6. รู้ใจ
“คุณยาย...”
หลานชายมีสีหน้าตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าแดงด้วยความอาย
“ยายสังเกตปอนด์มานานแล้วนะ ทุกครั้งที่หนูดรีมมาที่บ้านสวนของยาย ดูปอนด์จะมีความสุขมาก แววตาของปอนด์ที่มองดูหนูดรีม มันแตกต่างจากที่มองหนูลิลลี่ กับ หนูไปรยา มากเลยนะ”
“คุณยาย...”
“อย่าปดยายเลย..ยายดูออกนะว่าปอนด์แอบรักหนูดรีม แต่ปอนด์ต้องเก็บมันไว้ เพราะรู้ดีว่าหนูดรีมรักกับชวินซึ่งเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน แต่ตอนนี้ชวินก็เสียไปแล้ว ยายก็ขอลุ้นให้ปอนด์สมหวังกับหนูดรีมก็แล้วกันนะ”
สิปปกร ก้มหน้าด้วยความอายพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าที่ผ่านมาจะถูกแอบสังเกตจากยายมาโดยตลอด
“มัวแต่เขินอยู่นั่นแหละ ไปหาข้าวหาปลาทานได้แล้ว”
ยายกันยามาศ ไล่ด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ เขาจึงพยักหน้ายิ้มเอียงอายก่อนจะลุกขึ้นและตั้งใจว่าหลังจากรับประทานอาหารแล้ว จะออกตามหาเจ้าดุ๊กดิ๊กทันที แม้ความหวังที่จะได้พบตัวมันริบหรี่เต็มทีแต่ก็ยังดีกว่าที่จะนั่งรอให้มันกลับมาเอง
ย้อนไปเมื่อสองปีก่อน นัฏนรี ได้นำสุนัขพันธุ์ไทยตัวหนึ่งมาฝากให้สิปปกรช่วยเลี้ยง โดยนัฏนรี บอกกับเขาว่ามันชื่อดุ๊กดิ๊ก เป็นสุนัขจรจัดที่ นัฏนรี ขับรถไปชน จึงนำมันไปรักษา และเลี้ยงดูอย่างดีอยู่ที่บ้านของเธอระยะหนึ่งแล้ว
แต่ก็เพียงไม่นาน เธอก็นำมันมาฝากสิปปกรไว้ที่บ้านของยายกันยามาศ ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากจะให้เจ้าดุ๊กดิ๊ก ได้มีเพื่อนเล่น
“ดรีมรักและสงสารมันมาก สัญญาว่าจะมาเยี่ยมมันบ่อย ๆ ที่ดรีมฝากปอนด์ เพราะดรีมมั่นใจในตัวปอนด์ ว่าจะให้ความรักความสงสารมันเหมือนที่ดรีมรักมัน”
เพียงคำพูดเช่นนั้นของนัฏนรี ก็ทำให้สิปปกร มีความสุขอย่างมาก เขาจึงทุ่มเทความรักความเอาใจใส่เจ้าดุ๊กดิ๊กให้สมกับที่เจ้าของมันรักและฝากฝังเขาไว้
เขาจึงไม่ได้ถามถึงเหตุผลอื่นที่ทำให้นัฏนรีจำเป็นต้องเอาเจ้าดุ๊กดิ๊ก มาฝากเลี้ยง
แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก เขาก็ทราบจาก ไปรยา และลิลลี่ ว่าเหตุผลที่แท้จริงที่นัฏนรี ต้องเอาสุนัขมาฝากเขาเลี้ยงไว้นั้น ก็เพื่อจะให้ชวินสบายใจ เนื่องจากชวินไม่ชอบหน้าเจ้า
ดุ๊กดิ๊ก จึงทำร้ายร่างกายมัน นัฏนรีรู้สึกสงสารเจ้าดุ๊กดิ๊ก ส่วนหนึ่ง แต่ก็คงอยากจะเอาใจคนรักด้วย จึงยอมที่จะสละเจ้าดุ๊กดิ๊ก ที่เธอเริ่มจะรักและผูกพันกับมันให้มาอยู่บ้านยายของสิปปกร แทน
สิปปกร รับฟังด้วยความเจ็บช้ำใจที่นัฏนรี ช่างรักชวินอย่างเหลือเกิน
ความจริง เขาก็รู้และเห็นมาโดยตลอดอยู่แล้ว นับตั้งแต่ชวิน กับ นัฏนรี เปลี่ยนความสัมพันธ์จากเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน แล้วก็คบหาเป็นคนรักกันมาตั้งแต่เรียนอยู่ปีสอง ทำให้สิปปกร ได้แต่เก็บความขมขื่นผิดหวังนั้นไว้
หากเขาใจกล้าพอที่จะบอกรักนัฏนรี ก่อนชวิน เขาอาจจะมีความหวังก็ได้ คงไม่ต้องแอบรักนัฏนรี เพียงข้างเดียวอยู่อย่างนี้
แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า หากเขาบอกรักนัฏนรีไปแล้วจะได้คำตอบเช่นใดกัน มันอาจจะทำให้นัฏนรีเกลียดเขาขึ้นมา ไม่รับเขาเป็นเพื่อนอีกก็ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัวอย่างที่สุด เขาคงทนไม่ได้ที่นัฏนรี จะโกรธหรือเกลียดเขา
ฉะนั้น เขาขอมีความสุขกับการที่ได้แอบรักแอบช้ำอย่างนี้ดีกว่า เพราะถึงอย่างไรเขาก็คงไม่มีทางที่จะเอาชนะชวินได้ จึงได้แต่เอาใจช่วยให้นัฏนรี มีความสุขสมหวัง เช่นเดียวกับเพื่อนสนิทในกลุ่มอีกสองคน คือ ไปรยา กับ ลิลลี่ ที่ต่างก็ลุ้นให้นัฏนรี เป็นแฟนกับชวินไปให้นาน ๆ ไม่อยากเห็นนัฏนรีต้องช้ำใจจากความเจ้าชู้ปากหวานของชวิน
“นายวิน กะล่อนตอแหลเก่งจะตาย ยัยดรีมไม่มีทางตามทันหรอก ขนาดนายวิน อ้อนขอเงินอ้างว่าเอาไปซื้อของให้แม่เขา ยัยดรีมก็ยังเชื่อเล้ย..ถ้ารู้ว่าเงินที่ให้ไป นายวินเอาไปเลี้ยงข้าวกิ๊กละก้อ ยัยดรีมคง อกแตกตายแน่”
ไปรยา มักจะแอบพูดลับหลังนัฏนรีเช่นนี้ให้สิปปกร กับ ลิลลี่ ฟัง แต่ไม่กล้าเล่าให้นัฏนรีฟัง เกรงว่าจะเสียใจ
แต่หารู้ไม่ว่าถ้อยคำเหล่านั้น เสียดแทงหัวใจสิปปกรเพียงใด มันทำให้เขายิ่งเป็นห่วงและสงสารนัฏนรีจับใจ ซึ่งเขาก็ได้แต่แอบไปขอร้องชวินให้เลิกทำตัวเจ้าชู้ไปตามจีบรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาวิทยาลัยเสียที แต่ชวินกลับบอกกับเขาว่า
“ผู้ชายไม่เจ้าชู้จะเกิดมาเป็นชายทำไมวะไอ้ปอนด์เสียชาติเกิดว่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็เสียชาติเกิดน่ะสิ ที่ดันรักผู้หญิงอยู่เพียงคนเดียวไม่คิดจะเปลี่ยนใจ แล้วก็ไม่อยากจะทำให้เธอช้ำใจเลย”
“แกแอบรักใครวะ..เดี๋ยวฉันจะบอกให้เอาไหม”
ชวิน ถามด้วยความอยากรู้ แต่สิปปกรก็ไม่ยอมบอก
“ไม่บอกก็ไม่เป็นไรเพื่อน แต่ฉันคิดว่าพอจะรู้นะ”
คำพูดของชวินทำให้สิปปกร ร้อน ๆ หนาว ๆ อยู่เหมือนกัน
“เฮ้ย!..แต่ไม่เป็นไรว่ะเพื่อน ต่อให้นายแอบรักดรีมของฉันอยู่ ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก เพราะฉันรู้ว่าในหัวใจดรีมมีแต่ฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น ต่อให้ผู้ชายอื่นหล่อกว่าฉันหรือรวยแค่ไหน ดรีมเขาก็ไม่สนหรอก ไม่อย่างนั้นเขาจะมาเลือกผู้ชายจน ๆ อย่างฉันทำไมล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะรักใช่ไหมวะ”
คำพูดแสดงความมั่นใจของชวินสร้างความสะเทือนใจให้กับสิปปกรไปหลายวัน แม้จะรู้ว่าเป็นความจริงก็ตาม เขาจึงได้แต่เก็บความรักผสมความช้ำที่มีต่อนัฏนรีเสมอมาจนเรียนจบ และเขากำลังจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
