บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 (ลิขิตฟ้ามายารัก)

บทที่ 5 ลิขิตฟ้ามายารัก

ท่ามกลางหิมะตกโปรยปรายไม่ขาดสาย สองร่างแปลงสุนัขป่าวิ่งตามกันมาติดๆ พลันก็มีเสียงกระหึ่มดังมาจากบนท้องฟ้า เสียงหวีดหวิวราวกับมีวัตถุวิ่งแล่นแหวกอากาศมาท่ามกลางพายุหิมะ มันดังมากขึ้นยามใกล้เข้ามาจนสามารถ จับทิศทางได้

“เสียงอะไรน่ะลิซ่า”

ลันทาในร่างแปลงสุนัขป่าแหงนขึ้นมองตามเสียงกระหึ่มของวัตถุขนาดใหญ่ที่ดังมาจากทางทิศใต้ เพียงอึดใจวัตถุสีเงินกางปีกใหญ่โตก็ร่อนต่ำแล่นผ่านหน้าไป

“โอ๊ะ เจ้านกสีเงินตัวใหญ่นั่น มันวิ่งฝ่ากำแพงมนตราสายรุ้งของโลกเรามาได้ยังไงกัน”

ลิซ่าร้องขึ้นขณะแหงนมองตามร่างวัตถุสีเทาเงินที่แล่นผ่านหน้าหล่อนกับลันทาไป เห็นความวับวาวของแสงไฟจุดเล็กๆแดงๆบอกตำแหน่งการเอียงถลาลงต่ำ ตามมาด้วยเสียงครืนครั่นสนั่นหูเสมือนเจ้าวัตถุสีเงินนั้นจะแล่นฝ่าดงไม้ในป่าข้างหน้าไป

“มันเป็นตัวอะไร ดูน่ากลัวจัง” ลันทายืนตัวแข็งทื่อ หวั่นกลัวต่อสิ่งประหลาดที่ส่งเสียงวี๊ดหวีดถลาล่อนผ่านหน้าไป การถูกชุบชีวิตมาจากต้นกำเนิดของหญิงสาวในประเทศยากจน และมีชีวิตอยู่กลางชนบทที่เคยเห็นเพียงเกวียนเทียมวัวเทียมลาเกือบสามร้อยปีพาให้อกสั่นขวัญผวาต่อสิ่งประหลาดที่มีเสียงดังน่ากลัวนั่น

“เจ้าไม่เคยเห็นมันหรือ”

“ไม่เลย ข้าไม่เคยเห็น”

“โอ...ข้าลืมไป ตั้งแต่เจ้ากำเนิดมาในโลกอมตะแห่งนี้ยังไม่มีเจ้านกยักษ์นั่นผ่านเข้ามาเลย เจ้านั่นเป็นพาหนะสำหรับเดินทางบนท้องฟ้าของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน มนุษย์สร้างมันขึ้น มาเมื่อไม่กี่ร้อยปีนี่เอง และมันเคยเข้ามาในโลกอมตะของเราเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”

“มันเป็นยังไง ดุร้ายหรือไม่”

“มันไม่เป็นอันตรายต่อเราหรอก...ไป...เราไปดูกันเถอะ”

ลิซ่าในร่างแปลงเดินตามทิศทางที่เห็นวัตถุสีเงินร่อนถลาลงไป มันเป็นป่าสนบนเนินเขาเตี้ยๆที่มีหิมะปกคลุมขาวโพลน ถ้าโชคดีเจ้านกยักษ์อาจจะไม่แตกหักเสียหายมากนัก

“จะดีหรือลิซ่า มันน่ากลัวนะ” ร่างแปลงของลันทาส่งกระแสจิตถามอย่างหวาดๆ

“ไม่ต้องกลัว มันเป็นแค่สิ่งที่มนุษยโลกยุคใหม่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นพาหนะเดินทางเท่านั้น มันไม่มีชีวิตจิตใจหรือทำอันตรายแก่เราได้” ลิซ่าส่งกระแสจิตตอบขณะวิ่งนำมาข้างหน้า

“แต่เสียงมันดังน่ากลัวเหลือเกิน” ลันทาลังเลเล็กน้อยก่อนจะวิ่งตามร่างสุนัขป่าของลิซ่ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ก็แค่เสียงของมันเท่านั้น ถ้าเจ้าอยากเห็นก็รีบตามข้ามาเถอะ เราอาจต้องให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่อยู่ในนกยักษ์ด้วยนะ”

ลิซ่าบอกเพื่อนรุ่นน้องแล้ววิ่งทะยานตรงไปข้างหน้ารวดเร็วราวกับลูกธนูวิ่งออกจากแล่งด้วยพลังแห่งมนตราที่ชีวิตใหม่ในโลกอมตะต้องเรียนรู้เพื่อใช้ดำเนินชีวิตต่อไป เพราะเป็นสิ่งต้องนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน

“ความช่วยเหลือรึ มนุษย์อย่างเราหรือ”

ลันทาร้องถามด้วยความตื่นเต้นเมื่อคิดว่าจะได้เห็นมนุษย์ตัวเป็นๆจากโลกในยุคสมัยที่มียานพานะลอยอยู่บนฟ้าได้ หล่อนวิ่งทะยานตามลิซ่ามาติดๆพลางคิดจินตนาการต่างๆนานา

“ใช่ ถ้ายังมีผู้รอดชีวิต ก็แสดงว่าพวกเขาคือผู้ที่ถูกฟ้าลิขิตให้มาอยู่ที่นี่ เราต้องให้ช่วยเหลือแก่พวกเขาเหมือนที่เราเคยถูกช่วยเหลือมา ตามข้ามาเถอะลันทา”

ร่างแปลงสุนัขป่าที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้าส่งกระแสจิตบอกกล่าวกับเพื่อนที่วิ่งตามหลังมา เพราะคาดเดาว่าอาจจะมีมนุษย์กำลังรอความช่วยเหลือของพวกตนอยู่ข้างหน้า

“มีคนหรือ แต่จะมีใครรอด เจ้าวัตถุนั่นร่อนถลาตกลงมาจากฟ้าเสียงดังกัมปนาทปานนั้น พวกเขาอาจตายหมดแล้วก็ได้”

“นั่นแหละที่เราจะต้องไปดูให้แน่ใจ”

“จะมีใครได้ยินไหม แล้วถ้ามีใครไปถึงก่อนเราล่ะ พวกเขาอาจเป็นอันตรายต่อเจ้ากับข้าก็ได้นะ ลิซ่า” ลันทาเกิดหวั่นกลัวพวกกลุ่มอื่น

“พายุหิมะพัดรุนแรงอย่างนี้ คงไม่มีใครออกมาอยู่ข้างนอกอย่างเราหรอก”

ลิซ่าคุ้นเคยต่อวิถีชีวิตของเหล่าชีวิตอมตะเป็นอย่างดี ช่วงเวลาอย่างนี้จะไม่มีใครเยี่ยมกรายออกมานอกถ้ำหรือคูหาพักอาศัย ยิ่งเป็นช่วงกลางวัน การนอนหลับพักผ่อนอยู่ในถ้ำย่อมดีกว่าจะออกมาผจญอากาศอันเลวร้ายอย่างนี้

“ก็ซิมเวย์กับแบรี่ไงล่ะ พวกเขาจะได้ยินเสียงเจ้านกยักษ์นี่ไหม เสียงนี่อยู่ไม่ไกลจากถ้ำนั่นเลยนะ”

“พวกเขากำลังเสพสุขกัน อารมณ์พิศวาสอาจจะปิดกั้นการรับรู้ภายนอก ขนาดเจ้ากับข้าอยู่ใกล้ๆพวกเขายังไม่รู้ตัวสักนิด แล้วนี่อยู่ห่างถ้ำนั่นมาตั้งไกล เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก”

“อึม...อาจจะใช่นะ”

ร่างแปลงของลิซ่ากับลันทาวิ่งฝ่าฝนหิมะที่ยังโปรยปรายอยู่ไม่ขาดสายตรงไปยังจุดหมายข้างหน้า ป่าโบราณแถบนี้ไม่มีกลุ่มใดอยู่ใกล้มากเท่ากับกลุ่มของเลโอไนดัส ดังนั้น จึงไม่มีชีวิตอมตะกลุ่มอื่นใดได้ยินเสียงจากวัตถุขนาดใหญ่ที่ตกจากฟ้า มีเพียงลิซ่ากับลันทาที่รู้เห็นเพราะอยู่ในเหตุการณ์

พวกนางหยุดสะบัดเกล็ดหิมะออกจากขนบนร่างเป็นระยะ แล้วต้องหยุดมองหาวัตถุที่ดูเหมือนจะแทรกตัวผ่านต้นสนนับสิบต้นไป เพราะทำให้ต้นไม้หักระเนนระนาดเป็นทางยาว ระหว่างทางก็มีชิ้นส่วนของวัตถุแตกหักกระจัดกระจายอยู่ตลอด

“เจ้านกยักษ์นั่นต้องไถลตกลงไปในหน้าผานั่นแน่ๆ” ลิซ่าส่งกระแสจิตบอกเพื่อนที่ยืนอยู่ทางซ้าย

“ข้างหน้านั่นเป็นหน้าผาหรือ” ลันทาแปลกใจว่าลิซ่ารู้ได้อย่างไรในเมื่อตนมองเห็นแต่หิมะขาวโพลนไปหมด

“มันเป็นแค่หน้าผาเตี้ยๆน่ะ และตอนนี้ก็มีหิมะตกหนาปกคลุม เร็วเข้าเถอะ เราจะไปดูกันว่ามีมนุษย์รอดชีวิตบ้างไหม”

“ถ้าไม่มีใครรอดล่ะ เราควรจะปล่อยไว้แบบนี้ไหม”

“ตามกฎของโลกอมตะเจ้าก็รู้ว่าไม่อนุญาตให้พวกเรากินเหยื่อที่เป็นมนุษย์ชาติพันธุ์ต้นกำเนิดของตัวเอง และเลโอไนดัสก็เคร่งครัดเรื่องนี้ยิ่งนัก เราอาจต้องใช้มนตรากลบฝังพวกเขาไว้ใต้หิมะหนาตรงนี้ แล้วบอกให้เลโอไนดัสมาจัดการอีกที เจ้ารีบตามข้ามาเถอะ เผื่อจะมีใครรอดชีวิตให้ช่วยบ้าง”

ลิซ่าในร่างแปลงสุนัขป่าเดินนำร่างแปลงของลันทาตรงไปยังจุดที่เห็นรอยแยกของพื้นหิมะเป็นร่องลึกทางยาวเปิดกว้างจากสภาพต้นสนหักระเนระนาด

“แต่เราไม่มีมนตราชุบชีวิตไม่ใช่หรือ เอ๊ะ หรือเจ้าจะกลับไปหาเลโอไดนัส” ลันทามองอย่างสงสัย หากลิซ่ากลับไปหาเลโอไดนัส เขาก็ต้องรู้ว่าพวกเธอกำลังจะหนีไป

“ใช่ ยังไงข้าก็ต้องไปบอกเขาให้รู้เรื่องนี้” ลิซ่าตอบเสียงเคร่งขรึม หล่อนไม่อาจทำนิ่งเฉยต่อสิ่งที่พบเห็นนี้ได้ และเลโอไนดัสเป็นคนเดียวในกลุ่มที่จะช่วยต่อลมหายใจแก่ผู้รอดชีวิต

“เจ้าไม่กลัวเขารู้หรือว่าเรากำลังจะหนีไป เขาอาจโกรธเราก็ได้นะ ที่เราจะจากไปโดยไม่บอกกล่าว”

“เลโอฯเป็นคนฉลาด เขาต้องเข้าใจความรู้สึกของเราสองคนแน่ เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก”

“แล้วทำไมเจ้าไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ให้ผ่านไปเสียล่ะ เราจากไปโดยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องเจ้านกยักษ์นี่ก็ได้”

“ไม่รู้สิ ข้าไม่อาจทำเป็นไม่รู้เห็นเรื่องนี้ได้ ข้ารู้สึกว่าต้องมีคนรอดชีวิตที่เราควรให้ความช่วยเหลือ เหมือนอย่างที่เราเคยถูกช่วยเหลือมาแล้วไงล่ะ มาเถอะลันทา เร็วๆเข้า”

ลิซ่าเดินมาหยุดตรงจุดที่เห็นร่องรอยของการตก แล้วพาเพื่อนสาวเดินสำรวจตามรอยต่อไปข้างหน้าที่ทั้งสองเห็นตรงกันว่าวัตถุนกยักษ์ร่อนตกลงมาในลักษณะที่วิ่งหัวทิ่มไถลเอาปีกด้านหนึ่งลง แรงกระแทกปะทะทำให้ชิ้นส่วนซีกนั้นแตกหักกระจัดกระจาย อีกด้านหนึ่งไถลลงไปสู่หน้าผาเตี้ยที่มีกองหิมะเพิ่งตกใหม่ทั้งหนาทั้งนิ่มรองรับชิ้นส่วนที่แตกหักหลุดออกเป็นชิ้นเป็นอัน

“อากาศเริ่มสว่างขึ้นบ้างแล้ว เราลงไปดูข้างล่างกันเถอะ สภาพส่วนท้ายของมันยังดีอยู่มาก ข้างในอาจมีใครรอดชีวิตบ้าง”

ลิซ่าเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ต้นกำเนิดของตนดึงมือลันลา ที่เปลี่ยนร่างแล้วเช่นกันมุดเข้าไปในลำเครื่องเจ้านกยักษ์ตัวใหญ่โตอย่างระมัดระวัง ข้างในตัวเจ้านกยักษ์กว้างขวางพอที่ทั้งสองจะเดินคู่กันเข้าไปอย่างสบายๆ

“อาจจะมีผู้รอดชีวิตอย่างที่เจ้าบอกนะลิซ่า โอ แต่กลิ่นเลือดมนุษย์นี่หอมหวานเหลือเกิน”

ลันทามองภาพตรงหน้าอย่างน้ำลายสอด้วยสัญชาตญาณจากร่างแปลงสุนัขป่าของเหล่าชีวิตอมตะที่กินเลือดเนื้อเป็นอาหาร จึงทำให้เลือดเนื้อสดใหม่ของมนุษย์ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจ พลางคิดว่าถ้าตนได้ลิ้มรสหวานของมันจะช่วยให้อิ่มหนำไปได้อีกหลายวัน

“อย่าคิดเชียวนะลันทา เลโอไนดัสเคร่งครัดกฎของกลุ่มสิงหรามานาน เจ้าอย่าไปสนใจซากศพนั่นเลย มาดูนี่เถอะ ยังโชคดีที่ตรงนี้มีชะง่อนหินปิดกั้นหิมะไม่ให้ตกทับถมลงมามากนัก”

ลิซ่าเดินมองเศษซากกระจัดกระจายของวัตถุและร่างมนุษย์ พลางหยุดมองอากาศโดยรอบที่หิมะยังตกพรั่งพรูอยู่ไม่ขาดสาย ช่างโชคดีที่ซากวัตถุส่วนหนึ่งไถลลงมาจากหน้าผาเตี้ยที่มีชะง่อนผาเป็นหลังคา หากมีมนุษย์ที่ยังพอเหลือลมหายใจอยู่บ้าง หล่อนกับลันทาคงต้องไปตามผู้นำกลุ่มมาช่วยก่อนจะถูกหิมะทับถมจนมิด

“เจ้าไม่ต้องกลับไปก็ได้นี่ลิซา เราออกมาจากกลุ่มแล้วก็เท่ากับว่าไม่ต้องอยู่ในกฎของเลโอไนดัสอีกแล้ว และซากมนุษย์พวกนี้ก็น่าจะเป็นอาหารของเราได้”

ลันทาไม่คิดอะไรมากไปกว่าความหิวกระหายตามสัญชาตญาณของผู้ล่าจากร่างแปลงสุนัขป่าที่ชื่นชอบอาหารสดใหม่ และเลือดเนื้อมนุษย์เหล่านี้ก็เป็นอาหารชั้นดีที่สุด

“ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่เราต้องกลับไปบอกเลโอไนดัสเพื่อช่วยชีวิตของผู้มีลมหายใจในซากวัตถุนั่น อย่ามัวชักช้าอยู่เลยอีกไม่นานจะใกล้เวลาพระจันทร์ขึ้นแล้ว เดี๋ยวหิมะหยุดเลโอไนดัสจะพากลุ่มออกไปข้างนอกเสียก่อน” ลิซาร้องเร่งอย่างร้อนใจ หล่อนสัมผัสได้ถึงการมีชีวิต

“แล้วเจ้าไม่ไปจากเขาแล้วหรือ”

“ข้าไปแน่ แต่คงต้องรอไว้หลังจากช่วยคนพวกนี้ก่อน”

“อึม...ก็ตามใจเจ้าเถอะ แต่เอ...ข้าเพิ่งนึกได้ ทำไมเราไม่ใช้เสียงหอนของร่างแปลงหรือกระแสจิตแห่งมนตราเรียกเขามาล่ะ” ลันทากล่าวกับเพื่อนสาวรุ่นพี่ที่ตนมักจะคล้อยตามความคิดของหล่อนอยู่เสมอ

“กลางพายุหิมะนี่หรือ หนทางไกลอย่างนี้ นอกจากเสียงหอนของร่างแปลงจะไปไม่ถึงถ้ำคูหาของเราแล้ว พวกอื่นที่อยู่ใกล้ๆอาจได้ยินเสียง ข้าจะลองใช้กระแสจิตแห่งมนตราดูนะ”

ลิซ่าหลับตาร่ายมนตราส่งกระแสจิตถึงเลโอไนดัสแต่กลับเข้าไม่ถึงตัวเขาเพราะมีหมอกหม่นมัวบดบังเอาไว้ หล่อนพยายามอยู่หลายครั้งก็ไม่เป็นผลสำเร็จ แสดงว่าเลโอไนดัส ได้ปิดกั้นการรับรู้ภายนอกของเขาอยู่ ซึ่งสภาวะอย่างนี้ลิซ่ารู้ดีว่าเขากำลังวุ่นวายอยู่กับสิ่งใดหล่อนจึงไม่คิดจะรอ

ลิซ่าเปลี่ยนรูปเป็นร่างแปลงของตนออกวิ่งทะยานนำหน้าเพื่อนสาวด้วยมนตราทำให้การเดินทางจากจุดเกิดเหตุกลับมายังถ้ำถิ่นที่พำนักของกลุ่มสิงหราใช้เวลาเดินทางเพียงไม่นานนัก แล้วเรื่องราวที่หล่อนกับลันทาได้รู้เห็นก็ถูกเล่าต่อถ่ายทอดไปยังเพื่อนหญิงชายในกลุ่ม และลิซ่ากับลันทาก็พาโอมห์กับเพื่อนกลุ่มหนึ่งเดินทางล่วงหน้ามาดูสถานการณ์ก่อน โดยมอบหมายให้เอียนห์รอรายงานเรื่องราวทั้งหมดแก่เลโอไนดัสผู้นำกลุ่มสิงหรา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel