข้าวออกไปให้ได้ แต่จะด้วยวิธีไหนนั้นมันก็ต้องขึ้นอยู่กับการร่วมมือของขวัญข้าวเองด้วย ถ้าขืนเจ้าหล่อนมัวเล่นตัวไม่เข้าเรื่อง เธอก็จะไม่รอเวลาอีกต่อไป ในเมื่อลูกเลี้ยงของเธอมันช่างเลือกผู้ชายดีนัก เธอก็จะหาพวกตาสีตาสา การศึกษาต่ำๆ จนๆ มาให้เป็นผัวสักคน เมื่อไม่มีขวัญข้าวเธอจะได้อยู่อย่างสบายอกสบายใจกว่านี้ จะได้ไม่มีอะไรมาเกะกะสายตาให้รำคาญในบ้านนี้อีก โดยเฉพาะไอ้บ้านสับปะรังเคเล็กเท่ารูหนูของขวัญข้าวก็ด้วย เธอไม่ชอบมันเลยรู้สึกว่ามันเกะกะจนอยากจะทุบทิ้งไปวันละหลายๆ รอบ และจะได้ไม่มีใครคอยจับผิดหรือคอยเป็นหูเป็นตาให้นายอรุณ แม้ว่าขวัญข้าวจะไม่ทำถึงขนาดนั้นแต่เธอก็ควรป้องกันไว้ ตลอดเวลาที่ขวัญข้าวไปเรียนต่อเมืองนอกเธอนั้นมีความสุขมาก มากซะจนไม่อยากให้ขวัญข้าวกลับมาด้วยซ้ำไป
ขวัญข้าวถือกระเป๋าเดินทางเข้าไปในบ้านเล็ก รู้สึกโล่งอกยังไงไม่รู้ที่บ้านนี้ของเธอยังเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง บ้านสองชั้นเล็กๆ ที่เธอสร้างแยกออกมาจากบ้านใหญ่ มีซุ้มดอกไม้เป็นประตูเชื่อม ในบ้านตกแต่งเป็นสีขาวทั้งหมด เฟอร์นิเจอร์ในบ้านเล็กมีน้อยชิ้นมากเพราะขวัญข้าวชอบบ้านโล่งๆ มากกว่าที่จะตกแต่งอะไรเยอะแยะเหมือนกับบ้านใหญ่ เมื่อเข้ามาภายในบ้านขวัญข้าวก็เปิดประตูกระจกให้ลมเย็นๆ พัดเข้ามา แล้วจึงหย่อนตัวลงไปนั่งบนเก้าอี้หวายตัวโตที่เธอแบกกลับมาจากอัมพวาด้วยตัวเอง เสียงกระดิ่งลมกระทบกันไปมาทำให้ขวัญข้าวคิดถึงใครบางคน ใบหน้าที่เหนื่อยหน่ายเมื่อครู่กลับมีรอยยิ้มบางๆ แต่งแต้มอยู่ แต่สักพักใบหน้าของคนที่เจอในสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันก่อนก็แว่บเข้ามาในความคิด ทำเอาขวัญข้าวสะดุ้งก่อนจะส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่ภาพเขาคนนั้นให้ออกไปจากความคิด
“เรานี่ท่าจะบ้า อยู่ๆไปคิดถึงอีตานั่นทำไมกัน” ขวัญข้าวบ่นกับตัวเองก่อนจะหลับตาลงอย่างช้าๆ อากาศเย็นๆ พัดมากระทบกับผิวกายทำให้ขวัญข้าวเผลอหลับไปบริเวณหน้าบ้าน
