4
“ยิป สุดหล่อของฉันเขาคุยอะไรกับแกวะ เห็นกระซิบจริงจังมาก” ปลาหมึกถามเมื่อนึกขึ้นได้
“อ๋อ! เขาบอกให้ฉันลองไปดูดวงที่ตลาดนั้นน่ะ ที่นั่นมีศาลเจ้าที่มีหมอดูแม่นมาก ใคร ๆ ก็เรียกเธอว่าธิดาเทพ เขาบอกว่าเธออยู่มาหลายชั่วคนแล้ว ที่สำคัญ..หมอดูคนนี้เลือกคนดู ไม่ใช่คนดูเลือกเธอ” เธอทำเสียงสยองเหมือนหนังผีในท้ายประโยคเพื่อความสมจริง
“จริงเหรอแก..แกดูสิ ขนฉันลุกไปทั้งตัวแล้ว” ปลาหมึกยกแขนอวดเพื่อน
“แล้วทำไมพวกเราไม่ลองไปดูสักหน่อยล่ะ ไหน ๆ คุณเฉินเขาก็แนะนำแล้ว” แวนแย้งขึ้นมา
“ฉันก็คิดเหมือนไอ้แวนนะ อยากจะรู้ว่าแม่นจริงอย่างที่คุณเฉินเขาพูดหรือเปล่า” ปลาพูดออกแนวท้าทาย
“แต่คุณเฉินว่าเขาเลือกคนดูนะ” ปลาหมึกแย้ง
“เงินไปถึงตัวแล้วใครบ้างไม่อยากได้วะ” ปลาโต้กลับ
“แต่ฉันไม่อยากไปว่ะ กลัวไปเสียเที่ยว” ยิปซีไม่อยากเสียเวลากับเรื่องนี้ “ถ้าอยากดูจริงกลับไปดูบ้านเราดีกว่า ดวงคนไทยให้คนไทยดูน่าจะแม่นกว่า” เธอพูดติดตลก
“ไปเหอะยิปซี พวกเราอยากท้าพิสูจน์ ถ้าพวกเราได้ดูแกจะได้ช่วยแปลให้ด้วยไง” ปลาอ้อนเพื่อน
“ฉันมีความสำคัญแค่นี้เองเหรอ” เธอมองเพื่อนตาละห้อยก่อนจะหัวเราะ “ไปก็ไป แต่ฉันอาจจะแปลไม่ออกก็ได้ เพราะไม่รู้เขาใช้จีนสำเนียงไหน ที่ฉันพูดได้ฟังออกก็แค่บทสนทนาทั่วไปเท่านั้น”
“วัดดวงละกัน”
“ถ้าเป็นหมอดูอยู่ที่นี่ก็น่าจะพูดสำเนียงแมนดารีนได้แหละยิป”
ทั้งสี่เดินกลับไปที่ตลาดอีกครั้ง และเดินเข้าไปในซอยตามที่เฉินบอก ไม่กี่นาทีก็มองเห็นศาลเจ้าขนาดกลาง ที่มีผู้คนกำลังจุดธูปกราบไหว้อยู่บางตา
เมื่อเดินเข้าไปในศาลเจ้า ปลาหมึก แวนและปลา ต่างมองหาหมอดูธิดาเทพที่เฉินแนะนำ ส่วนยิปซีกลับไม่ได้สนใจ เธอเดินไปหยิบธูปมาจุด กราบไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในศาลเจ้าแห่งนี้ แล้วนำธูปไปปักตามกระถางที่วางอยู่ด้านหน้าเทพเจ้าทั้งหลาย จนมาถึงกระถางสุดท้าย
“ธิดาเทพ” อ่านภาษาจีนที่สลักไว้ตรงฐาน แล้วเงยหน้าขึ้นมองรูปปั้นนั้นด้วยความลืมตัว
“แม่นางยิปซี”
ขณะกำลังมองรูปปั้นอยู่นั้น หูก็ได้ยินเสียงเรียกของใครคนหนึ่งจึงหันไปมอง.. คิ้วเรียวได้รูปขมวดเข้าหากันทันทีด้วยความสงสัย ตอนที่เธอเดินเข้ามาไม่เห็นมีโต๊ะกับคนนั่งอยู่ตรงนั้นนี่นา เธอมั่นใจว่าตาไม่ได้ฝาดแน่นอน แล้วคุณยายคนนี้รู้ชื่อเธอได้ยังไง.. คำพูดของเฉินลอยเข้ามาในหัวทันที
ไม่ใช่หรอก มันเป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น เธอปลอบใจตัวเอง
“โปรดเดินมาหาข้า” หญิงชราพยักหน้าเรียกนิด ๆ ด้วยใบหน้าที่ฉายชัดความเมตตาปรานี
พุทธิญาปักธูปลงในกระถางแล้วยกมือไหว้หนึ่งครั้ง ก่อนจะเดินไปหาหญิงชรา
“เรียกหนูหรือคะ” เธอชี้นิ้วใส่ตัวเอง
“เจ้านั่นแหละ เชิญนั่ง”
“คุณยายเรียกหนูทำไมคะ” คุณยายเอาแต่จ้องมองเธอจนเริ่มรู้สึกอึดอัด จึงทำลายความอึดอัดนั้นด้วยคำถาม
“เจ้าจะมาหาข้าไม่ใช่หรือ ไหนล่ะเพื่อนของเจ้าอีกสามคน ทำไมไม่เรียกพวกเขาเข้ามาด้วย” สายตาของหญิงชราไม่ได้คลาดไปจากใบหน้าของยิปซีเลยแม้แต่น้อย
“หนูขอไปตามเพื่อนก่อนนะคะ” บอกกับหมอดูแล้วรีบเดินไปหาเพื่อนทั้งสาม ที่เธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ตรงไหนของศาลแห่งนี้
ไม่นานพุทธิญาและเพื่อนทั้งสามคนของเธอ ก็มายืนอยู่ตรงหน้าหญิงชราที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มบาง ๆ
“ข้าจะดูดวงให้พวกเจ้า เพราะพวกเจ้าเป็นเพื่อนกับแม่นางคนนี้”
แปลกแต่จริงจนขนหัวลุก เมื่อคำพูดของหญิงชราที่พูดออกมาเป็นภาษาจีน พวกเธอทุกคนกลับฟังออกโดยไม่ต้องแปล พวกเธอที่พูดและฟังภาษาจีนแทบไม่ออก ต่างหันมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ
“เจ้า มานั่งตรงหน้าข้า” หมอดูชี้ไปที่ปลาหมึกเป็นคนแรก พูดถึงอดีตของเขาโดยที่ไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับตัวเขาแม้แต่คำเดียว
“พ่อแม่จากเจ้าไปเร็วทั้งคู่ เจ้าถูกพี่สาวเลี้ยงดูมาอย่างดี ในอนาคตอันใกล้เจ้าจะได้คู่รักต่างภาษาต่างเผ่าพันธุ์ แต่น่าเสียดายที่บั้นปลายชีวิตของเจ้า จะต้องอยู่เพียงลำพังเพราะไร้บุตร” หญิงชราเปิดหนังสือเล่มหนึ่งที่มีแต่ตัวหนังสือภาษาอะไรก็ไม่รู้ แล้วนางก็วางมือไปบนหน้านั้น หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาส่งให้ปลาหมึก
สร้างความแปลกใจให้พวกเธอจนสีหน้าออกอาการ เพราะพวกเธอเห็นอยู่แล้วว่ามันมีแต่ตัวหนังสือ แต่ทำไมหมอดูธิดาเทพคนนี้ถึงหยิบเป็นกระดาษเปล่าขึ้นมาได้
“ถึงแม้จะไร้บุตรแต่เจ้าก็ยังมีหลานมีเครือญาติ ให้เขียนชื่อคนที่เจ้ารักลงในกระดาษนี้ พวกเขาจะดูแลเจ้าอย่างดีจนลมหายใจสุดท้าย แต่จงอย่าลืมว่าความดีนั้นเจ้าต้องมีให้พวกเขาด้วยเช่นกัน ทำดีย่อมได้ดี”
“ขอบคุณค่ะ ครับ”
“เจ้า” หมอดูมองแวนกับปลาแล้วเลือกทักปลาก่อน แล้วรอให้ปลานั่งแทนที่ปลาหมึก “เจ้าเกิดมาพร้อมกับอีกคน แต่เขาทิ้งเจ้าไปตั้งแต่ลืมตาดูโลกได้ไม่นาน ตอนเด็ก ๆ เจ้าเป็นคนขี้โรค ชีวิตอยู่ระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณหลายครั้งหลายครา แต่ก็แข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเติบใหญ่.. เจ้าเป็นอาจารย์ที่จิตใจดี มีลูกศิษย์รักมากมาย ชีวิตคู่ของเจ้าจะมีแต่นำพาความสุขความเจริญมอบให้กัน แต่ต้องรอนานกว่าเพื่อนคนนี้นะ” ชี้ไปที่ปลาหมึก “ลูกชายทั้งสองคนของเจ้า คนหนึ่งจะเกิดมาพร้อมกับโรค ส่วนอีกคนเป็นฝาแฝดของเจ้ามาเกิดใหม่ เขาจะกตัญญูต่อเจ้า ข้าไม่จำเป็นต้องให้อะไรเจ้า”
ทุกคนที่ฟังอยู่มีแต่ความเงียบกับความรู้สึกขนลุก ไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากถาม
พุทธิญามองไปรอบกายที่ดูเงียบสงบ เย็นยะเยือกยังไงไม่รู้ เธอเห็นคนมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กันมากกว่าเมื่อกี้ แต่ทำไมทุกคนไม่สนใจพวกเธอเลย
ทำเหมือนมองไม่เห็นกันอย่างนั้นแหละ
“แม่นางยิปซี ไม่ต้องไปคิดมากไปหรอก เขากับเรากำลังทำหน้าที่คนละอย่างกัน”
พุทธิญาสะดุ้งเฮือก ถ้าไม่มีเพื่อนอยู่ตรงนี้ด้วย เธอวิ่งหนีไปแล้วแน่ ๆ แต่ที่ทำตอนนี้คือก้มศีรษะอย่างลุแก่โทษส่งให้หมอดู
