บท
ตั้งค่า

บทที่ 2-3 (ลิขิตฟ้ามายารัก)

บทที่ 2 ลิขิตฟ้ามายารัก

“ข้าไม่คิดว่าพายุหิมะจะมาเร็วอย่างนี้ ทุกทีจะตกโปรยปรายบางๆอยู่หลายวัน วันนี้ดูเหมือนลมจะพัดรุนแรงพาหิมะมาตกมากขึ้น ขืนไปต่อเราจะอาจเจอปัญหาข้างหน้าได้ ต้องหาที่หลบพักกันก่อน”

กระแสจิตร่างแปลงของลิซ่าที่วิ่งนำหน้าบอกแก่ร่างแปลงของลันทาผู้ติดตามมา ทั้งสองต้องเร่งฝีเท้าแข่งกับเวลา โดยเบื้องหน้าเป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อน ภูเขาบางลูกจะมีโพรงหรือถ้ำให้พอหลบหิมะได้

“นั่นสิ ดูเหมือนพายุหิมะจะมาเร็วกว่าทุกปี เจ้าพอจะ รู้จักที่ทางที่พอหลบพักตรงไหนบ้างล่ะ” ผู้วิ่งตามมาตอบกลับอย่างร้อนใจ เพราะลมพัดแรงจนร่างแปลงของทั้งสองแทบจะ ทรงตัวไม่ได้

“เจ้าตามข้ามาเร็วเข้า ถัดจากทิวเขาลูกนี้มีถ้ำร้างอยู่แห่งหนึ่ง น่าจะพอหลบรอให้พายุหิมะพัดผ่านไปก่อนได้”

กระแสจิตจากร่างแปลงของลิซ่าบอกแก่ผู้ติดตาม แล้ววิ่งนำออกไป หล่อนรู้จักป่าโบราณแถบนี้แทบทุกพื้นที่ เส้นทางที่จะผ่านไปยังป่าโบราณแถบตะวันตก เป็นทิวเขาสูงหลายลูกสลับซับซ้อนมากมาย ภูเขาบางลูกมีถ้ำมีซอกหลืบลึกกว้างให้หลบภัยได้มากมาย ในภูเขาบางลูกก็มีถ้ำสวยงาม บางถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่เป็นหินปูนจับตัวแข็ง บางแห่งเป็นผลึกน้ำแข็ง บางที่ก็มีหินอัญมณีหลากสีสันสวยงาม แต่ทางข้างหน้ามีถ้ำหิน ควอซสีขาวใสดุจน้ำค้างที่เรียกว่า...ถ้ำแก้วเจียระไน...ซ่อนอยู่ในภูเขาสูงลูกหนึ่งที่เลโอไนดัสกับนางเคยมาพบเจอ

บริเวณปากถ้ำยามช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิจะมีเถาวัลย์ย้อยลงมาเป็นสายถักทอเหมือนร่างแหแน่นหนาบดบังกลุ่มแท่งหินควอซสูงๆต่ำๆหน้าทางเข้าถ้ำเสมือนม่านพรางตาเอาไว้ โดยตอนนี้เถาวัลย์ที่ระโยงระย้าถูกละอองหิมะเกาะเป็นสายม่าน สีขาวกลมกลืนกับบริเวณพื้นที่โดยรอบภูเขาสูงที่มีหิมะของ ต้นฤดูหนาวปกคลุม

แต่อะไรก็ไม่น่าอัศจรรย์เท่าสิ่งที่เห็นภายในถ้ำแห่งนี้ ถัดจากช่องแคบทางเดินด้านหน้า ลึกเข้าไปจะเป็นเสมือนห้องโถงกว้างใหญ่ รายรอบห้องโถงจะมีคูหาซับซ้อนอยู่ด้านใน บนพื้นถ้ำเมื่อเหยียบย้ำจะรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มจากความชื้นจับอยู่ตามเนื้อหินธรรมชาติ และบนเพดานก็มีหินงอกหินย้อยรูปแบบแตกต่างขาวใสดุจน้ำค้าง บางแท่งสวยวิจิตรราวกับฝีมือเทพเจ้าจากสรวงสวรรค์บรรจงสร้าง แต่ความจริงก็เป็นเพียงสิ่งที่ธรรมชาติตกแต่งเจียระไนให้ออกมางดงามอย่างน่าประทับใจ

“เอ๊ะ เจ้าได้ยินเสียงอะไรไหม เหมือนจะมีคนอยู่ข้างในนะ” ลันทาส่งกระแสจิตถามขณะแทรกกายผ่านม่านหิมะตามเพื่อนสาวเข้ามาถึงด้านในปากทางของถ้ำ

“ใช่...เสียงเหมือน เอ้อ พวกเขากำลังเสพสุขกัน” ลิซ่าส่งกระแสจิตตอบ พลางพยักหน้าให้ผู้อยู่ข้างหลังตามเข้ามา

สองร่างแปลงค่อยเร้นกายเข้าไปใกล้เสียงแสดงอารมณ์สุขสมของคู่สมสู่ เมื่อพ้นแท่งหินกลุ่มใหญ่ที่เป็นเสมือนกำแพงกำบังทางเข้าปากถ้ำกับห้องโถงข้างใน ทั้งสองจึงเห็นร่างแปลงสองร่างกำลังระเริงสุขส่งเสียงร้องครางครวญแสดงความรื่นรมย์จากรสพิศวาสที่ปรนเปรอให้กันไม่หยุดปาก

“เจ้าคิดว่าพวกเขาเป็นใคร ร่างแปลงหนึ่งดูคุ้นตาข้าอยู่นะ” กระแสจิตของลันทาสั่นพร่ากับภาพคู่พิสวาสที่เห็นตรงหน้า

ลิซ่าไม่ทันได้ตอบคำถามของลันทา สองร่างแปลงได้แปรเปลี่ยนเป็นรูปกายหนุ่มสาว ภาพระเริงรักของผู้กำลังมัวเมาอยู่ในกามรสของทั้งสองทำให้ลิซ่ากับลันทาต้องเบือนหน้าหนีด้วยความอับอาย

“โอ...ข้าไม่อยากเชื่อเลย ซิมเวย์กับแบรี่ผู้นำกลุ่มหมีดำ เขาสองคนทำแบบนี้ได้อย่างไร”

กระแสจิตของนางสั่นพร่าไม่แพ้เพื่อนรุ่นน้อง ภาพชายหนุ่มผิวสีคล้ำอย่างชาติพันธุ์อินเดียแดงร่างกำยำกำลังเสพสุข กับหญิงสาวร่างขาวอวบสะคราญ พากันส่งเสียงร้องเกือบจะโหยหวนจากความซาบซ่านต่อรสพิศวาสที่ต่างฝ่ายต่างปรนเปรอเสมือนกำลังจะขาดใจ เสียงแสดงถึงอาการกระสันสวาทของพวกเขาทั้งสองดังกลบทุกสรรพเสียงภายในถ้ำแห่งนั้น

“ตายจริง...ข้าก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน” ลันทายกมือทาบ อกที่ใจเต้นแรงระทึก

“นางช่างร้ายกาจนัก” ลิซ่าพึมพำ หดหู่ใจต่อสิ่งที่ได้มาพบเห็น ถ้าเลโอไดนัสรู้ความจริงว่าหญิงสาวที่เขาหลงใหลได้ปลื้มนักหนามาเล่นชู้กับแบรี่ผู้นำกลุ่มหมีดำที่เป็นพันธมิตรเสมือนเพื่อนคนหนึ่งจะโกรธมากขนาดไหน

“ทำไมหน้าเจ้าถึงดูเศร้านัก” ลันทาถาม สงสัยว่าทำไม ลิซ่าไม่ดีใจที่จะได้เล่นงานซิมเวย์เรื่องคบชู้กับเพื่อนของเลโอไนดัส

“ข้าสงสารเลโอฯ เขาพอใจในตัวนางมาก แต่นางกลับทรยศเขา”

“ก็ดีไม่ใช่หรือ เราจะได้เอาเรื่องของนางไปบอกแก่เขา เลโอไดนัสจะได้ตาสว่างเสียที”

“ข้าไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องพวกเขา เราต้องรีบออกไปจากที่นี่เร็วที่สุด ถ้าพวกเขารู้ว่าถูกพบเห็นอาจจะเป็นอันตรายต่อเรา” ลิซ่าเดินนำออกมาหน้าถ้ำ

“แต่ข้างนอกนั่น พายุหิมะยังแรงอยู่นะ ข้าว่าเราอยู่อีกสักพักน่าจะดีกว่า” ลันทาเห็นละอองหิมะทึบหนาแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้าก็ไม่อยากออกไป

“เราอยู่นานนักไม่ได้ พวกเขาอาจได้กลิ่นแปลกปลอมจากเรา”

“เจ้าลืมแล้วหรือว่าเราร่ายมนตราปิดกั้นกลิ่นไว้ได้ แต่ คงไม่จำเป็นเท่าไร เพราะกลิ่นราคะของพวกเขารุนแรงอบอวล จนกลบกลิ่นของเราหมดแล้ว”

“แต่เราจะประมาทไม่ได้นะ ลันทา ผู้นำกลุ่มหมีดำมีสัมผัสอันว่องไวอยู่เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นเราควรแปลงร่างให้กลมกลืนกับหินงอกกลุ่มนี้จะดีกว่า”

“แต่เลโอไนดัสเคยเตือนเราว่าในยามแดดร้อนจัดหรือเวลาเที่ยงวันกับในสภาพอากาศเย็นจัดหมอกแปลงร่างของพวกเราอาจมีอันตรายได้นะ”

“ใช่ แต่เลโอฯเพียงเตือนไม่ให้พวกเราประมาทเท่านั้นละ มนุษย์กึ่งภูตพรายอย่างเรามีพลังความร้อนในตัวอยู่แล้ว ยามแปลงร่างสายหมอกจะมีพลังความร้อนที่อบอุ่นพอสมควร ยกเว้นในวันเดือนดับหรือวันเดือนเต็มดวงกับวันจันทรคราสเท่านั้นละที่จะทำให้หมอกแปลงร่างของพวกเราจับตัวแข็งเป็นหินได้ แต่แสงจันทราวันจันทร์เต็มดวงก็สามารถช่วยให้เราคืนร่างได้เช่นกัน”

“เจ้าแน่ใจนะว่าหมอกแปลงร่างของเราจะไม่แข็งเป็นหินในวันนี้” ลันทาลังเล

“แน่ใจสิ” ลันทารับรองเสียงหนักแน่น

สองร่างแปลงร่ายมนตราเปลี่ยนตัวเองเป็นรูปหินตั้งอยู่หลังหินงอกย้อยตัวจริง หากเสียงแห่งความรื่นรมย์จากการเสพสมของคู่พิศวาสยังดังมากระทบโสตประสาทไม่ขาดสาย แม้จะนึกละอายกับสิ่งที่รับรู้อยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ แต่ไม่สามารถกระทำสิ่งใดได้นอกจากรอให้พายุหิมะข้างนอกถ้ำสร่างซาลงก่อน

“ฉันไม่คิดว่าซิมเวย์จะร่านร้อนได้ขนาดนี้ ผู้หญิงแพศยานางนั้นกำลังทรยศต่อผู้นำของเรานะ เจ้าไม่คิดจะทำอะไรบ้างหรือลิซ่า” ลันทาอดรนทนไม่ได้กับพฤติการณ์ของหญิงสาวผู้ที่หล่อนกับลิซ่ายกตำแหน่งคู่ครองของผู้นำให้

“ไม่ละ ข้ากำลังจะไปจากที่นี่อยู่แล้ว”

“เจ้าจะปล่อยนางไว้อย่างนี้หรือ”

“นางทะนงตัวว่ามีสิ่งที่บุรุษทุกคนต้องการ แต่นางกลับใช้พร่ำเพรื่อ สักวันเถอะ สิ่งที่นางทำจะกลับมาทำลายตัวนางเอง” ลิซ่านึกสังเวชใจ

“ใช่ เลโอฯไม่ใช่คนโง่ ไม่นานเขาต้องจับได้ว่าซิมเวย์ไม่ซื่อสัตย์ ข้าอยากเห็นนางตอนนั้นนัก” ลันทาอยากอยู่รอสมน้ำหน้าซิมเวย์ยิ่งนัก

“เจ้าจะอยู่ก็ได้นะ ถ้าเลโอไนดัสจับได้ว่านางเป็นชู้กับ แบรี่ เขาอาจจะกลับมาหาเจ้าก็ได้ แต่สำหรับบข้า ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไป ข้าก็ต้องไป” คำพูดของลิซ่าไม่ทันได้จบประโยคดี เสียงร้องคำรามของผู้นำกลุ่มหมีดำกับซิมเวย์ก็แผดลั่นประสาน กันขึ้นอีก

“ดูเถอะ พวกเขายังสนุกกันไม่เลิกอีก” ลันทาว่าอย่างหงุดหงิด

“ปล่อยพวกเขาเถอะ” ลิซ่าว่าอย่างปลงตก

“นางก็ทำให้เลโอฯร้องครวญครางดังได้อย่างนี้แหละ” ลันทานึกริษยา

“นั่นสิ แต่นางไม่ควรมาเล่นชู้กับเพื่อนของเลโอไนดัส แบรี่ก็เหมือนกัน เลโอฯดีกับเขาเสมอมา เขาไม่น่าทำแบบนี้เลย”

“ใช่ พวกเขาไม่ควรทรยศต่อเลโอไดนัส ซิมเวย์ได้รับยกย่องให้เป็นคู่ครองของเขา นางน่าจะซื่อสัตย์กับเขาเหมือนพวกเรา เจ้าจะไม่บอกเลโอไดนัสจริงๆหรือ”

“เลโอไนดัสไม่ใช่คนโง่ เขาจะรู้ในไม่ช้า”

“จริงสิ กี่ครั้งแล้วนะ ที่พวกเขาทำหยามเกียรติผู้นำกลุ่มสิงหราของเรา”

“คงไม่ใช่ครั้งแรกเป็นแน่ ดูสิ พวกเขาปรับเปลี่ยนร่าง เสพสมอย่างรู้ทางรู้ใจเหมือนคุ้นเคยกันมานาน น่าสงสารเลโอไนดัส เขาไม่ควรจะถูกเพื่อนกับคู่รักทรยศอย่างนี้”

“นั่นสิ เจ้าน้อยใจเขาใช่ไหมลิซ่า เจ้าถึงไม่ยอมบอกเขา และยังจะไปจากเขาอีก”

“ข้ายอมรับนะลันทา ว่าข้าน้อยใจเขา เขาไม่ได้ปฏิบัติกับเราเหมือนเก่า ตั้งแต่เขามีซิมเวย์ก็ไม่เหลียวแลเราเลย สมัยที่เจ้ามาเป็นคู่ของเขา เขายังไม่เคยละเลยข้า เราทั้งสามอยู่ร่วมกันมาอย่างมีความสุข แต่เมื่อเขาได้ซิมเวย์มาเจ้าก็เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร เราแทบไม่ได้พูดกับเขาเลยด้วยซ้ำ”

“ซิมเวย์เป็นหญิงเจ้ามารยา นางคอยกันไม่ให้เลโอไนดัสได้เข้าใกล้เราสองคน ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจนัก เราอยู่ห่างๆนางก็ดีเหมือนกัน เราออกไปกันเถอะ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”

“ข้าก็เหมือนกัน พายุเริ่มซาบ้างแล้วละ เรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ ข้าก็ไม่อยากอยู่ได้ยินได้ฟังพวกเขาเหมือนกัน” ลิซ่าบอกอย่างนึกรังเกียจ

สองสาวเปลี่ยนร่างเป็นร่างแปลงสุนัขป่าเร้นกายออกมาสู่นอกถ้ำ แล้วมุ่งหน้าตรงไปทางทิศตะวันตกอันเป็นจุดหมายที่ ทั้งสองต้องการ โชคดีที่พายุหิมะลดกำลังแรงลงเรื่อยๆ ไม่นานก็เหลือเพียงละอองหิมะโปรยปรายบางๆ พวกนางจึงสามารถเดินทางต่อไป

บทที่ 3 ลิขิตฟ้ามายารัก

ภายในถ้ำพำนักกลุ่มสิงหรา เลโอไนดัสผู้นำกลุ่มรูปงามลงมาจากห้องคูหาชั้นบนสุดของที่พักอาศัย อันเป็นห้องพำนักส่วนตัวของหัวหน้ากลุ่มที่ไม่มีใครได้รับอนุญาตขึ้นไป แม้แต่สามหญิงสาวคู่ครองของเขาก็ไม่มีใครสามารถขึ้นได้หาก เลโอไนดัสไม่อนุญาตหรือพาขึ้นไปด้วยตัวเอง เขาแวะที่ห้องคูหาของซิมเวย์และแปลกใจที่นางไม่อยู่ เขาเลยไปดูที่ห้องลิซ่ากับลันทาก็ไม่เห็นพวกนางเช่นกัน สรุปว่าคู่ครองสามสาวของเขาไม่อยู่ในคูหาทั้งที่ช่วงเวลานี้พวกหล่อนควรจะพักผ่อนอยู่ภายในถ้ำอาศัย

“พวกเจ้าเห็นซิมเวย์บ้างไหม”

เลโอไนดัสถามเพื่อนร่วมกลุ่มคู่หนึ่งที่เพิ่งออกมาจากห้องคูหาของพวกเขา พวกเขาก้มศีรษะเป็นการแสดงความเคารพ ต่อผู้นำและพึมพำตอบว่าพวกเขายังไม่เห็นใครเหมือนกัน เลโอไนดัสจึงเดินผ่านกลุ่มนั้นไปพลางนึกแปลกใจว่าช่วงเวลากลางวันเป็นเวลาพักผ่อนของเหล่าชีวิตอมตะ ไม่เคยมีผู้ใดหรือ คู่ใดออกไปจากที่พำนัก แต่เขาสังเกตเห็นว่าช่วงระยะหลังมีสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับซิมเวย์ที่นางมักจะไม่อยู่ในถ้ำคูหาเวลากลางวันหลายครั้ง เขาเดินออกมาสู่ห้องโถงกว้างทางหน้าถ้ำอันเป็นที่ชุมนุมหรือที่รวมตัวของเพื่อนพ้อง หากไม่อยู่ในคูหาพวกเขา ก็มักจะรวมกลุ่มกันอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะเวลาที่อากาศมัวซัวมืดครึ้มจากหิมะตกอย่างวันนี้

“พวกเจ้าเห็นซิมเวย์บ้างไหม” เขาเดินเข้ามานั่งข้างลูกน้องคนสนิทและกวาดตามองทุกคนในกลุ่มที่หยุดการพูดคุยสนทนาหันมามองเป็นจุดเดียว

“ข้าไม่เห็นนาง/ข้าก็ไม่เห็นนางเหมือนกัน”

เอียนห์ห์กับโอมห์ตอบขึ้นเมื่อไม่มีใครในกลุ่มกล้าเอื้อนเอ่ยคำที่อาจจะทำให้ผู้นำกลุ่มของตนต้องเสียอารมณ์ แม้บางคนอาจจะรู้เห็นการออกจากถ้ำคูหาเวลากลางวันของซิมเวย์อยู่บ้าง แต่พวกเขาก็เลือกที่จะไม่พูดให้ผู้นำของตัวเองโกรธ

“นางออกจากห้องพักอาศัยยามกลางวันหลายครั้งแล้ว พวกเจ้ารู้บ้างไหมว่านางไปไหน”

“ข้าเห็นบ้างว่าบางวันนางออกไป อยากรู้เหมือนกันว่านางไปไหน” โอมห์เองก็กำลังสงสัยอยู่ แต่ไม่กล้าพูดหรือถาม ผู้เป็นหัวหน้า

“หรือนางจะไปเดินเล่น” เอียนห์แกล้งพูดเป็นเรื่องตลก

“พายุหิมะพัดแรงขนาดนี้ ใครจะมีแก่ใจไปเดินเล่น” เลโอไนดัสบอกเสียงหงุดหงิด

“ใช่ บรรยากาศไม่ได้น่ารื่นรมย์เอาเสียเลย” โอมห์สัมผัสได้ถึงความรุนแรงของพายุหิมะภายนอกถ้ำ สภาวะอย่างนี้ หากไม่มีความจำเป็นพวกเขาจะไม่ยอมออกไปเป็นแน่

“ลิซ่ากับลันทาก็ไม่อยู่เหมือนกัน ท่านไม่รู้หรือเลโอไนดัสว่าพวกนางไปไหน”

เสียงของเคธี่ที่ดังมาก่อนที่ทุกคนจะเห็นตัวนางเรียกความสนใจจากทุกคน พวกเขามองร่างอวบอัดแทบจะเปลือยเปล่าของเคธี่เดินนวยนาดตรงเข้ามายืนมองสบตาเลโอไนดัส ด้วยแววตาท้าทายเสมือนจะรู้อะไรกับการหายตัวไปของหญิงสาวทั้งสาม

“ข้าก็ไม่รู้ ดูเหมือนพวกนางจะไม่สนใจอันตรายข้างนอกเลยนะ แม้จะใช้มนตราหายตัวได้ หากสายหมอกแห่งมนตราของพวกเจ้าต้องแสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันอันร้อนแรงพวกเจ้าก็อาจเจ็บตัวได้ และในความหนาวเย็นท่ามกลางพายุหิมะก็เช่นกัน ความเย็นจัดของอากาศอาจเป็นอันตรายกับพวกเจ้าได้ เห็นทีข้าต้องออกกฎจริงๆจังๆบ้างแล้วละ”

เลโอไนดัสนึกเป็นห่วงความปลอดภัยของสามสาวเพราะช่วงเวลากลางวันกับสภาพอากาศอย่างนี้ทุกคนควรอยู่ในคูหา แต่พวกนางก็มีประสบการณ์มากพอจะรู้ว่าการใช้ร่างแปลงเดินทางจะปลอดภัยกว่า และเขาสงสัยนักว่าพวกนางออกไปทำอะไรท่ามกลางพายุหิมะอย่างนี้

“หรือเราจะไปตามพวกนาง”

“จะให้เราออกไปตามพวกนางไหม”

โอมห์กับเอียนห์ผู้เป็นเสมือนผู้รักษาความสงบเรียบร้อยภายในกลุ่มรับอาสาขึ้นเกือบจะพร้อมกัน ทั้งสองนึกเป็นห่วงเพื่อนร่วมกลุ่ม

“ไม่ต้อง ตอนนี้พายุยังพัดแรงอยู่ หิมะตกหนาจนมองแทบไม่เห็นอย่างนี้ พวกเจ้าจะตามหาพวกนางเจอได้อย่างไร”

เลโอไนดัสยกมือห้ามสองเพื่อนผู้ภักดี กระแสจิตที่เขาส่งออกไปถึงพวกนางทำให้รู้ว่าไม่มีอันตรายเกิดแก่คนทั้งสาม แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกจากอารมณ์พิศวาสเร่าร้อนของ ซิมเวย์ จึงสงสัยว่านางกำลังทำอะไรอยู่

“ลิซ่ากับลันทามีประสบการณ์กับฤดูกาลในป่าโบราณ มานานนับร้อยปี พวกนางคงจะรู้ว่าควรทำอย่างไร ส่วนซิมเวย์ถึงนางจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แต่ก็ฉลาดอยู่พอตัว นางคงจะเอาตัวรอดได้จากสภาพอากาศแบบนี้” โอมห์กล่าวต่อ

“ใช่ เลโอฯ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงพวกนางหรอก มาพักผ่อนกับข้าเถอะ หิมะคงจะตกไปจนถึงค่ำหรืออาจจะถึงวันรุ่งเลยก็ได้ มาเถอะ ข้ารู้ว่าท่านต้องการอะไร”

เคธี่ตรงเข้ากอดสะเอวเลโอไนดัสรั้งร่างสูงใหญ่ของเขาพาเดินเข้าสู่คูหาของตนโดยไม่สนใจกับสายตาหลายคู่ที่มองมาอย่างตำหนิในพฤติกรรมของนาง

...นักฉวยโอกาส...เป็นฉายาที่นางถูกตั้งให้จากเหล่าเพื่อนหญิงชายในกลุ่ม เนื่องด้วยเหล่าชีวิตอมตะหนุ่มสาวรู้ดีว่า เคธี่ปรารถนาตำแหน่งคู่ครองอีกคนหนึ่งของเลโอไนดัสมานาน

กาลก่อนหน้าที่ซิมเวย์จะเข้ามาอยู่ร่วมกลุ่ม ผู้นำกลุ่มสิงหราไม่เคยมีทีท่ารังเกียจในตัวเคธี่ แต่ก็มิได้ยกย่องให้หล่อนเป็นคู่ครอง เมื่อซิมเวย์เข้ามาโอกาสของเคธี่ก็ยิ่งน้อยลง แต่เคธี่ก็มักจะหาจังหวะเสนอตัวเข้าหาเลโอไนดัสอยู่เสมอ จึงสร้างความไม่พอใจแก่ซิมเวย์เป็นอย่างมาก พวกนางมักจะทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้งจนเลโอไนดัสต้องยื่นคำขาดว่าจะไล่พวกนางออกจากกลุ่ม นับจากวันนั้นซิมเวย์ก็มักจะหลบหน้าหายไปในช่วงเวลาที่เลโอไนดัสปลีกตัวขึ้นไปพักในห้องคูหาส่วนตัวชั้นบน และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel