เขาจำฉันได้
ท่านประธานเดินเข้าไปที่ห้องก็พบกับข้าวกล่อง เขาได้แต่สงสัยว่าเป็นของใคร เขาหันออกมามองข้างนอกก็พบกับริษาที่หันไปมองเขาพอดีและยิ้มให้กับเขา เขาเลยคิดว่าน่าจะเป็นของเธอแน่นอน
ริษาและทุกคนต่างพากันทำงานในส่วนของตัวเองที่ได้รับมอบหมาย ท่านประธานก็เดินออกมาจากห้อง
“ผนักงานทุกท่านครับ ผมมีเรื่องจะแจ้ง ผมย้ายมาใหม่อยากจะรู้จักทุกคนให้มากขึ้น วันนี้ตอนเย็นไปกินเลี้ยงกันนะครับเดี๋ยวผมเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเอง เลิกงานแล้วมาพร้อมกันที่หน้าบริษัทนะครับ”
“เย้ๆ”
เสียงปรบมือและเสียงดีใจของทุกคนในแผนกริษาดังขึ้นมา งั้นนัดของริษากับเดียร์ก็ต้องยกเลิกสินะ
“นี่ๆ ริษาเธอดูให้ฉันหน่อยสิ วันนี้ฉันแต่งตัวสวยหรือเปล่าตอนนี้หน้าฉันเริ่มจืดรึยัง”
เดียร์รีบเดินมาหาริษาพร้อมหมุนตัวให้เธอดู
“ก็สวยดีนะ หน้าเธอไม่ต้องเติมแต่งอะไรก็สวยอยู่แล้วล่ะแล้วนัดของเราล่ะ”
“ก็ไปกินตอนกลางวันนี่ก็ได้ ปะไปกันนี่ก็เที่ยงพอดี”
ริษาหันมามองเวลาที่ข้อมือทันที นี่เธอทำงานจนลืมดูเวลาเลยเหรอเนี่ยะ
เธอหยิบกระเป๋าเงินกับมือถือแล้วลุกขึ้นไปพร้อมเดียร์
เดียร์พาริษามาที่ร้านอาหารข้างๆ บริษัทเรื่องที่พูดคุยบนโต๊ะอาหารก็มีแต่เรื่องท่านประธานจนตอนนี้ริษาแทบจะเอียดมากๆ แล้วล่ะ เธอเลยบอกให้เดียร์หยุดพูดเรื่องท่านประธานเสียที
“นี่เดียร์เธอช่วยหยุดพูดเรื่องท่านประธานหน่อยได้มั้ย ฉันกินข้าวไม่อร่อยเลย”
“ทำไมล่ะ ก็เขาหล่อจนฉันหยุดพูดไม่ได้จริงๆ นิ ปานนี้เขาคงกำลังกินข้าวที่ฉันมาให้อยู่สินะ อ๊ายยยแค่คิดก็เขินแล้วไม่รู้จะอร่อยถูกปากเขามั้ย”
“เธอก็ไปถามเขาสิ มานั่งคิดอยู่แบบนี้จะไปรู้ได้ยังไง”
“ฉันไม่กล้าหรอก เธอไปถามให้หน่อยสิ”
“ไม่เอาอะ ขี้เกียจเดี๋ยวเขาก็หาว่าฉันชอบเขานะสิ ไหนจะเรื่องที่เขาว่าเขามีแฟนหรือยังไหนจะเรื่องให้ไปถามเรื่องกับข้าว เขาจะมองว่าฉันเป็นคนยังไง เธอไปถามเองแล้วกัน”
“เธอนี่ใช้ไม่ได้เลย เดี๋ยวฉันไปถามเองก็ได้”
เหมือนเดียร์จะงอนริษานิดหน่อย ทั้งสองคนกินเสร็จก็เดินมาที่โต๊ะทำงานประจำของตัวเองเช่นเคย ริษาเห็นกระดาษโน๊ตของใครมาติดที่โต๊ะทำงานของเธอ เธอรีบหยิบขึ้นมาอ่านเนื้อหาในกระดาษ
‘ขอบคุณครับ’
‘อะไรของใครเนี้ยะ แล้วมาขอบคุณฉันเรื่องอะไรอย่าบอกนะว่าที่ทำงานของฉันมีโรคจิตด้วยนะ บึ๋ย!!ขนลุกชะมัด’
ริษาอ่านเสร็จขยำกระดาษนั้นทิ้งลงถังขยะไป แล้วมาเปิดคอมทำงานของตัวเองต่อ
เมื่อถึงเวลาไปกินเลี้ยงทุกๆ คนก็มารวมตัวกันที่หน้าบริษัท ท่านประธานได้จองห้องกินข้าวของโรงแรมดังไว้ คนที่มีรถเอารถของตัวเองไป ส่วนริษากับเดียร์ยังคงยืนอยู่หน้าบริษัทเพื่อรอเรียกรถแท็คซี่
แต่ไม่ทันที่แท็คซี่จะมา ก็มีรถเก๋งราคาแพงคันหนึ่งมาจอดอยู่ตรงหน้าของริษษกับเดียร์ เธอไม่เคยเห็นรถคันนี้เลย ที่บริษัทไม่น่าจะมีคนขับรถรุ่นนี้แน่นอนคนที่ซื้อมาขับได้ต้องรวยมากแน่ๆ กระจกรถเลื่อนลงมาเรื่อยๆ เผยให้เห็นหน้าเจ้าของรถ
“รอรถอยู่ใช่มั้ยครับ ขึ้นมาสิไปพร้อมผมก็ได้จะได้ไม่ต้องเสียค่ารถ”
เมื่อกระจกรถเลื่อนลงเผยให้เห็นเจ้าของรถก็คือท่านประธานคนใหม่ของบริษัทนี่เอง เดียร์เมื่อเห็นคุณธาวินเธอแสดงออกทันทีว่าดีใจแค่ไหนที่เขาชวนไปด้วย ริษาเลยผลักให้เดียร์ไปนั่งหน้ากับท่านประธาน เธอจะได้คุยกับเขาบ้าง ส่วนริษานั่งหลังอย่างเงียบๆ จะทำตัวเป็นฝุ่นอากาศให้เดียร์ได้คุยกับคุณธาวินเต็มที่
“ขอบคุณค่ะเดียร์เธอนั่งหน้านะ เดี๋ยวฉันจะนั่งหลังเอง”
ริษาหันไปขอบคุณท่านประธานก่อนจะหันไปกระซิบเดียร์อีกรอบ
ทั้งสามคนนั่งรถมาสักพักบรรยากาศภายในรถช่างเงียบมาก ริษาได้ยินเพียงเสียงหายใจมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เดียร์เองคนที่พูดเก่งๆ ตอนนี้ก็กลายเป็นคนใบ้ไปแล้ว
“เอ่อ ท่านประธานคะ”
“อะไรครับ”
เดียร์เริ่มบทสนทนาทำให้ในรถไม่เงียบอีกต่อไป แต่เหมือนท่านประธานจะเสียงดังไปหน่อยเลยทำให้เธอกลัวที่จะพูดต่อ
“ไม่มีอะไรค่ะ พอดีมีเรื่องจะถาม แต่ตอนนี้ลืมแล้วนะค่ะ ว่าจะถามอะไร”
เขาได้หันไปมองหน้าของเดียร์พรางมองสลับกับหนทาง
‘เดียร์เอ่ยถ้าเป็นฉัน ฉันจะถามให้หายสงสัยไปเลย ทำไมเธอถึงซื่อบื่อจัง ฉันที่ทนไม่ไหวเลยถามให้เดียร์ไป เธอจะได้สบายใจ’ ด้วยความอึดอัดของริษาเธอเลยตัดสินใจที่จะพูดแทนเพื่อนของเธอเอง
“ท่านประธานคะ ข้าวกล่องอร่อยมั้ยค่ะพอจะถูกปากท่านประธานบ้างรึเปล่า”
“ขอบคุณนะครับข้าวอร่อยมากๆ เลย”
ท่านประธานได้หันไปมองกระจกหลังเพื่อดูหน้าริษา เมื่อทั้งสองคนสบตากันผ่านกระจกริษารีบหลบสายตาทันที เธอลืมคิดไปเขาคงไม่คิดว่าเป็นของเธอหรอกนะ ส่วนเดียร์ก็ได้แต่นั่งยิ้มภูมิใจ
“เอ่อ อีกอย่างอย่าเรียกว่าท่านประธานเลย ต่อไปนี้เรียกชื่อก็พอครับ เรียกธาวินก็พอ”
เมื่อคุณธาวินได้ยินทั้งสองคนเรียกเขาแบบนี้มันช่างขัดๆ เขาเลยบอกให้พวกเธอเรียกเขาแบบคนเป็นกันเองจะดีกว่า
“ได้ค่ะคุณธาวิน ขอบคุณนะคะที่ชอบอาหารคนทำคงจะดีใจมากๆ” ริษษรีบบอกเขาไปกลัวว่าเขาคิดว่าเป็นเธอ
“อ้าวไม่ใช่คุณทำเหรอครับ” เขารีบตอบกลับมาทันทีเหมือนคำพูดของเขาจะดูผิดหวังที่ไม่ใช่ของริษาเล็กน้อย
ริษาจะบอกเขาว่าข้าวกล่องเป็นของใครแต่เหมือนเธอจะโดนหยิกแขนไม่ให้พูดต่อ
“เอ่อท่านประธานคะใกล้ถึงรึยังค่ะเดียร์หิวมากๆ แล้วล่ะค่ะ”
ริษาไม่เข้าใจเดียร์เลยจริงๆ ทำไมไม่บอกเขาไปว่าเป็นเธอที่ทำให้เขานะ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะมันเป็นเรื่องของเพื่อน เธอมีหน้าที่แค่ช่วยเล็กๆ น้อย
“ถึงแล้วครับดูสิทุกคนยืนรอผมอยู่”
ทั้งสามคนมาถึงพี่ๆ พนักงานก็มายืนรอกันแล้ว คุณธาวินก็ได้เอารถเข้าไปจอด เขาให้ริษากับเดียร์ลงมาก่อน
“นี่เดียร์ฉันไม่เข้าใจเธอเลยทำไมไม่บอกเขาไปล่ะว่าเป็นฝีมือเธอไม่เห็นหรือไงว่าท่านประธานเขาชอบอาหารเธอขนาดไหนนะ” ริษาถามทันทีเมื่อลงมาจากรถของคุณธาวิน
“ไม่เอาอะ ฉันอายทำไมต้องให้เขารู้ว่าเป็นของฉัน” เดียร์ส่ายหน้าไปมา
“แล้วเขาก็คิดว่าฉันเอาให้เขานะสิ”
“เออน่ะ เดี๋ยววันไหนฉันพร้อมฉันจะบอกเขาเอง เข้าไปข้างในกันเถอะ”
เดียร์จับแขนริษาดึงให้เดินตามเธอเข้าไป ที่ร้านอาหารแห่งนี้ช่างหรูเสียจริงๆ เขาคงจะรวยน่าดูสินะ ถึงได้พามาที่หรูๆ ขนาดนี้
“ทุกคนอยากทานอะไรสั่งได้เต็มที่เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
เขาเดินมานั่งลงข้างๆ ฉันก่อนบอกพี่ๆ สั่งอาหารตามใจตัวเอง ที่อยากกินเดียร์รีบเดินเข้ามานั่งข้างๆ คุณธาวินอีกข้างหนึ่ง
เมื่ออาหารมาถึงทุกคนพาก็กันกินอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนริษาได้แต่นั่งใช้ซ้อมจิ้มๆ อาหารที่อยู่ตรงหน้า
ริษารู้สึกเหนื่อยหน่ายอยากกลับไปนอนพัก เธอไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้คนในที่ทำงานก็พากันคุยแต่เรื่องงาน มาเลี้ยงฉลองน่าจะคุยเรื่องอื่นกันบ้าง ธาวินที่นั่งสังเกตริษาอยู่พักใหญ่เลยถามเธอด้วยความสงสัย
“อาหารไม่อร่อยรึไง นั่งเขี่ยมันอยู่นั่นแหละ”
ริษาเมื่อได้ยินรีบหันไปยิ้มให้ชายตรงหน้าและตอบด้วยความถนอมน้ำใจที่เขาเลี้ยงอาหารเย็นในวันนี้
“อร่อยค่ะแต่ฉันเหนื่อย ขอตัวกลับไปก่อนได้มั้ยคะ”
“ผมยังไม่เห็นคุณทานอะไรสักคำเลยแล้วบอกว่าอร่อยได้ยังไงครับ ถ้าคุณทานไม่หมดผมไม่อณุญาตให้กลับ”
ริษามองที่หน้าของเขาแล้วคิดเอะใจทำไมเขาต้องบังคับเธอด้วย ความที่เธอใจร้อนเลยโพร่งพูดออกไป
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉันคะตอนนี้มันเลยเวลางานแล้วนะ ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้านายและลูกน้องนะคะ”
เขาเข้ามาใกล้ๆ และกระซิบที่ข้างหูของเธอ
“หรือจะให้ผมบอกกับทุกคนในที่ทำงานละครับว่าคนแบบคุณเป็นคนยังไง ยังไม่รู้จักผมก็ชวนผมไปนอนที่ห้องแล้ว”
เมื่อริษาได้ยินถึงกลับตกใจในคำพูดของเขา นี่เขาจำเธอได้หรือ แล้วทำไมต้องแกล้งทำเป็นจำไม่ได้ด้วยล่ะ หรือจะเอาเรื่องนี้ไว้แกล้งเธอกัน เธอได้แต่คิดว่าการทำงานของเธอได้จบเห่แล้วล่ะ เธอทั้งโกรธทั้งโมโห
“คุณจำฉันได้ทำไมไม่บอกละคะ”
“ทำไมต้องบอกด้วยครับ มันสำคัญหรือไงจะทานให้หมดหรือจะกลับก็คิดดูดีๆ นะครับคุณริษา”
ในเมื่อเธอทำอะไรไม่ได้ก็ต้องกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าให้หมด ริษากินไปมองหน้าเขาไป เขายิ้มที่มุมปากเหมือนผู้ชนะ คอยดูเถอะอย่าให้ถึงวันของเธอบ้างนะ
“สองคนคุยอะไรกันเหรอ สนุกเชียว พึ่งเห็นคุณธาวินยิ้มครั้งแรกเลยนะคะ”
เดียร์ที่นั่งอยูข้างๆธาวินพูดขึ้นเมื่อเธอเห็นว่าชายหนุ่มหันไปพูดคุยอยู่กับเพื่อนของเธอแถมยังยิ้มออกมาอีกต่างหาก
“ไม่มีเรื่องอะไรหรอกครับแค่เห็นทุกคนที่มาที่นี่อร่อยและชอบกันผมก็เลยมีความสุข คุณเดียร์เองก็ทานเยอะๆ นะครับ”
“ได้ค่ะ เดียร์จะทานให้เยอะๆ เลย”
ริษารีบกินอาหารในจานของเธอจนหมดก่อนจะยกให้คนข้างๆ ดู
“ฉันไปได้หรือยังคะคุณธาวิน” ฉันกระแทกจานอาหารลงอย่างแรง
“ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้กลับนี่ครับ”
เธอมองหน้าเขาด้วยความหมั่นไส้ดูสิดูเขาพูดเข้าไม่ได้ห้ามแต่จะเอาเรื่องของเธอเล่าสู่เพื่อนที่ทำงานฟัง เขาช่างร้ายไม่เบาเธอไม่น่ามาเจออย่างเขาเลย
“งั้นฉันขอตัวนะค่ะ”
ริษาลุกออกมาจากโต๊ะ ทุกคนไม่ค่อยสนใจเธอเท่าไหร่เพราะกำลังดื่มด่ำกับไวน์ราคาแพงที่ท่านประธานคนใหม่เลี้ยง บางคนก็ถึงขั้นเมาเพียงดื่มไปไม่กี่แก้ว รวมทั้งเดียร์ด้วยที่ตอนนี้น่าจะเริ่มเมาแล้วเล็กน้อย
“อ้าวกลับแล้วเหรอ ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยล่ะ นานๆ เธอจะออกมาแบบนี้น่าเสียดายจัง”
เดียร์ลุกมาถามริษาถามก่อนเธอจะออกไป
“ฉันเหนื่อยนะ เธอก็รู้นี่ว่าฉันเป็นคนไม่ค่อยชอบเที่ยวกลางคืน เธออยู่กับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่นี่สนุกให้เต็มที่นะ เธออย่าดื่มให้มากนะดูสิหน้าเริ่มแดงหมดแล้ว ฉันไปก่อนนะบายบ๊าย”
“ฉันไม่เมาง่ายๆหรอกน่า งั้นก็กลับดีๆ นะ” เดียร์ที่หน้าแดงโบกมือบ๊ายบายเพื่อนสาวที่เดินออกไป
