บทที่ 4 (ลิขิตฟ้ามายารัก)
บทที่ 4 ลิขิตฟ้ามายารัก
“เจ้าคิดว่าพวกนางไปไหน” เอียนห์ห์ถามโอมห์ที่เดินนำออกมายังบริเวณส่วนหน้าของถ้ำ หยุดมองพายุหิมะพัดกระหน่ำอยู่ภายนอก
“ข้าเดาไม่ออกว่าซิมเวย์ไปไหน” โอมห์ตอบเสียงขรึม
“เจ้าพูดความจริงรึ” เอียนห์จับตามองสีหน้าเรียบเฉยของเพื่อนผู้มีอาวุโสมากว่า เขาคิดว่าโอมห์อาจจะรู้ว่าหญิงสาวทั้งสามหายไปไหน
“ข้าไม่อยากพูดสิ่งที่ทำให้ผู้นำของเราไม่สบายใจ เลโอฯจะรู้ด้วยตัวเองในไม่ช้า” โอมห์หันมาตอบ แล้วหันกลับไปมอง ฝ่าพายุหิมะออกไปอย่างไร้จุดหมาย
หากโอมห์จะห่วงใครสักคนในเวลานี้ ก็คงเป็นลิซ่ากับ ลันทาเท่านั้น เขาไม่สงสัยในพฤติการณ์ของพวกนาง เพียงอยาก รู้ว่าพวกนางอยู่ที่ไหนหรือกำลังจะไปไหนกัน
“สำหรับซิมเวย์น่ะ ไม่น่าจะผิดไปจากที่ข้าคิดและคิดว่าเลโอฯกับเจ้าก็คงเดาได้เหมือนกัน แต่ลิซ่ากับลันทานี่สิ นางไม่เคยออกไปไหนโดยที่ไม่มีพวกเรา หรือเจ้าว่ายังไง ไม่เป็นห่วงพวกนางหรือ” เอียนห์เดินเข้ามายืนข้างเพื่อนรุ่นพี่ เขาเองก็นึกเป็นห่วงเพื่อนสาวทั้งสอง
“ลิซ่าอยู่มานานกว่าเราสองคน ข้าไม่ห่วงว่านางจะมีอันตราย แต่ข้ากำลังสงสัยว่าพวกนางคิดจะไปที่ไหนสักแห่ง” โอมห์ตอบอย่างซึมเศร้า ความรู้สึกของเขาเริ่มมั่นใจมากขึ้น
“เจ้าหมายถึงลิซ่ากับลันทาจะไปจากที่นี่หรือ” เอียนห์ตกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ เขาไม่เคยคิดว่าใครคนหนึ่งในกลุ่มจะยอมจากความสุขสบายที่นี่ไป
“หรือเจ้าคิดว่าเป็นซิมเวย์ล่ะ” คำถามประชดของโอมห์ทำให้เอียนห์ชะงักกึก
“ข้าไม่สนว่าซิมเวย์จะไปไหน แต่ข้าอยากรู้ว่าลิซ่ากับ ลันทาจะไปไหนกัน” เอียนห์ไม่คิดว่าสองสาวจะอยากจากที่นี่ไป เหตุผลเดียวของพวกหล่อนน่าจะมาจากเรื่องเกี่ยวกับผู้นำเลโอไนดัสกับผู้หญิงที่เข้ามาเกี่ยวพันกับเขา
“นางจะไปไหนก็ได้ที่พวกนางอยากไป แต่ข้าเดาว่านางน่าจะไปทางทิศตะวันตก ที่นั่นเป็นที่อยู่ของกลุ่มรักสงบของกลุ่มวูลฟ์ไวท์ วูลฟินเป็นผู้นำที่ดีและเข้มแข็งคนหนึ่ง”
โอมห์ชื่นชมผู้นำกลุ่มวูลฟ์ไวท์ของวูลฟินมานาน เขาเป็นชายหนุ่มที่มีรูปลักษณ์แปลกตาด้วยสีผมสีผิวขาวราวกับหิมะและมีใบหน้างดงามเหนือเทพบุตร ถ้าลิซ่ากับลันทาจะไปอยู่กับกลุ่มของผู้นำวูลฟินจริงก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
“จริงสิ...ระยะหลังมานี่ พวกนางไม่มีความสุขนัก แต่พวกนางก็น่าจะบอกกล่าวกับเราบ้างนะ”
“พวกนางคงไม่อยากฟังคำทัดทานให้การตัดสินใจต้องไขว้เขวกระมัง”
“อย่างไร นางก็ควรจะขออนุญาตผู้นำกลุ่มของเราเสียก่อน”
“นางจะทำเพื่ออะไร ถ้านางไม่อยากอยู่กับเขาแล้ว”
โอมห์อยู่กับเพื่อนในกลุ่มสิงหรามานาน เขารู้จักนิสัยใจคอของลิซ่าเป็นอย่างดี หล่อนเป็นหญิงสาวที่สงบเสงี่ยมและรักความสงบไม่เคยสู้รบตบมือกับซิมเวย์เพื่อแย่งชิงเลโอไนดัส หล่อนปล่อยให้เลโอไนดัสเป็นคนตัดสินใจเหมือนสมัยที่เลโอไนดัสพาลันทาเข้ามา แต่ลันทาเป็นหญิงสาวอ่อนวัยผู้อ่อนน้อมถ่อมตนจึงเป็นที่รักเอ็นดูของลิซ่า และอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
“อึม...นั่นสิ แต่ข้าก็ยังเป็นห่วงพวกนาง ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆเลยนะ” เอียนห์เป็นกังวล
“ข้าเชื่อว่าพวกนางจะเอาตัวรอดได้ ลิซ่าอยู่ในโลกอมตะมานานพอๆกับโลโอไนดัส นางอยู่ป่านี้มาพร้อมๆกับเขา คงรู้จักทิศทางเป็นอย่างดี ส่วนภัยจากกลุ่มอื่นก็ไม่น่ากลัวอะไร ลิซ่าเป็นที่รู้จักของผู้นำทุกกลุ่มในป่าโบราณแห่งนี้” โอมห์ผู้อยู่มานานกว่ากล่าวอย่างเชื่อมั่น
“พวกนางจะไปจากที่นี่จริงๆหรือ”
“ข้าคิดว่าอย่างนั้นแหละ”
“ข้าไม่อยากให้พวกนางไปเลย ลิซ่ากับลันทาเป็นคนใจดี พวกนางมีความเอื้อเฟื้อแก่เพื่อนทุกคน ลิซ่าเคยช่วยสอนมนตราให้ข้าหลายอย่าง ถ้าพวกนางจากไปจริงๆข้าคงคิดถึงพวกนาง”
คำรำพันของเอียนห์ถูกกลบหายไปกับเสียงร้องหวีดดังของเคธี่ที่ตามมาด้วยเสียงคำรามลั่นเหมือนถ้ำจะสั่นสะเทือนของเลโอไนดัส ซึ่งสองชายหนุ่มไม่ต้องใช้จินตนาการใดต่อภาพ ที่พวกเขารับรู้อยู่เป็นประจำ การเสพสุขของเหล่าชีวิตอมตะสามารถทำได้หลากหลายจินตนาการที่คู่เสพสมปรารถนา กระทำร่วมกัน
เสียงร้องของสัตว์จากร่างแปลงแข่งกันดังครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหนุ่มสาวครวญครางแสดงอาการร้อนรักอย่างเร้าใจ สองหนุ่มมองหน้ายิ้มให้กัน แล้วต่างก็แยกย้ายไปสู่คูหาของตน เพราะต่างรู้ดีว่าที่แห่งนั้นจะช่วยปิดกั้นเสียงแสดงความสุขสมของคู่หนุ่มสาวนี้ได้อย่างดี
