บท
ตั้งค่า

บทที่ 11 อย่ารักเขาอีกเลย 3

"ฟางหลิน..." เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อของนาง

"...เจ้าคะ" เจ้าของชื่อจึงหันหลังไปมองตามปฏิกิริยาพื้นฐาน

"ฟางหลินจริง ๆ ด้วย ข..ข้าได้ยินว่าเจ้าฟื้นจากความตายกลับมา" ชายหนุ่มรูปงามกล่าวกับนางด้วยแววตาเป็นประกาย

"เรารู้จักกันหรือเจ้าคะ" ฟางหลินขมวดคิ้ว สงสัยในตัวของคนแปลกหน้าคนนี้

"เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ" ฟางหลินสำรวจเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ มองปราดเดียวก็ดูอออกว่าเป็นคนมีฐานะ

"... เรียนตามตรง ข้าความจำเสื่อม จำใครต่อใครไม่ได้เลยเจ้าค่ะ" ฟางหลินตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม หากแต่แววตาส่อถึงความไม่ไว้ใจ

"ข้าเองอย่างไรเล่า จินอ๋อง...หลี่อี้ของเจ้าอย่างไรเล่า พอจำข้าได้หรือไม่" จินอ๋องเหรอ ...องค์ชายสิบห้า ว่าแล้วเชียว พัดที่เขาถือก็เป็นของล้ำค่า ไม่เสียดายที่เคยดูซีรี่ย์จีนมาเยอะนะเนี่ย

"ฟางหลินถวายพระพรจินอ๋องเพคะ" ฟางหลินย่อตัวลงทำความเคารพ

"ไม่ต้องมากพิธี เวลาเราเจอกันเป็นการส่วนตัว ข้าไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ เรามีแค่ความจริงใจต่อกัน" แล้วจริงใจยังไงถึงทำให้ฟางหลินเจ็บช้ำจนตัดช่องน้อยไปอย่างนั้นกัน องค์ชายคนนี้ใจดำน่าดู คงไม่สำนึกผิดในสิ่งที่ทำเลยสิท่า

ข้าควรจะอยู่ให้ห่างเขาเอาไว้ ยิ่งหน้าตาหล่อๆยิ่งไม่น่าไว้ใจ

"ยามนี้หม่อมฉันได้รู้จักพระองค์แล้ว เพียงแต่คงอยู่คุยด้วยนานไม่ได้" ฟางหลินพยายามตัดบท ทำท่ารีบร้อนราวกับมีธุระ

"ทำไมล่ะ" องค์ชายสิบห้าผู้เป็นคนรักเก่าของฟางหลินเอ่ยท้วง นัยน์ตาส่อแววผิดหวัง หากแต่นางซึ่งเป็นคู่สนทนากลับไม่อยากสนใจ

"หม่อมฉันมีนัดแล้วเพคะ คงต้องขอตัวก่อนเพคะท่านอ๋อง"

"เดี๋ยวสิ" หลี่อี้รั้งฟางหลินเอาไว้ ด้วยการจับแขนของนาง และทุกการกระทำล่วงเกินนั้นก็ได้เข้าไปอยู่ในสายตาของชายอีกคนที่แอบเดินตามฟางหลินมาพอดี เขากัดฟันกรอด มือกำพัดแน่น พยายามอดกลั้นรอโอกาสเข้าไปขัดจังหวะ

"เพคะ" ฟางหลินไม่อยากก้าวร้าวใส่ จึงสงวนกริยาเอาไว้ อย่างไรซะเขาก็เป็นถึงองค์ชาย เป็นลูกชายฮ่องเต้เชียวนะ

"เจ้าไม่สนใจจะไปเที่ยวงานเทศกาลกับข้าในคืนนี้หรือ" จินอ๋องผู้นี้เอ่ยถาม แววตาแสดงออกถึงความรู้สึกอย่างเปิดเผย

"...หม่อมฉันมีนัดแล้วเพคะ คงต้องทูลลา" ฟางหลินพยายามตัดบทและขืนแขนออกจากการเกาะกุมของคนตรงหน้า นางไม่ขอปฏิเสธว่าเริ่มรำคาญตาองค์ชายนี่ขึ้นมาหน่อย ๆ แล้วสิ

"หรือเจ้ายังโกรธที่ข้าไม่รักษาสัญญาของเรา" เขาเปลี่ยนมาจับต้นแขนทั้งสองข้างของนางแทน ฟางหลินขมวดคิ้ว ความอดทนเริ่มลดต่ำลง

"...หม่อมฉันจำสัญญาอะไรนั่นไม่ได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องโกรธเคืองพระองค์อีก หากแต่นับจากนี้ ขอให้ทรงถือว่าเราไม่มีเรื่องบาดหมางใด ๆ ต่อกันอีกนะเพคะ" ฟางหลินเสนอทางออก พยายามกดเสียงและอารมณ์ให้อยู่ในร่องในรอย

"ดีเลย อย่างนั้นไปเดินเที่ยวกับข้าเถอะนะ" เขาปฏิบัติราวกับไม่ได้ยินประโยคปฏิเสธหัวชนฝาของฟางหลินเลยแม้แต่น้อย

"แล้วพระชายาของพระองค์ไม่เสด็จมาด้วยหรือเพคะ" นางเอ่ยถามด้วยความรำคาญใจ มีเมียแล้วก็มากับเมียตัวเองซี่ นางไม่อยากไปเป็นอนุใครหรอกนะ ต่อให้เขาจะเป็นองค์ชายก็เถอะ

"พระชายา ...ฟางหลิน ก็ไหนเจ้าว่า.." หลี่อี้เอ่ยถาม ก็นางเพิ่งกล่าวว่าไม่ได้โกรธเคืองอะไรเขาแล้วนี่ แล้วทำไมทำห่างเหินใส่เขาอย่างนั้น

"ถวายพระพรจินอ๋อง" หยางจื้อมายืนประกบข้างฟางหลินก่อนจะทำความเคารพอ๋องสิบห้าตามธรรมเนียม เขาจึงยอมปล่อยแขนเล็ก ๆ ของฟางหลินออก

"อ้อ...หยางจื้อ เจ้าก็มาเที่ยวงานหยวนเซียวด้วยเหรอเนี่ย" หลี่อี้เอ่ยถาม ด้วยน้ำเสียงที่ฟังอย่างไรก็ระคายหู

สงสัยตาสองคนนี้ไม่ถูกกันแน่ๆ

"ข้ามีนัดกับฟางหลิน รออยู่นานแล้วแต่ยังไม่เห็นนางสักที เลยต้องออกมาตามหา นึกไม่ถึงว่านางจะพูดคุยอยู่กับท่าน" หยางจื้อตอบหลี่อี้ พร้อม ๆ กับมองมาที่ฟางหลินด้วยสายตาที่ดุกว่าทุกที ฟางหลินมองหน้าเขาแล้วก็กลับคว่ำปากค้อนตาขวับ

"อ้อ นัดที่เจ้าร้อนรนจะลาจากข้าก็คือนัดของหยางจื้อนี่เอง" หลี้อี้เอ่ยอย่างเข้าใจ แววตาโกรธขึงค่อย ๆ จ้องมองไปที่ชายอีกคนที่ดูคล้ายจะเป็นหนามยอกชิ้นใหญ่ของเขา

"เพคะ แล้วหม่อมฉันก็สายมากแล้วด้วย" ฟางหลินออเออไปกับหยางจื้ออย่างไม่มีทางเลือก อย่างน้อยหยางจื้อคนนี้ก็ดูน่าไว้ใจกว่าจินอ๋องอะไรนี่อยู่นิดหน่อยละนะ

"อย่างนั้นข้าไม่รั้งไว้แล้ว เจ้าสองคนไปเที่ยวกันให้สนุกเถอะ" หลี่อี้กล่าวยิ้ม ๆ หากแต่สายตากลับดูไม่ยินดีนัก

"ข้าน้อยทูลลาพะยะค่ะ" หยางจื้อคาราวะลา ฟางหลินเองก็ย่อตัวทูลลาโดยไม่ปริปาก หยางจื้อได้ทีจึงคว้าแขนของฟางหลินให้เดินตามตนไปอย่างรีบร้อน ความโกรธครอบงำเขาจนแทบจะไม่ไว้หน้าอ๋องสิบห้าอยู่แล้ว

หลี่อี้ได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโกรธเคือง ฟางหลินรักเขาจะตาย รักมากจนถึงขนาดยอมตายที่ไม่ได้แต่งกับเขา เขาไม่เชื่อหรอกว่านางจะเปลี่ยนใจไปชอบคนเย็นชาอย่างนั้น เขาจำได้ดีว่าฟางหลินชอบอารมณ์ขันของเขาแค่ไหน แต่ไหนแต่ไรหมอนี่ไม่เคยอยู่ในสายตาของนางด้วยซ้ำ เดาว่านี่คงเป็นแผนการเอาคืนเขาของนางแน่ ๆ เขาคิดแล้วจึงหันหลังเดินกลับไปอีกทาง

หยางจื้อกึ่งดึงกึ่งลากให้ร่างเล็ก ๆ ของฟางหลินตามเขาไปตามทางต่าง ๆ ออกห่างจากทางเดินที่เต็มไปด้วยผู้คน เข้าสู่ถนนที่ผู้คนที่เดินสวนไปมาบางตาลงทีละน้อย เสียงดนตรีค่อย ๆ แผ่วลงไปทุกก้าวเดินของพวกเขา แสงไฟจากโคมแดงที่ห้อยตามทางค่อย ๆน้อยลง ฟางหลินไม่คุ้นทางจึงไม่นึกอยากจะเดินต่อ

"ปล่อยแขนข้าได้แล้วกระมังเจ้าคะ" ฟางหลินหยุดเดินตามแรงฉุดแขนของหยางจื้อเอาดื้อ ๆ เสียงตรงตรอกเล็ก ๆ ที่ไร้ผู้คน แสงไฟอันน้อยนิดทำให้นางเริ่มกลัว มืด ๆ อย่างนี้เดินต่อไปอาจจะเจอผีก็ได้นี่นา นางคิดได้อย่างนั้นแล้วจึงหยุดเดิน

"ทำไม ข้าจับแขนเจ้านิดหน่อยไม่ได้เลยหรือ ทีกับอ๋องสิบห้าเห็นปล่อยให้เขาจับอยู่นานสองนาน" หยางจื้อไม่มีท่าทีจะปล่อยแขนตามความต้องการของฟางหลิน หากแต่หันกลับมาส่งสายตาดุ ๆ ก่อนจะเอ่ยปากกระแนะกระแหนคนตัวเล็กที่ขมวดคิ้วจนยับยู่

"นั่นเพราะท่านทำให้ข้าเจ็บ แล้วทำไมข้าต้องเจอท่านทุกทีด้วย" ฟางหลินนึกอยากจะโทษว่าเมืองมันคงแคบ แต่ดูอย่างไรก็คงจะโทษไม่ได้ ฉางอันเองก็กว้างใหญ่ เหตุใดนางต้องมาเจอะเจอ ต้องมาคอยลับฝีปากกับตานี่ทุกที อยู่ในจวนก็ยังเห็นหมอนี่เข้านอกออกใน ออกมาก็ยังเจออีก สวรรค์กลั่นแกล้งนางเกินไปหรือเปล่า

"ข้าไม่ไป" เขาปฏิเสธเสียงหนักแน่น สีหน้าแสดงออกว่าโมโหจนฟางหลินไม่อยากจะเงยขึ้นมอง

"ท่านทำหน้าเหี้ยม ตาถลึงใส่ข้าอีกแล้วนะเจ้าคะ" ฟางหลินหันหลังเตรียมเดินหนี แต่หยางจื้อรั้งแขนของนางเอาไว้ เขากัดกรามแน่นจนฟางหลินสังเกตเห็นได้แม้จะแทบไม่มีแสงไฟสาดส่องเข้ามา

"เจ้าไม่รู้รึว่าชายผู้นั้นเป็นใคร" หยางจื้อเอ่ยถาม พลางดึงแขนของนางเข้าหาตัว บังคับให้นางต้องประจันหน้ากับตน

"ก็จินอ๋องอย่างไรเล่า" ฟางหลินตอบตามตรง

"แล้วไม่รู้รึว่าจินอ๋องผู้นี้เขาเป็น..." เขากล่าว

“คนรักเก่าของข้า...ข้าทราบเจ้าค่ะ หลิวอิงเล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว” นางตอบ อารมณ์เย็นลงเพราะเห็นว่าหยางจื้อดูเป็นกังวลแทนนางมากพอตัว

“เจ้ารู้! หากแต่ยังนิ่งนอนใจกล้าคุยกับคนอย่างนั้นอีกหรือ” เขาถามพลางออกแรงดึงให้นางเข้ามาใกล้ขึ้นอีก อยากฟังคำตอบของนางให้ชัดกว่าเดิม

“ข้ารู้ แล้วอย่างไรเจ้าคะ” ฟางหลินถามกลับ นางดูเหมือนชอบให้จินอ๋องคนนั้นเสวนาด้วยนักหรืออย่างไร

"เจ้าควรจะระวังตัวให้มากกว่านี้ ควรจะจำไว้ด้วยว่านั่นคือองค์ชายสิบห้า คนที่หลอกลวงเจ้า ปล่อยให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจจนต้องทิ้งร่างลงสระบัวนั่นไปอย่างนั้น" หยางจื้อจับต้นแขนของนางแน่นกว่าเก่า แววตาทอประกายจริงจังจนฟางหลินพูดไม่ออก ไม่รู้จะเถียงอะไรเพราะใจก็กลัวความดุของหยางจื้อในตอนนี้อยู่ไม่น้อย เมื่อฟางหลินไม่โต้ตอบ หยางจื้อจึงเริ่มพูดต่อ

"ทำไมถึงเงียบไปเล่า หรือว่าเจ้ายังรักอ๋องสิบห้านั่นอยู่ เจ้าควรจะฉลาดกว่านี้ ควรจะคิดถึงเรื่องไม่ดีที่เขาทำกับเจ้าเอาไว้เสียบ้าง ถึงเจ้าจะไม่มีหัวคิด ก็น่าจะคิดได้" เขาดุด่านางอีกหนด้วยโทสะ แต่พอเห็นปฏิกิริยาที่นิ่งงันของนางก็เกิดใจหาย ไม่ใช่ว่านางเจ็บช้ำจนเกิดจะคิดสั้นอีกล่ะ ฟางหลินกรอกตามองบนอย่างหน่ายๆ ตาลุงขี้บ่นคนนี้นี่นะ

"ไหนว่าความจำเสื่อมอย่างไรเล่า ทำไมยังรักอ๋องสิบห้าอยู่อีก ...เจ้าน่าจะคิดถึงตัวเองในวันที่เขาทิ้งเจ้าให้รอ แล้วก็ไปอภิเษกกับสตรีนางอื่น” หยางจื้อลดเสียงลง นัยน์ตามองคนตัวเล็กที่ไม่ยอมสบตากับเขามาครู่หนึ่งอย่างห่วงใย

"ท่านห้ามไม่ให้ข้ากลับไปรักไปชอบเขา แล้วจะให้ข้าไปชอบใครแทนดีเจ้าคะ ...หรือจะให้ข้าไปชอบท่านแทน" ฟางหลินแกล้งถามประชดประชันกลับไป

"ใช่!..." หยางจื้อตอบกลับโดยไม่ทันได้ไตร่ตรอง เขาชงักไปทันที อึ้งไปกับคำตอบของตัวเอง ส่วนหญิงสาวที่ถามเล่น ๆ ก็ตกใจไม่ต่างกัน ฟางหลินไปต่อไม่ถูก นางตัดสินใจจะเดินหนี หากแต่แขนที่ถูกจับไว้ก็ทำให้นางกระเด้งกลับมาจนแทบหงายหลัง

“ข้าเพิ่งพูดว่าใช่” หยางจื้อเอ่ยเพียงเท่านั้น มองซ้ายมองขวาไม่พบผู้คนอยู่ในระแวกนี้ จึงดันฟางหลินจนหลังชนกำแพงตรอก ตาสองคู่สบกันนิ่งงัน ก่อนที่หยางจื้อจะประกบจูบฟางหลินอย่างที่ใจต้องการ ฟางหลินตกใจทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติก็เมื่อตอนที่นางยกมือซ้ายขึ้นมาหวังจะทุบไหล่ของชายที่จูบนางโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยอย่างนี้ หากแต่หยางจื้อกลับคว้าขอมือที่เข้าทุบอกเขาของนางไว้ได้ทันท่วงที

ฟางหลินพยายามขัดขืน หากแต่ยิ่งดันเขาออกก็ยิ่งแนบชิดกว่าเดิม นางตัดสินใจกัดริมฝีปากของเขา หวังจะหยุดยั้งการกระทำล่วงเกินที่เขาทำกับนาง หยางจื้อถอนจุมพิตออกยกหลังมือปาดเลือดที่ไหลซิบก่อนจะประคองใบหน้าของนางเอาไว้แล้วจูบอีกหน คราวนี้ลึกซึ้งจนฟางหลินมึนหัว ห้วงความคิดขาวโพลนจนหมดหนทางขัดขืน เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง หยางจื้อจึงค่อย ๆ คลายจุมพิตของเขาออก ฟางหลินตัวสั่น กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั้งปาก ขาของนางสั่นไหวราวกับไม่มีแรง

" ท่าน... ท่านทำ..." ฟางหลิน พลางเอาแขนเสื้อบังริมฝีปากที่ชุ่มไปด้วยน้ำ

"ข้าขอโทษ" หยางจื้อเอ่ยขึ้น พลางเอามือดันกำแพงทั้งสองข้างกันไม่ให้ฟางหลินขยับหนี

"ท...ท่านทำบ้าอะไรของท่านเนี่ย" ฟางหลินเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก และยังคงยกแขนเสื้อปิดริมฝีปากของตัวเองไว้ดังเดิม

"ข้า..." หยางจื้อไม่ยอมเช็ดริมฝีปาก ฟางหลินที่เผลอเงยหน้ามองเห็นริมฝีปากที่ชุ่มชื้นนั้นเข้าก็นึกอายจนต้องหลบสายตา

หยุดนึกเรื่องบ้าๆเมื่อกี้เดี๋ยวนี้เลยนะ

"ท...ท่านไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"

ไอ้บ้าๆๆๆ!!! กล้าดียังไงมาขโมยจูบนาง

ฟางหลินผลักหยางจื้อออกแล้วเดินหนีไปด้วยความอับอาย ฝ่ายโจรขโมยจูบก็ตัดสินใจเดินตาม เขาตั้งใจจะล่วงเกินนาง ไม่ใช่เพราะอารมณ์ชั่ววูบใด ๆ หากแต่เป็นเสียงของหัวใจตัวเองที่สั่งให้เขาทำ นี่อาจจะดูเห็นแก่ตัวไปเสียหน่อย แต่เขาก็ปฏิเสธความต้องการนั้นของตัวเองไว้ไม่ได้

ฟางหลินก้าวขาฉับ ๆ เดินมาได้ครู่หนึ่งจึงหันกลับไปมอง ก่อนจะเห็นว่าหยางจื้อเดินตามนางมาอย่างไม่ลดละ นางก็ทำเป็นไม่สนใจ เดินหน้าต่อไปตามร้านรวงต่าง ๆ จนกระทั่งใจเย็นลง เริ่มสนใจนู่นนี่ข้างทางจนลืมเรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นไปหมดสิ้น กระทั่งสายตามองเห็นพุทราเชื่อมเสียบไม้ จึงเดินเข้าไปหวังจะซื้อมาถือกินเล่นเหมือนตอนที่ดูหนังพีเรียด นางกำลังจะจ่ายเงิน หากแต่หยางจื้อกับลักไก่จ่ายเงินแทนแล้วถือพุทราเสียบไม้สองอันด้วยใบหน้าที่นางดูว่ามันกวนประสาทเสียเหลือเกิน

ฟางหลินก้มหน้าหลบ ไม่อยากให้เขามองใบหน้าของตัวเอง ก่อนจะเดินหนีไปทำทีราวกับไม่สนใจหยางจื้อต่อไปอีก นางเดินผ่านร้านโคมไฟร้านหนึ่งตั้งท่าจะซื้อโคมไฟสักอันก็เป็นอันต้องล้มเลิกเพราะอ๋องหยางจื้อตัวดีก็เข้ามาขัดทุกที จนนางหมดสนุก แล้วตั้งท่าเดินกลับจวน โดยมีหยางจื้อหอบหิ้วโคมไฟกับพุทราเชื่อมเดินตามมา

นางทำท่าจะก้าวขึ้นไปเคาะประตูจวน แต่หยางจื้อกลับจับแขนของนางสองข้างให้หันกลับมาประจันหน้ากับเขา นางมองหน้าเขาได้ครู่เดียวก็ต้องหลบสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของเขาทันที หยางจื้อยกนิ้วโป้งขึ้นไล้ริมฝีปากที่บวมเจ่อของนางอย่างนึกเอ็นดู เขามองริมฝีปากสีชมพูสดที่แต้มสีกุหลาบก่อนจะมองจ้องไปที่ใบหน้าที่แดงก่ำของนาง ก่อนจะช้อนคางของฟางหลินให้เงยขึ้นสบตากับตัวเอง ฟางหลินพยายามกรอกตาไปมองด้านข้าง แต่ก็ยังไม่พ้นสายตาสื่อความรู้สึกของหยางจื้ออยู่ดี

"ข้าตั้งใจจูบเจ้า ไม่ใช่เพราะความเผลอไผลหรืออารมณ์ชั่ววูบ" ฟางหลินอึ้งไปนางทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะตัดสินใจผลักอกของหยางจื้อออกแล้วดันประตูเข้าไปในจวนด้วยตัวเอง มื้อไม้ของนางสั่นจนนางต้องจับมือของตัวเองไว้ หัวใจเต้นแรงจนได้ยินของตัวเองชัดเจน

ตั้งใจเหรอ ไอ้เจ้าคนบ้า! พูดบ้าอะไรออกมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel