บทที่ 6 ส่วนหนึ่งในชีวิต [NC21+]
สาวใช้สองคนช่วยเปลื้องชุดสีชมพูของเม่ยเหนียงนั่งในสระน้ำร้อนเป็นไอควันสีขาวคล้ายกลับหมอกสู้กับอากาศที่หนาเย็นจัดจนหิมะตกโปรยปราย สระน้ำของเรือนฮุ้ยเจินทำจากไม้ทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่สามารถลงไปได้ถึงสามหรือสี่คน ที่จริงแล้วจวนหลังนี้เป็นจวนใหม่ที่ต้าหวางพระราชทานให้จึงดูใหญ่โตเหมือนตำหนักหลังหนึ่งในพระราชวังหลวง ทำให้ที่นี่ดูใหญ่โตยิ่งนัก ต่างจากบ้านของเหล่าขุนนาง เพราะเหวินเจิ้นเป็นที่ไว้ใจของต้าหวาง และต้าหวางเองก็รักเหวินเจิ้นเหมือนกับหวางเย่คนอื่นๆ (หวางเยว่ แปลว่า องค์ชาย)
เม่ยเหนียงลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อรู้สึกได้ว่ามือหนากำลังนวดขมับทั้งสองข้างของนาง นางหันกลับมามองฟูจวินของนางที่เผยรอยยิ้มให้นาง อีกทั้งเขายังมีสายตาที่อ่อนโยนและสายตาที่ปรารถนาในตัวนางยิ่งนัก ทำให้นางรู้สึกเขินอายยิ่งนักที่เขาจ้องมองเช่นนี้ จึงหันหน้ากลับมาใช้มือเรียวปิดอกอวบอิ่มและกลีบร่องซึ่งไม่สามารถบดบังเรือนร่างของนางได้ ทั้งที่มีกลีบดอกกุหลาบแดงลอยอยู่ก็ตามที
“จะปิดบังไปทำไม ข้าเองก็เห็นเรือนร่างเจ้าหมดทุกส่วนแล้ว และข้าก็จดจำทุกซอกทุกมุมได้อย่างแม่นยำ” เหวินเจิ้นเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงขบขันที่นางใช้มือเรียวปิดที่ทรวงอกและกลีบร่อง เขารู้สึกว่านางกำลังกระตุ้นอารมณ์ของเขาได้ดียิ่งนัก ที่หญิงอื่นทำไม่ได้เช่นนาง
“ต้าซื่อหม่า ท่านออกไปก่อนเถิด ข้ายังอาบน้ำไม่เสร็จ” นางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขาอดไม่ได้ที่จะจูบพวงแก้มของนางที่แดงระเรื่อ ทำให้นางแข็งทื่อเป็นหิน เขาเผยรอยยิ้มออกมาทันที
“วันที่ข้าอยากน้ำกับฟูเหริน” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกระเส่าวาบหวาม เขาลุกขึ้นยืนก้าวลงมาในสระน้ำ นางเผลอหันไปมองเขาที่มีเรือนร่างเปลือยเปล่าเช่นเดียวกับนาง ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวกับดุ้นที่ใหญ่โตและยาวอย่างยิ่งจนน่าตกใจ ที่เข้ามาในกลีบร่องเมื่อคืนวาน
เขาเผยรอยยิ้มมองดวงตาของนางที่กลมโตเหมือนเด็กน้อยที่ตกใจในสิ่งของแปลกใหม่ เขาจึงก้าวเดินมาประชิดตัวนาง นางกระเถิบไปด้านข้าง เขาใช้กระบวยตักน้ำลาดลงบนตัวนาง
“กลัวข้าหรือ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เปล่าเจ้าค่ะ” นางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไม่กลัวทำไมถึงแข็งเป็นหินเช่นนี้ หรือว่าข้าทำอะไรผิดต่อเจ้า” เขาเอ่ยถามแผ่วเบา
“เปล่าเจ้าค่ะ”
“เมื่อเช้าที่ข้าดุเจ้า เพราะว่าข้าเป็นห่วงเจ้า กลัวว่าเจ้าจะมีอันตราย ที่ที่คือเมืองเสียงหู่ เมืองหลวงของแคว้นหยางเป่ยไม่ใช่เมืองเฟยลี่ที่เจ้าคุ้นเคย ตัวข้าก็สร้างศัตรูไว้มากมาย ไม่รู้ว่าเขาจะมุ่งมาทำร้ายเจ้าหรือไม่ จึงดุเจ้าไปเมื่อเช้า เจ้าอย่าถือสาข้าเลยนะ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใช้มือหนาลูบพวงแก้มของนางแผ่วเบา
“ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ” นางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่มองใบหน้าของเขา เขาใช้มือหนาช้อนใบหน้างดงามนางขึ้นมามองด้วยรอยยิ้ม
“ต่อไปนี้ข้าจะเรียกเจ้าเหนียงเหนียงดีหรือไม่” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มที่งดงาม นางได้ยินเขาจะเรียกนางว่าเหนียงเหนียง นางเองก็ไม่เคยได้ยินใครเรียกนางเช่นนี้มาก่อน ฟู่จวินและเหนียงชินของนาง ก็เรียกนางว่าเหนียงเอ๋อร์เท่านั้น
“เจ้าไม่ชอบที่ข้าเรียกเจ้าเช่นนี้หรือ” เขาเอ่ยถามนางอีกครั้ง เห็นว่านางเงียบไป
“ได้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ต่อไปนี้เจ้าก็เรียกข้าว่าอาเจิ้นดีหรือไม่” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ข้าไม่กล้า” นางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาด้วยความเขินอาย เขาใช้มือหนาลูบไล้ผมดำเงางามแผ่วเบาๆ ช้าๆ
“ไม่ต้องอายเจ้าเป็นฟูเหรินของข้า และเราก็ผ่านงานแต่งงานมาแล้วเช่นกัน เจ้าก็คือส่วนหนึ่งในชีวิตของข้า ต่อไปนี้ถ้าเจ้าอยากได้สิ่งใด ข้าจะพยายามนำมาให้เจ้า เจ้าเรียกข้าว่าอาเจิ้นสิ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน น้ำเสียงเช่นนี้เขาไม่เคยพูดกับหญิงคนใดมาก่อน เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเอ็นดูนางเช่นนี้ ทั้งที่ไม่เคยเอ็นดูผู้หญิงคนไหนมาก่อน
“อาเจิ้น” นางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาด้วยความเขินอาย เขาเผยรอยยิ้มกับน้ำเสียงเขินอายของนางจรดริมฝีปากหนาจูบริมฝีปากบางทันที เขาสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของนาง ครั้งนี้ต่างจากครั้งแรก ครั้งนี้นางปรับลมหายใจได้อย่างคงที่ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด มือเรียวทั้งสองข้างโอบกอดซอกคอของเขาไว้ทั้งสองข้าง เขาใช้มือลูบไล้แผ่นหลังอย่างอ่อนโยน จนกระทั่งนางถอนริมฝีปากออกก่อน เพราะเริ่มหายใจไม่ทัน
นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามานั่งบนขาแกร่งทั้งสองข้างเมื่อไหร่ แต่เขากลับเผยรอยยิ้มมองใบหน้านางที่ดูแตกตื่นปนตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขาจูบที่กกหูของนางทำให้นางรู้สึกเสียวกระสันจนลมหายใจติดขัด
เขาประคองเรียวขาขึ้นทั้งสองข้างลุกขึ้นยืน นางจำเป็นต้องใช้มือเรียวทั้งสองข้างโอบคอเขาไว้กลัวจะตกลงมา นางรู้ดีว่าเหวินเจิ้นมีรูปร่างสูงใหญ่และสง่างามจากผู้คนทั่วไป ไม่ใช่มีเพียงใบหน้างดงามเพียงอย่างเดียว แต่เขายังมีกล้ามเนื้อที่อยู่ช่วงบริเวณหน้าท้องที่แข็งเป็นไตอีกด้วย
เหวินเจิ้นวางนางลงบนนั่งเตียงทำให้นางรู้สึกหนาวเย็นที่เขาไม่ได้สวมกอด แต่ไม่นานนักเขานอนขนานบนตัวนางจูบริมฝีปากบางอีกครั้งอย่างดูดดื่ม มือหนาของเขาเลื่อนลงมาลูบไล้ส่วนโค้งส่วนเว้าบนเรือนร่างเปลือยเปล่าอย่างใจเย็น มันทำให้นางรู้สึกมวลในหน้าท้องแปลกพิกล
“อืม...”
เสียงกระเส่าดังในลำคอของนาง เขาจึงถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากบาง เลื่อนริมฝีปากมาจูบที่ติ่งหูงับเบาๆ และใช้ลิ้นโลมเลีย นางรู้สึกเสียวกระสันยิ่งนัก เรียวขาทั้งสองข้างเช่นเดียวกับมือเรียวจิกเกรงที่ผ้าปูตั่งเตียง เขาค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากลงมาที่ซอกคอระหงทั้งดูดทั้งงับในเพลาเดียวกัน เขาได้ยินเสียงลมหายใจนางที่กระเส่าออกมา
“อืม...อื้ม...อา...”
