ย้อนสู่อดีตชาติ /9
“คุณมายุ่งกับหนูทำไม”
อิทธินั่งลงประจำที่คนขับ ดวงตาสีอำพันวาวแสงขึ้นเพียงครู่เดียวก็เลือนหายไป
“พี่ชอบน้องหนู ไม่ว่าจะถามกี่ครั้งกี่หน พี่ก็มีคำตอบเดียว”
“คุณบ้าหรือเปล่า อย่างหนูนี่นะจะมีดีอะไร ปล่อยหนูไปเถอะ เราต่างคนต่างอยู่มันดีอยู่แล้ว”
“ไม่ พี่ไม่มีทางปล่อยน้องหนูแน่” อิทธิตอบจริงจัง
“โอ๊ย! โง่เหรอ ไม่เข้าใจหรือไงที่หนูพูด”
“เข้าใจ แต่ไม่ทำ หยุดพูดซะ” มือใหญ่จับพวงมาลัยเตรียมพร้อมจะใส่เกียร์
“บ้าๆๆๆ คนบ้า อุ๊บ!”
เสียงหวานเป็นอันต้องเงียบไป เมื่อปากร้อนรุ่มกดทับกลีบปากนุ่มดูดซับเน้นย้ำถ้อยคำที่จะตีจากให้จางหายไป ความหวานบริสุทธิ์ยิ่งผูกมัดใจเขาให้แน่นขึ้น มือน้อยทุบระรัวทั่วอกกว้างอย่างไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อความต้องการในส่วนลึก ผู้หมวดหนุ่มรั้งร่างน้อยข้ามเกียร์ได้อย่างง่ายดาย ปาราวตีขึ้นมาอยู่บนตักแข็งๆ หลังติดพวงมาลัยในตอนไหน สาวน้อยแทบจำไม่ได้ เขาทำทุกอย่างรวดเร็วจนเธอหัวหมุนไปหมด
ปลายลิ้นหนารัดเร้าลิ้นเล็กๆ ที่พยายามหดหนีแต่พื้นที่คับแคบทำให้พลาดท่าเสียที ปล่อยให้ลิ้นหนาดูดรัดความเร่าร้อนแผ่ซ่านไปทั่วเรือนกาย ปาราวตีถูกปลุกเร้าทั้งปากและทรวงอกอิ่มที่ผลิบานอยู่ในอุ้งมือใหญ่อย่างน่าอาย
อิทธิออกแรงบีบเคล้นทรวงสล้างนุ่มหยุ่นอย่างหลงใหล ก็เพราะเธอให้ความรู้สึกดีกับเขาทุกสัดส่วนแบบนี้แล้วจะให้เขาตัดใจจากเธอง่ายๆ ได้อย่างไรกัน ปากนุ่มก็แสนหวานยิ่งเวลาที่เธอเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสสัมผัสเรียกร้องของเขาด้วยแล้ว เวลาที่ปลายลิ้นเล็กเริ่มตวัดตอบรับอย่างเงอะงะไร้เดียงสามันน่ารักน่าใคร่อย่างไม่มีใครจะเปรียบ ผู้หญิงของอิทธิทุกคนมีแต่เจนจัดในเรื่องอย่างว่า เขาเองก็ไม่เถียงว่าพวกหล่อนทำให้เขาสุขในเวลาที่ได้ปลดปล่อย แต่ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาแทบพวยพุ่งอย่างสิ้นฤทธิ์ได้เท่าร่างน้อยในอ้อมแขน
ปาราวตีสาวน้อยร่างเล็กแต่อวบอิ่มสะพรั่งก่อนวัย แม้หน้าตาผิวพรรณของเธอก็แสนจะธรรมดาไม่ได้สะสวยหรือขาวจั๊วะเป็นหยวกกล้วย แต่ผิวของเธอก็นุ่มนิ่มและหอมกรุ่นกว่าผู้หญิงคนไหนๆ ใครจะว่าบ้าที่เขามาชอบเธอหมดใจแบบนี้ก็ช่างประไร เขาก็ยอมรับล่ะว่าบ้า แต่ทำไงได้ก็มันผูกใจติดแน่นเป็นเงื่อนตายที่แก้ไม่ออกเข้าไปแล้ว
มือน้อยเริ่มระทวยยึดบ่ากว้างเอาไว้แทนการทุบตี หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับจะโลดแล่นออกมานอกทรวงอก ร่างกายของเธอมันเต้นเร่ารับสัมผัสวาบหวิวจากเขาไปทุกสัดส่วน จูบของเขาเร่าร้อนแล้วกลืนกินลมหายใจของเธอจนต้องเบี่ยงหน้าหนีแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดถี่ระรัว แค่ไม่กี่วินาทีหรอกมั้งปากของเธอก็ถูกปิดและถูกวาดไล้ด้วยเรียวลิ้นไปทั่ว สมองของเธอสั่งการให้หยุดเขา แต่หัวใจและร่างกายมันกลับทรยศไม่ต่อต้านหากแต่ตอบรับด้วยความยินยอม
“พี่ไม่เคยเป็นแบบนี้ ขอให้เชื่อ พี่จริงจังกับน้องหนูมากกว่าใคร”
คำรำพึงรำพันจากปากหนาเรียกสติของปาราวตีให้กลับคืนมา เธอเริ่มต่อต้านอีกครั้งอย่างบ้าคลั่งสั่งให้อวัยวะทุกส่วนทำร้ายเขาเท่าที่จะทำได้ เรียวลิ้นที่ซุกซอนเข้าโพรงปากอย่างไม่รู้จักจะอิ่มเอมถูกไรฟันซี่เล็กๆ กัดไม่เบา หากเพราะเจ้าตัวยั้งไว้ไม่อย่างนั้นลิ้นหนาอาจขาดได้
“โอ๊ย! นี่ถึงขนาดกัดลิ้นกันเลยเหรอ”
“มากกว่านี้หนูก็จะทำ ถ้ามันทำให้คุณเลิกยุ่งกับหนู หนูไม่ใช่นักศึกษาขายตัวนะคุณถึงจะล่อหนูเสียในรถแบบนี้”
ปาราวตีโต้ตอบอย่างเจ็บแค้น เขากำลังทำให้เธอหมดความนับถือตัวเองลง เขาใช้ประสบการณ์ล่อหลอกให้เธอลืมตัวลืมใจ แล้วเต้นไปตามจังหวะปลุกเร้าของเขา สาวน้อยน้ำตาไหลเมื่อคิดว่าเกือบจะเสียทีคนเจ้าเล่ห์เข้าให้แล้ว
อิทธิเห็นน้ำตาใสๆ ก็ใจอ่อนยวบสงสารหญิงสาวขึ้นมา แม้ตัวจะยังเจ็บและกลืนรสเค็มปร่าของเลือดลงลำคอไม่หาย แต่ถ้าคิดในด้านกลับกันคนที่เจ็บกว่าคงเป็นเธอถ้าเขายังทำตามใจตัวเองแบบนี้
“พี่ขอโทษคนดี”
ชายหนุ่มขอโทษแล้วกดใบหน้าเล็กๆ ลงกับซอกคออุ่น รู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนของน้ำตาที่ไหลออกมาเปียกต้นคอของตน สำนึกได้ว่าเขาจู่โจมเร็วมากไปหน่อยเลยทำให้ร่างน้อยไร้ประสบการณ์ขวัญเสีย
เสียงสะอื้นเบาๆ ที่ดังแนบหูช่วยลดความต้องการที่มีมากจนกลางลำตัวเปลี่ยนไปให้อ่อนระทวยลงดังเดิม
“อย่าร้องนะเด็กดีของพี่ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง”
มือใหญ่ลูบหลังปลอบโยนร่างน้อย ความอบอุ่นกระจายตัวภายในรถคันหรูก่อนซึมซาบเข้าสู่หัวใจดวงเล็กแค่กำปั้นน้อยๆ ของปาราวตี กลิ่นกายชายหอมอ่อนๆ ที่เธอไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นของอะไรและคำปลอบโยนหวานหู ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ความกล้ำกลืนและเจ็บแค้นเริ่มมลายหายไปเป็นอากาศธาตุ
“อย่าทำแบบเมื่อกี้นี้อีกนะ ถ้าไม่อยากให้หนูเกลียดพี่ไปมากกว่านี้”
อิทธิอมยิ้มกับเสียงหวานอ่อนๆ ที่ปนคำขู่เล็กๆ ของเธอ แต่แค่นี้ก็ได้ผลมากแล้ว เพราะเขาไม่อยากถูกเธอเกลียด
“ไม่จ้ะ ไม่ทำแล้ว ไม่ทำถ้าน้องหนูไม่ยอม พี่ก็จะไม่บังคับ”
ปาราวตีผละใบหน้าออกจากซอกคอ ช้อนตามองดวงตาสีอำพันวาวแสงที่อยู่ห่างเพียงแค่คืบอย่างไม่แน่ใจ
“หนูไม่ยอมหรอก ถ้าบังคับจะกัดให้ลิ้นขาดเลยคอยดู”
“กลัวจัง”
เขาพูดไม่ผิดที่ว่ากลัวเธอ แต่เขาไม่ได้กลัวว่าลิ้นจะขาดหรอกนะ แต่กลัวว่าจะถูกเกลียดตั้งแต่แรกเริ่มต่างหาก
“กลัวแล้วต้องทำด้วยล่ะ ไม่ใช่กลัวแต่ปาก”
“จ๊อก” เสียงท้องดังมาจากร่างน้อย ทั้งคู่ก้มลงมองต้นเสียงอีกฝ่ายเจ้าของเสียงขัดเขินเป็นกำลัง ส่วนอีกฝ่ายเพียงแต่ยิ้มบางๆ บนใบหน้าและจ้องมองคนเขินด้วยสายตาเอ็นดู
“ท่าจะหิวมากแล้ว เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินดีกว่า” เขาชวน
“ดึกแล้ว แม่จะเป็นห่วงค่ะ”
“โทรไปบอกสิ เดี๋ยวเราแวะกินข้าวต้มรอบดึกข้างทางเสร็จก็กลับแล้ว”
“ข้าวต้มข้างทางเหรอ”
อิทธิเห็นสีหน้าสงสัยของคนตัวเล็ก อดไม่ได้ต้องกดปากแนบปากนุ่มเบาๆ แล้วถอยฉากไปรวดเร็ว แต่กระนั้นก็ทำให้ร่างเล็กตัวแข็งทื่อ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พี่แค่...แค่แตะปากไม่ได้จูบซะหน่อย”
ปาราวตีค้อนคมให้คนเจ้าเล่ห์ ชิ...นึกว่าเธอเด็กจนไม่รู้หรือไง แต่พอเห็นเขาไม่ยุ่มย่ามกับเธอมากกว่านั้นก็ค่อยเบาใจ คิดว่าเป็นจูบจากเด็กชายน้อยแต่ตัวโตก็แล้วกัน
“อย่าทำอีกนะ”
“ขยันห้ามจัง จะชื่นใจเล็กๆ น้อยๆ บ้างไม่ได้เชียวเหรอ”
“ไม่ได้เป็นไรกัน ทำไมต้องชื่นใจด้วย เผลอไม่ได้เลยนะ หนูเสียเปรียบทุกที”
สาวน้อยขยับตัวข้ามเกียร์ไปนั่งอีกฝั่ง ถ้าอยู่ใกล้เขาก็มีหวังต้องเสียจูบอีกหลายครั้ง เขยิบมานั่งห่างๆ ดีกว่า
“ตกลงเดี๋ยวพี่หาที่โทรศัพท์ให้นะ แล้วเราก็ไปกินข้าวต้มรอบดึกกัน”
“หนูจะตามใจพี่อิทแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ คราวหน้าอย่าหวังเลยว่าหนูจะไปไหนมาไหนด้วย เราไม่ได้เป็นอะไรกันอย่าลืมสิ”
“ทำไมไม่ยอมใจอ่อนให้พี่บ้าง ไม่ลองศึกษานิสัยใจคอกันดูก่อนเหรอ นี่จะตัดพี่ออกนอกเส้นทางตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยรึไง ใจร้ายจัง พี่ไม่เคยต้องมาตามใครต้อยๆ แบบนี้นะ น่าจะเห็นใจพี่บ้าง น้องหนูยังไม่ได้ชอบไม่ได้รักแต่น้องหนูก็ไม่รังเกียจพี่นี่นา”
