3
ประเทศจีน
พุทธิญาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของโรงแรมด้วยความรู้สึกสดชื่นสดใส ไม่มีวี่แววว่าเหน็ดเหนื่อยแม้แต่นิด
วันนี้เป็นวันที่สามแล้วที่เธออยู่ที่นี่ ได้ไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ หลายแห่ง
วันนี้เธอได้นั่งเรือล่องแม่น้ำฮวงโหหรือแม่น้ำเหลืองในอดีต ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของคนที่นี่มาตั้งแต่โบราณกาล
ถ้าเธอจำไม่ผิดคนไทยก็มีถิ่นกำเนิดจากแถบนี้เหมือนกัน
จึงสรุปเอาเองว่าไทยจีนก็มาจากเทือกเดียวกัน แต่พอแตกหน่อไปอยู่ต่างถิ่นจึงต่างภาษาออกไป
ช่วงบ่ายเธอก็ได้ไปวัดเส้าหลิน เป็นวัดแห่งแรกที่บุกเบิกพุทธศาสนาในดินแดนแห่งนี้ของผู้ออกบวชจากประเทศอินเดีย เธอและเพื่อน ๆ ชมความงามของงานสถาปัตยกรรมในสมัยโบราณต่าง ๆ ตบท้ายด้วยการชมโชว์กังฟู จนถึงเวลาบ่ายแก่ ๆจึงบอกให้ไกด์หน้าตาหล่อตี๋ ขวัญใจนังปลาหมึกพากลับเข้าที่พัก...
‘กุ้ยถิง เจ้ารู้ตัวหรือไมว่าความงามของเจ้า ในปฐพีนี้หาได้มีใครเสมอเหมือน เจ้างามยิ่งนัก ออกเรือนมาเป็นพระชายาของข้าเถิดนะ’
ชายหนุ่มที่เธอเห็นเป็นเพียงเงารางเลือน ค่อย ๆ เดินเข้ามา เธอพยายามเพ่งมองด้วยความตั้งใจ เพราะอยากเห็นหน้าของเขาชัด ๆ
แต่เธอยิ่งเพ่งมองมากเท่าไหร่ มันก็เหมือนกับการเดินเข้ามาของเขาถอยห่างออกไปทุกก้าว เธอจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายเดินไปหาเขาเอง พยายามซอยเท้าเพื่อให้ทันเขา
“คุณคะ กลับมาก่อน คุณเป็นใคร กลับมาหาฉันก่อน คุณ.. คุณคะ อย่าเพิ่งไป กลับมาก่อน คุณ..” เธอทั้งวิ่งทั้งเรียกจนเหนื่อยหอบ “คุณคะ คุณ”
“เฮ้ย! ยิปซี ละเมออะไรของแกน่ะ” ปลาหมึกเขย่าตัวของเพื่อนรักที่นอนห้องเดียวกัน ด้วยความเป็นห่วงระคนหวาดหวั่น
พุทธิญาลืมตาตื่น แล้วมองหน้าเพื่อนสนิทที่มองจ้องเธออยู่
“ปลาหมึก” เธอยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วดูนาฬิกาที่ข้อมือ “จะหนึ่งทุ่มแล้วเหรอ โทษทีนะฉันเผลอหลับไม่รู้ตัวเลย”
“เธอฝันอะไรเหรอยิปซี เธอเรียกใครให้กลับมาเสียงดังมาก ทำฉันขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย” ปลาหมึกยื่นแขนให้เพื่อนดูเพื่อยืนยัน
“หมึก แกจะเชื่อฉันมั้ย ถ้าฉันบอกว่าฉันฝันเห็นผู้ชายคนนี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว ฝันถึงเขาตั้งแต่ก่อนเดินทางมาเที่ยวด้วยซ้ำ ฝันซ้ำ ๆ อยู่แบบนี้ตลอดเลย”
“แล้วแกฝันถึงใครล่ะ”
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้จักเขา รู้แต่ว่าเป็นคนจีนแต่งชุดโบราณ ท่านจอมยุทธ์ประมาณนั้น”
“ฉันว่าแกฟุ้งซ่าน จะมาเที่ยวเมืองจีนเลยคิดมากจนเอามาเป็นความฝัน ฟันธง” ปลาหมึกทำท่าสะบัดมือแบบหมอดูชื่อดัง
“ค่ะคุณหมอรัก” พุทธิญาล้อเลียนเพื่อน ลึก ๆ ก็หวั่นไหวแต่ไม่อยากแสดงออกให้เพื่อนเห็น “ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว ฉันขอเข้าห้องน้ำแป๊บนะ” แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ สำรวจความเรียบร้อยของหน้าตาและเสื้อผ้า
ออกมาก็เห็นเพื่อน ๆ มารวมตัวกันที่ห้องแล้ว จึงชวนกันลงไปกินข้าวที่ร้านอาหารที่ไกด์แนะนำ…
วันที่ห้าในประเทศจีน ไกด์หนุ่มตี๋พาลูกทัวร์ทั้งสี่ไปเยือนที่หลงเหมิน สือคูหรือถ้ำผาประตูมังกร ซึ่งมีงานเขียนโบราณ งานประติมากรรม และศิลาจารึกเรื่องราวต่าง ๆ มากมายนับหมื่นผลงาน
เที่ยวเมืองลั่วหยางซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในห้าอันเก่าแก่ของประเทศจีน เป็นเมืองหลวงในสมัยโบราณถึงเจ็ดสมัยด้วยกัน และปิดท้ายด้วยการไปสักการะกวนหลิน หรือสุสานขุนพลกวนอู ซึ่งคนจีนเปรียบท่านเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม
วันที่หก พวกเธอได้ไปเที่ยวที่กำแพงเมืองโบราณ ที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ที่มีขนาดยาวและกว้างมากขนาดเอารถสามคันไปวิ่งบนกำแพงได้ ไปดูศาลไคฟงของท่านเปาบุ้นจิ้น และปิดทริปวันนี้ด้วยการเดินเที่ยวตลาดใกล้ ๆ กับโรงแรมที่พัก
“ขอบคุณมากนะคะคุณเฉิน พรุ่งนี้พบกันค่ะ” พุทธิญาพูดภาษาจีนกลางกับไกด์เมื่อเขาส่งพวกเธอลงที่ตลาด
“พรุ่งนี้พบกันครับ ยิปซี พวกคุณชอบดูดวงมั้ย ถ้าชอบผมขอแนะนำให้คุณเดินเข้าไปในซอยเล็ก ๆ นั้น เดินตรงเข้าไปสักพักจะเจอศาลเจ้า ที่นั่นมีหมอดูเป็นหญิงชราที่ดูหมอแม่นมาก ใคร ๆ ก็เรียกเธอว่าธิดาเทพ”
“จริงเหรอคะคุณเฉิน ฉันไม่ได้ดูดวงมานานแล้วค่ะ อยากลองเหมือนกัน” พุทธิญากล่าวอย่างกระตือรือร้น เพื่อให้คนที่แนะนำรู้สึกดีไปด้วย
“จริงครับ แต่ผมไม่รับรองนะว่าป้าเขาจะดูให้พวกคุณหรือเปล่า”
“ทำไมล่ะคุณเฉิน” พุทธิญาสงสัย
เขามองหน้าเธอแล้วส่งยิ้มให้ “เพราะป้าเขาจะเลือกดูให้บางคนเท่านั้น ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือเปล่านะครับ..” แล้วขยับหน้าไปใกล้ ๆ ยกมือป้องปากอย่างมีมารยาท “ผมยังได้ยินเขาลือกันว่าป้าเขาอยู่แบบนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้ว” กระซิบกับเธอเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยินด้วยน้ำเสียงจริงจัง
พุทธิญายิ้มอ่อน ๆ แล้วส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะคุณเฉิน คนเราเกิดมาแล้วก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น”
“แต่เธอไม่ใช่คน ป้าเขาเป็นธิดาเทพนะครับ” เขายืนยันเสียงแข็ง
ยิปซีไม่อยากค้านเพราะเกรงว่าจะเสียมารยาท “โอเคค่ะฉันจะลองไปตามที่คุณแนะนำ แต่เธอคงไม่เลือกฉันหรอก” เธอพูดติดตลก
“ผมหวังว่าคุณจะถูกเลือกนะครับ” แล้วบอกลาเธอกับคนอื่น ๆ ก่อนจากไป
เมื่อเฉินเดินจากไปแล้ว พุทธิญาจึงเดินนำหน้าเพื่อน ๆไปตามซอกซอยต่าง ๆไม่ได้สนใจซอยที่เขาแนะนำเลยสักนิด เพราะถ้าเป็นอย่างที่เขาพูดจริง เธอคงไม่ได้ดูดวงกับธิดาเทพท่านนั้นแน่
ก็เธอทั้งไม่เชื่อและไม่ใช่คนจีน ท่านคงไม่ดูให้เธอ
“หุย! คนจีนนี่เขากินอะไรกันแปลก ๆ เนอะแก กินโหดยิ่งกว่าบ้านเราอีก ดูสิ ตะขาบ หนอน แมลงอะไรนั่น โอ๊ย! ไม่ไหวแล้ว รีบไปจากตรงนี้เถอะพวกแก ฉันจะตายอยู่แล้ว” พุทธิญาทนไม่ไหวจริง ๆ กับสิ่งที่เห็น
เธอไม่ใช่ผู้หญิงจุกจิกเรื่องการกินสักเท่าไหร่ แต่แบบนี้เธอรับไม่ได้จริง ๆ...
หลังจากที่ออกมาจากตลาดแล้ว ทุกคนก็เห็นพ้องว่าเดินกลับโรงแรมดีกว่า ตอนนี้จึงลงเอยที่คาเฟ่ภายในโรงแรม เพื่อหาเครื่องดื่มเย็น ๆ แก้กระหาย
“กาแฟที่นี่สู้กาแฟเย็นบ้านเรายังไม่ได้เลย” พุทธิญาเจ้าเดิมบ่นพึมพำ เธอไม่ใช่คนขี้เหนียว แต่เมื่อเสียเงินแสนแพงไปแล้วก็ต้องได้ของดีรสชาติถูกลิ้น “แต่ก็คงอร่อยของบ้านเขาแหละ ฉันเรื่องมากเอง”
“ทนกินไปก่อนเถอะยิปซี อีกสามวันก็ได้กลับบ้านเราแล้ว” แวนพูดปลอบ แล้วยกน้ำชาที่รสชาติเข้มมากสำหรับคนไทยอย่างเธอ แต่เมื่อกลืนลงคอไปแล้วกลับรู้สึกชุ่มคอดีเหลือเกิน จึงชักชวนให้เพื่อนคนอื่นได้ลิ้มชิมรสกันบ้าง
