บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 อย่ารักเขาอีกเลย 2

ฟางหลินขึ้นจากถังแช่ตัว ประพรหมน้ำมันหอมเพื่อไม่ให้ผิวแห้งแตกจากอากาศที่ยังหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิ จัดแจงใส่เสื้อผ้าโดยมีหลิวอิงคอยช่วย ยามเมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ฟางหลินก็นั่งลงหน้ากระจกทองเหลืองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองก่อนจะแต่งหน้าทำผม

“หลิวอิง!”

“เจ้าคะ เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ” สาวใช้ตกใจกับเสียงเรียกที่ดังลั่นของเจ้านายไม่น้อย

“ชุดนี้มัน...”

“เผยผิวดีใช่ไหมเจ้าคะ งามเสียจน...”

“ทำไมตั้งแต่คอลงไปมันกว้างขนาดนี้ล่ะ” ฟางหลินไม่มั่นใจกับชุดที่กำลังใส่อยู่นี้เลย แล้วแบบนี้ค่านิมยมการแต่งกายมิดชิดไม่เปิดเผยผิวที่บ้านเราชอบเอาไปตัดสินคนอื่นนั่นล่ะ ก็แปลง่าย ๆ ว่ามันไม่ได้มีค่านิยมแบบนั้นในทุกยุคทุกสมัย ทุกสังคมอย่างนั้นสินะ ดังนั้นนางคงไม่สามารถตัดสินว่ามันงามหรือไม่งาม เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมได้เพียงเพราะนางโตมาในค่านิยมที่แตกต่างจากที่นี่ แต่ก็ขอยอมรับว่านางไม่คุ้นชินแม้แต่นิดเดียว

“โป๊ตรงไหนเจ้าคะคุณหนู แต่ไหนแต่ไรท่านก็ชอบชุดนี้ที่สุด”

“ห๊ะ ข้าเนี่ยนะ” ฟางหลินไม่เข้าค่อยอยากเชื่อคำพูดของสาวใช้นัก

“คุณหนูใส่ชุดนี้ที่ไรก็เป็นที่จับตามองตลอดนี่เจ้าคะ”

“มันน่าเกลียดไปหรือเปล่า”

“ตรงไหนกันเจ้าคะที่น่าเกลียด หญิงสาวบางคนเคยแต่งเหมือนคุณหนูแต่ก็ไม่สวยเท่า”

“อย่างนั้นท่านแม่เห็นจะไม่ว่าเอาหรือ” นางยังลังเลไม่มั่นใจเอาเสียเลย

“จะว่าได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ ฮูหยินท่านเป็นคนตัดเย็บให้เองกับมือ”

“คือ...สรุปว่าข้าควรจะใส่ชุดนี้ไปเดินเที่ยวเทศกาลหยวนเซียว”

“เจ้าค่ะ มาเจ้าค่ะ ข้าทำผมให้” หลิวอิงจับช่อผมสางเบาๆ ก่อนจะเริ่มจดจ่ออยู่กับการจัดทรงให้เจ้านายอย่างตั้งใจ

ฟางหลินมองตัวเองในกระจกทองเหลือง แล้วจึงก้มลงเนินอกของตัวเองที่โผล่พ้นขอบเกาะอกมานิดหน่อยอย่างปลงไม่ตก

ชุดธรรมดาก็ว่าคอกว้างมากแล้วนะ แต่ไหงชุดที่นางใส่อยู่นี่มันถึงได้ให้ความรู้สึกว่ามากเกินไปอย่างไรก็ไม่รู้ ฟางหลินส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะทำใจยอมรับว่านี่คือเรื่องปกติที่นางควรจะทำความเข้าใจให้ได้เดี๋ยวนั้น

“หลิวอิงทำผมเหมือนวันที่ข้าทำให้เจ้าดูก็พอ งานกลางคืนคนคงเยอะ ถ้าหนักมากๆข้าคงเดินได้แป๊บเดียว” ฟางหลินหาเหตุผลมารองรับความต้องการของตัวเองเพื่อให้สาวใช้คล้อยตาม

“เจ้าค่ะ แต่อย่างไรก็ต้องแต่งหน้านะเจ้าคะ” หลิวอิงยอมผ่อนปรนให้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่อง

“แต่งหน้าก็แต่งแบบที่เราตกลงกันวันก่อน ไม่เอาอย่างวันที่พาข้าไปตลาดแล้วนะ”

“วันนั้นคุณหนูก็ลบสีชาดออกจนหมด...”

“ข้าเข้าใจว่าข้าแต่งหน้าน้อยเกินไป ก็เอาอย่างที่ตกลงกันวันก่อนนั่นแหละ”

“แต่อย่างไรก็ควรจะวาดดอกไม้ลงกลางหน้าผากด้วยนะเจ้าคะ”

“เอาไว้คราวหน้าเถอะนะหลิวอิง คืนนี้ข้าขอเท่านี้ก่อน” ฟางหลินใช้สารพัดลูกไม้ทั้งทำเสียงออดอ้อน ทั้งทำตาปริบ ๆ ให้สาวใช้เห็นใจหลิวอิงปัดแก้มอย่างเบามือที่สุด พยายามนึกถึงตัวอย่างที่เจ้านายทำให้ดูและตัวนางเองยอมรับได้ นางส่งกระดาษทาบปากให้ฟางหลินงับไว้สองสามหน กระทั่งขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างที่คนดูแลพอใจ ฟางหลินกลับมาครั้งนี้ใจดีขึ้น น่ารักขึ้นกว่าแต่ก่อน กระทั่งนางรู้สึกเหมือนได้ทั้งเจ้านายและน้องสาวคนเล็กให้ได้ดูแล นางไม่เคยเห็นคุณหนูสูงศักดิ์ที่ไหนยอมอ่อนข้อให้สาวใช้ต่ำต้อยเช่นตนสักครั้ง ฟางหลินที่เคยยึดติดแต่เพียงความต้องการของตนกลับกลายเป็นคนที่ถอยให้สาวใช้หนึ่งก้าวเสมอ ช่างน่าประทับใจ

“เท่านี้พอไหมเจ้าคะ”

“พอก็ได้... หลิวอิง แต่ข้าว่าชุดนี้มัน..”

“ข้าจะไม่ยอมให้คุณหนูโดนใครดูแคลนเด็ดขาด เพียงเท่านี้ก็น้อยหน้าคนอื่นมากแล้วนะเจ้าคะ คุณหนูต้องคำนึงถึงหน้าตาของนายท่านและฮูหยินให้มาก ๆ นะเจ้าคะ”

“เอาท่านพ่อท่านแม่มาขู่ข้าอีกแล้วนะ” ฟางหลินบ่นอุบ ก่อนจะลุกขึ้นหมุนตัวไปรอบๆ

“อีกไม่กี่เค่อก็คงจะได้ไปแล้วล่ะเจ้าค่ะ”

“แล้วเจ้าไม่ไปแต่งตัวเหรอ” ฟางหลินถามสาวใช้

“ข้าเพียงแค่ไปติดตาม..”

“ทำไมล่ะ ไปแต่งตัวสิ ก็ไหนว่ามีหนุ่ม ๆ สาว ๆ มานัดเจอกันอะไรทำนองนั้นไง”

“ข้าแค่ไปติดตามคุณหนูเท่านั้น ไม่ได้จะไปเที่ยวเล่น..”

“เฮ้อ...ปีหน้าเจ้าจะยอมเสียภาษีเพิ่มเหรอ เจ้าไปแต่งตัวให้สวย ๆ เถอะน่า”

“แต่ว่า”

ยังไม่ทันที่จะท้วง คุณหนูจอมดื้อก็ชี้นิ้วคาดโทษสาวใช้ล่วงหน้าเสียก่อนแล้ว หลิวอิงจึงรีบไปแต่งตัวอย่างรีบร้อน พอกลับมายังหอนอนของเจ้านายก็เห็นรอยยิ้มของนางปรากฏอยู่

“สวยเหมือนกันนะเนี่ยหลิวอิง”

“คุณหนูล่ะก็ ชมข้าเกินไปแล้ว” เจ้านายยิ้มเป็นเชิงรู้ทัน

“แล้วนี่ใกล้จะได้ไปกันหรือยัง”

“คุณชายให้มาบอกว่า...”

“ไปได้แล้วใช่ไหม ไปเร็วหลิวอิง” ฟางหลินเปิดประตูหอนอน แล้วเดินออกไปหาสาวใช้ที่เดินมาแจ้งข่าวอย่างนึกสนุก

“แล้วเจ้าไม่ไปด้วยกันเหรอ” นางเอ่ยถามสาวใช้อีกคนที่ตัวสั่นเป็นลูกนกอย่างนึกเอ็นดู

“ม..ไม่เจ้าค่ะ ..ข้ายังมี..ง..งานต้องทำ”

“อย่างนั้นก็ขอบใจที่มาตามนะ” ฟางหลินเอ่ยขอบใจ ก่อนจะยื่นขนมเปี๊ยะที่แอบถือออกมาให้ชิ้นหนึ่ง

“ขอบ..พระ..พระคุณเจ้าค่ะคุณหนู”

“เลิกกลัวได้แล้ว กลับไปทำงานเถอะ” ฟางหลินกล่าวแก่สาวใช้ตัวน้อย ก่อนจะเดินผ่านไปอย่างตื่นเต้น

ต้าเจิงพาฟางหลินมาเดินงานเทศกาลหยวนเซียวที่ประดับประดาไปด้วยโคมไฟและพลุสีสันต่าง ๆ บนท้องฟ้า สวยกว่าที่นางคิดเอาไว้เสียอีก มีคนออกมาร้องรำทำเพลง จุดพลุไฟ จุดประทัดกันเต็มไปหมด ถ้านางหลุดเข้าไปสมัยราชวงศ์ชิงคงต้องมีเชิดสิงโต แล้วก็คงรื่นเริงยิ่งใหญ่กว่านี้ยิ่งขึ้นไปอีก ไม่เสียแรงที่ได้มาเห็นเป็นบุญตา ถ้ามีกล้องถ่ายรูป นางคงถ่ายจนเมมโมรี่การ์ดเต็มความจุภายในคืนเดียวแน่ ๆ

ฟางหลินเดินชมร้านค้าที่คึกคักไปด้วยผู้คนอย่างตื่นตาตื่นใจ กระทั่งสังเกตเห็นความผิดปรกติของผู้คนรอบกาย พี่ใหญ่ของนางดูร้อนรนกระสับกระส่ายจนนางสังเกตได้ ดูท่าพี่ชายของนางจะนัดสาวที่ไหนไว้เป็นแน่

"พี่ใหญ่ นัดสาวงามที่ไหนไว้อย่างนั้นหรือ" ฟางหลินมองอย่างเจ้าเล่ห์

"ป..เปล่าเสียหน่อย" ต้าเจิงปฏิเสธ หากแต่สีหน้ากลับบ่งบอกตรงกันข้าม

"ท่านไปเที่ยวกับนางเถอะ ข้าอยู่กับหลิวอิงได้ สบายมาก! อ้อ แถมยังมี...เอ่อ เจ้าชื่อถิงเฟิงใช่ไหม ข้ายังมีทั้งถิงเฟิงแล้วก็หลิวอิง ยังไงซะ ก็จำทางกลับจวนกันได้อยู่แล้ว"

"เจ้าแน่ใจนะ" ต้าเจิงเริ่มคล้อยตาม

"นั่นอย่างไรเล่า มีนัดกับสาวงามที่ไหนจริง ๆ ด้วย ท่านต้องพามาให้ข้ารู้จักว่าที่พี่สะใภ้ด้วยแล้วกันนะพี่ใหญ่"

"ฮะฮะ ข้าเสียรู้เจ้าเสียแล้ว อย่างนั้นพี่ไปก่อน อีกสองชั่วยามเจอกันที่จวน แต่ถ้าเจ้าจะกลับก่อน ก็บอกท่านแม่ว่าข้ามาส่งหน้าจวนแล้วออกไปต่อ" ต้าเจิงหลุดขำ น้องสาวคนนี้ใครเลยจะตามเล่ห์เหลี่ยมนางทันกัน

"สี่ชั่วโมงเลยเหรอ แต่ก็ได้แหละ" ฟางหลินตกลง ทำท่าจะเดินไปอีกทาง

"ชั่วโมง...คืออะไร" หากแต่พี่ชายของนางกลับรั้งนางไว้

"คราวหลังข้าจะอธิบาย ท่านรีบไปได้แล้วเดี๋ยวว่าที่พี่สะใภ้ข้าไม่อยู่รอนะ" ต้าเจิงนึกภาพตาม ก่อนจะตัดใจไม่สงสัยในคำพูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์ของน้องสาว แล้วเดินหายไปในฝูงชน ฟางหลินถึงกับถอนหายใจออกมา

"เฮ้อ ที่นี้ก็เหลือแค่เราสามคนแล้วเนอะหลิวอิง ถิงเฟิง" นางพูดกับคนติดตามทั้งสองที่บัดนี้ก็ดูไม่ต่างกับพี่ชายของนางเท่าไหร่

"เจ้าคะ คุณหนู" พักหนึ่งสาวใช้ถึงได้รู้สึกตัว เห็นหน้าบึ้งตึงของผู้เป็นนายก็เกิดหน้าเสียขึ้นมาทั้งคู่

"พวกเจ้าก็ไม่ต่างไปจากท่านพี่อย่างนั้นสินะ" นางบ่นกับตัวเอง

"เจ้าคะคุณหนู คุณหนูอยากไปทางไหนก่อนดีเจ้าคะ" หลิวอิงพยายามชวนฟางหลินให้ไปสนใจเรื่องอื่นแทน กลัวว่าผู้เป็นนายจะล่วงรู้ความลับของตัวเอง

“ไปทางไหนดีขอรับ”

"พวกเจ้ามีโลกของกันและกันถึงเพียงนี้จนพลอยไม่ได้ยินคำพูของข้า เป็นเช่นนี้แล้วใยยังจะชวนข้าไปเป็นก้างขวางคออีก "

"ข้าขอโทษเจ้าค่ะคุณหนู ข้าเพียงแต่" หลิวอิงพยายามอธิบาย

"เทศกาลอย่างนี้ไม่ใช่จะมีบ่อยๆ เจ้าสองคนไปเดินเที่ยวกันเถอะข้าจะเดินคนเดียว"

"โถ่ คุณหนู" หลิวอิงทำท่าทางรู้สึกผิด

"ไปสิ ข้าอนุญาตแล้ว" ฟางหลินติดจะงอนหน่อย ๆ ด้วยซ้ำ อะไรกัน นึกว่าจะได้เดินเที่ยวสนุกๆ ดันต้องมากร่อยเพราะไม่มีคนรักให้เดินด้วยกันอย่างคนรอบตัว

"แล้วข้าจะรีบกลับนะเจ้าคะ คุณหนู"

"อื้ม พวกเจ้าไปได้แล้ว" ฟางหลินเอ่ยปากไล่ ก่อนจะเดินไปร้านถุงเครื่องหอมและร้านซาลาเปา ยืนมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะเดินไปตามทางที่คนน้อยลงเนื่องจากนางเริ่มเมาฝูงคนเสียแล้ว นางแวะดูแผงโคมสีแดงส้มที่แขวนเป็นแพอย่างชอบใจ กระทั่งมีชายรูปงามพุ่งเข้ามาทักนางเสียสนิทสนม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel