7. ช่วยกันปกปิด
สิปปกร จึงได้แต่หวังว่าระยะทางที่ห่างไกลจะทำให้เขาลืมนัฏนรีได้ เขาพยายามตัดใจจากเธอตั้งแต่วันที่ไปติดต่อเดินเรื่องไปอเมริกา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่นัฏนรีโทรศัพท์มาชวนเขาไปทำบุญทอดผ้าป่าที่วัดต่างจังหวัดกับครอบครัวของชวิน และเขาก็ได้ใจแข็งปฏิเสธเป็นครั้งแรก
แต่หลังจากปฏิเสธไปแล้ว ก็ต้องนอนซึมอย่างคนไม่มีกะจิตกะใจ
จนกระทั่งได้ข่าวว่าชวิน และนัฏนรีประสบอุบัติเหตุรถตกเหว เขาจึงได้รู้ว่าต่อให้เขาหนีไปให้ไกลสุดขอบฟ้า เขาก็ไม่สามารถที่จะเลิกรักเลิกห่วงใยนัฏนรีได้เลย
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับนัฏนรี ครั้งนี้มันทำให้เขายิ่งเพิ่มความรักความห่วงหาอาทรมากขึ้นด้วยซ้ำ จนการกระทำของเขาที่ไปเฝ้าดูอาการของนัฏนรี ที่โรงพยาบาลทุกวันเป็นที่ผิดสังเกตของเพื่อนในกลุ่มอย่างลิลลี่ ที่พูดว่า
“ดูปอนด์จะอาการหนักกว่ายัยดรีม อีกนะ ยังไงก็รู้จักดูแลตัวเองบ้างนะปอนด์ หัดรักตัวเองให้มาก ๆ แล้วก็ควรที่จะรักคนที่เขารักเราดีกว่า บางทีถ้าปอนด์ลองมองไปรอบ ๆ อาจจะเห็นคนที่เขาเป็นห่วงอยู่ก็ได้นะ”
ลิลลี่ ตั้งใจที่จะพูดให้เขารับรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ เพียงแต่เขาไม่พยายามที่จะรับรู้ว่าลิลลี่ มีใจให้เขาเท่านั้นเอง
หากคนเราสามารถบังคับจิตใจตัวเองได้ เขาก็คงบังคับใจให้รักลิลลี่ ไปนานแล้ว แต่นี่มันไม่สามารถจะฝืนใจได้ เขาจึงต้องเป็นฝ่ายรักนัฏนรีข้างเดียวอยู่เช่นนี้ ยิ่งห้ามใจตัวเองก็ยิ่งทุกข์ทรมานใจ ยิ่งรู้ว่าคนที่เขารักกำลังสูญเสียคนรักไปก็ยิ่งทำให้เขาเข้าใจความรู้สึกของนัฏนรี จนเขาต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจในการดูแลนัฏนรีอย่างเต็มหัวใจ
........
ที่โรงพยาบาล ดร.นีรนุช เดินทางมาเพียงคนเดียว ส่วนดร.ฉันทวัฒน์ มีงานสำคัญที่มหาวิทยาลัย ทั้งคู่ทำงานอยู่ที่เดียวกันมีตำแหน่งเป็นคณะบดีเหมือนกันแต่อยู่คนละคณะ
วันนี้ ดร.นีรนุช สวมชุดเสื้อกระโปรงสีสดใส เข้ากับหุ่นบอบบางเหมือนนางแบบ ผมยาวสลวยถูกปล่อยตามสบายทำให้สวยแปลกตากว่าวันที่แต่งตัวไปมหาวิทยาลัย ในมือของดร.นีรนุช หอบดอกลิลลี่ สีขาวที่ลูกสาวชอบเป็นพิเศษเพื่อนำมาปักแจกันที่ห้องคนป่วย เธอผลักประตูห้องเข้าไปก็พบว่าเพื่อนของลูกสาวกำลังยืนมองคนป่วยที่กำลังหลับอยู่บนเตียง
“สวัสดีค่ะอาจารย์”
ทั้งไปรยา และลิลลี่ รีบหันไปยกมือไหว้ ดร.นีรนุช ในขณะที่สมใจเดินไปรับดอกไม้จากมือของดอกเตอร์เพื่อนำไปปักแจกัน
“มากันนานหรือยังจ๊ะสาว ๆ”
ดร.นีรนุช เอ่ยถามเพื่อนสนิทของลูกสาวด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
“เพิ่งมาถึงเมื่อกี้เองค่ะ เห็นป้าสมใจบอกว่าดรีมกำลังหลับอยู่ พวกเราก็เลยแค่มองดูค่ะ” ไปรยา เป็นคนบอก
“คุณหมอให้ยานอนหลับหนูดรีมไป อีกสักเดี๋ยวก็คงจะตื่นแล้วล่ะค่ะ” สมใจบอกกับทุกคน
“เมื่อคืนลูกดรีมเป็นไงบ้างป้า”
ดร.นีรนุช หันมาถามป้าสมใจที่อยู่ดูแลคนป่วยที่ห้องพิเศษตลอดคืน
“ก็สลืมสลือค่ะ แต่ก็ยังถามหาคุณวินอยู่ตลอด”
ป้าสมใจ บอกตามจริง
“แล้วป้าบอกลูกดรีมหรือเปล่า”
“ก็อาจารย์สั่งป้าไว้ไม่ให้บอก ก็เลยไม่ได้พูดอะไรค่ะ”
“อาจารย์สั่งอะไรป้าสมใจหรือคะ”
ไปรยา ถามด้วยความอยากรู้ ดร.นีรนุชยกมือจุ๊ปากส่งสัญญานไม่ให้เสียงดัง
“แม่ว่าเราออกไปคุยกันด้านนอกดีไหม ให้ป้าสมใจเฝ้าลูกดรีมคนเดียวก็พอ”
สองสาวเห็นด้วย เดินตามมารดาของเพื่อนออกไปด้านนอกเงียบ ๆ ดร.นีรนุชพาสองสาวไปยังที่นั่งใกล้กับห้องพิเศษ
“ปอนด์ล่ะจ๊ะไม่ได้มาด้วยกันหรือ” ดร.นีรนุชถามขึ้น
“ลิลลี่โทรไปชวนเขาแล้วค่ะ เห็นว่าติดธุระที่บ้านคุณยาย แต่เสร็จแล้วก็คงจะมาค่ะ”
“ความจริงปอนด์น่าจะพักผ่อนก็ดี แม่เห็นมาเฝ้าดรีมทุกวันเลย เมื่อวานก็อยู่ทั้งวัน”
ถ้อยคำของดร.นีรนุช กระตุกความรู้สึกของลิลลี่ ไม่น้อย ทำไมลิลลี่ จะไม่รู้ว่าสิปปกร รู้สึกอย่างไรกับนัฏนรี มันสร้างความช้ำใจ น้อยใจให้กับลิลลี่ทุกครั้งที่เห็นสายตา และการกระทำของสิปปกรที่มีต่อนัฏนรี
เมื่อไหร่หนอที่สิปปกร จะมองเห็นความรักที่เธอมีต่อเขาสักที เธอรู้ว่าสิปปกร ต้องเจ็บปวดเพียงใดที่แอบรักนัฏนรีเช่นเดียวกับที่เธอก็ระทมทุกข์กับการแอบรักสิปปกร ข้างเดียวเหมือนกัน
“ที่ให้พวกหนูออกมาคุยข้างนอกก็เพื่อจะได้ทำความเข้าใจเรื่องวินสักหน่อย คือ ตอนนี้แม่ยังไม่อยากจะให้ดรีมรับรู้ความจริงเรื่องที่วินเสียชีวิตแล้ว”
ดร.นีรนุช บอกความต้องการ แต่ไม่ทันที่จะได้พูดต่อทั้งหมดก็เห็นป้าสมใจเปิดประตูห้องออกมาสีหน้าไม่สบายใจ
“อาจารย์ขา..คุณหนูเรียกหาคุณวิน คาดคั้นจะให้ป้าบอกให้ได้ค่ะ”
ดร.นีรนุช ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีสองสาวลุกขึ้นเดินตามไปติด ๆ
“ลูกจ๋า..แม่มาแล้วลูก”
ดร.นีรนุช เข้าไปจับมือนัฏนรีที่กำลังนอนร้องไห้น้ำตาไหลพราก
“เมื่อกี้วินมาหาหนู..ฮือ ๆ”
นัฏนรี บอกเสียงสั่นเครือสะอื้นฮัก ๆ
“วิน..มาหาหนูไม่ได้หรอกลูก..”
“ทำไมคะ..ทำไมวินมาหาหนูไม่ได้ เมื่อกี้หนูยังเห็นเขาอยู่เลย”
นัฏนรี สอดส่ายสายตาไปมารอบห้อง ลิลลี่ รีบขยับเข้าไปใกล้ไปรยาด้วยความหวาดกลัว
“เอ้อ..คืออย่างนี้นะลูก คือว่าวินเขา...”
ดร.นีรนุช แทบจะกลั้นหายใจ เธอเว้นระยะเพื่อใช้ความคิดว่าจะบอกลูกว่าอย่างไรดี
“วินอยู่ที่เชียงใหม่ไงคะ”
ไปรยา รีบพูดโพล่งขึ้นมา ทำให้ดร.นีรนุช โล่งอกที่เพื่อนลูกสาวคิดคำพูดได้ทันท่วงที
“อือ..ใช่ใช่..วินต้องพักรักษาตัวเหมือนดรีมไง”
ลิลลี่ รีบรับลูกต่อจากไปรยาได้เช่นกัน
“ทำไม..เกิดอะไรขึ้นคะ”
นัฏนรี ถามสีหน้างุนงง พลางมองหน้าเพื่อนสาวสองคนสลับกันไปมา
“วินกับดรีมเกิดอุบัติเหตุยังไงล่ะลูก จำได้ไหมจ๊ะ”
ดร.นีรนุช บอกเสียงอ่อนโยนพร้อมกับจับมือให้ความอบอุ่นลูกไปด้วยในขณะที่นัฏนรีขมวดคิ้วพยายามใช้ความคิด
“จำได้ไหมดรีม..เธอไปทอดผ้าป่าที่วัดชนบทเชียงใหม่ ไปกับครอบครัวของวินไงล่ะ”
ไปรยา ทวนความจำให้ หวังว่าจะกระตุ้นความทรงจำให้เพื่อนได้
