2 ลันตา ผู้ไม่แคร์ใด ๆ 1
ดาวเพื่อนคู่หูกลายเป็นลูกคู่ยุให้ธยานีทำเรื่องไม่เข้าท่า ขณะที่กำลังสนทนาด้วยอารมณ์เดือดพล่านที่รุ่นน้องมองด้วยสายตาหยัน ๆ อยู่นั้นไม่รู้ว่ามีนภัสสรเด็กชั้น ม. 1 ได้ยินโดยบังเอิญ ยิ้มเยาะกลางใจเพราะหมั่นไส้ลันตาตั้งแต่ลงจากรถด้วยท่าทางเชิดจนน่าเกลียด
“คอยดูเถ้อะ นังลันตา แกคว่ำแน่ ทำตัวเวอร์ดีนัก เรานี่แหละจะโค่นแล้วเหยียบให้จมดิน เหมาะมากที่อยู่ห้องเดียวกัน”
สาวน้อยผู้มีความร้ายกาจอยู่ในสายเลือด เดินแกว่งกระเป๋าหนังราคาแพงเข้าไปในโรงเรียน สายตาวาววับจับตามองลันตาตลอดเวลา ใจเดือดพล่านที่เห็นเด็กนักเรียนผู้ชายมองด้วยความสนใจ บางคนชักชวนกันเดินไปส่งถึงหน้าห้องเรียน
“เราจะนั่งโต๊ะไหนดี มีแต่คนจองเต็มไปหมดเลย ในห้องนี้ไม่มีที่ว่างหรือไง”
“เธอก็เลือกเอาสิจ๊ะ ในเมื่อไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง พื้นก็ยังว่าง ข้าง ๆ ถังขยะหลังห้องนั่นไง”
นภัสสรนั่นเอง เริ่มต้นจิกทันที ตามด้วยเสียงหัวเราะชอบใจจากการประสานเสียงของเพื่อนในแก๊งที่มีอยู่ 7 คน
ลันตาหันขวับไปมองอย่างโกรธ ๆ จดจำทุกคนด้วยดวงตาวาววับ ขึ้นบัญชีบันทึกเอาไว้ว่านี่คือศัตรูที่จะต้องจัดการให้ราบ
“เธอนั่งก่อนสิ”
“ไม่ด้ายยยหรอกนะ บังเอิญฉันมีโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ส่วนเธอนั่งเขียนกับพื้นก็แล้วกัน ดันมาสายเองนี่ หุ หุ หุ”
“พูดอย่างนี้หาเรื่องกันใช่ไหม ได้ เดี๋ยวจัดไปเอาให้หนัก ๆ เลย”
ใครก็ตามที่บังอาจตั้งตัวเป็นศัตรู คนอย่างลันตาไม่ยั่นอยู่แล้ว พร้อมที่จะเล่นงานในทันที เด็กทั้งในห้องและนอกห้องต่างพากันมองเป็นตาเดียวกัน ใจเต้นแรง เมื่อรู้ว่าจะมีมวยหญิงเกิดขึ้นในตอนเช้าของการเข้ามาเรียนในวันแรก
เด็กผู้ชายที่เดินตามมาส่งลันตา เกาะกลุ่มกันอยู่ด้านนอก พากันยกนิ้วโป้งให้
“สวย เผ็ด ดุ อย่างนี้จอร์ชชอบ”
“เจ๋งว่ะ วันแรกก็พ่นพิษซะแระ ตบเล้ยยย”
“แต่เราไม่ชอบผู้หญิงก้าวร้าว นิสัยเสีย บอกครูฝ่ายปกครองมาจัดการดีกว่า”
ภูริชนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผ่านมารู้เป็นเหตุการณ์พอดี ไม่เห็นด้วยที่เด็กสาวทั้งสองเตรียมฉะกัน เขาทำท่าจะไปตามอาจารย์ฝ่ายปกครองมากำราบ แต่เพื่อนดึงมือเอาไว้ ถลึงตาเป็นเชิงห้าม ภูริชมองไปที่เด็กหญิงทั้งสองที่ยังจ้องตากันเขม็ง เตรียมพร้อมที่จะลุยเต็มที่
“แน่นักหรือไงยะ นังงูพิษ”
“ใครกันงูพิษ ฉันชื่อลันตา จำเอาไว้”
“ฉันไม่สนหรอกว่าชื่ออะไร ถ้ามาทำซ่าด้วยก็จะต้องเจอดี”
“เอ่อ ลันตาจ๊ะ ข้าง ๆ เราก็มีที่นั่ง มาเถอะจ้ะ”
เสียงหวานกล่าวอย่างรน ๆ ดังขึ้น ลันตาและนภัสสรหันไปมองเด็กหญิงหน้าตาสวย ผิวสีน้ำผึ้ง ดวงตากลมโตส่งยิ้มให้ เข้ามาดึงมือลันตาแล้วจูงไปนั่งคู่กันที่โต๊ะด้านหน้าติดกับหน้าต่าง ทุกคนเห็นว่าเรื่องจบลงด้วยดี โดยไม่มีการใช้กำลัง
ต่างพากันถอนใจเฮือกด้วยความเสียดาย ต่างจากภูริชมองสาวน้อยผิวคล้ำอย่างชื่นชมที่ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดให้ผ่านไปด้วยดี
“เราชื่อแพรพิไล เรียกสั้น ๆ ว่าแพรก็ได้ค่ะ”
“เราชื่อลันตา ขอบใจนะที่ให้เรานั่งด้วย ไม่เหมือนคนในห้องนี้ แล้งน้ำใจ เห็นแก่ตัว”
“อ้าว พ่นพิษอีกแล้วเหรอ”
เด็กหญิงคนเดิมเกร่เข้ามาทันที ยืนค้ำศีรษะท่าทางเอาเรื่องเต็มที่ ลันตาไหวไหล่ มองอย่างจิก ๆ นภัสสรร้อนวาบไปทั้งตัว อารมณ์เดือดเสียจนปรอทแทบแตก
“จริงป่ะล่ะ โดยเฉพาะแก คิดได้ไงให้ฉันนั่งที่พื้นข้างขยะ จิตใจชั่วช้าต่ำทราม”
“เอ๊า ไม่จบ เดี๋ยวโดนชุดใหญ่”
“เข้ามา ๆ คนอย่างลันตากลัวที่ไหนล่ะ”
“ไม่เอาน่าลันตา นั่งลงเถอะ นภัสสร เราขอล่ะ ยังไงก็เรียนห้องเดียวกัน อย่ามีเรื่องเลยนะ รักกันไว้”
แพรพิไลหันไปขอร้องนภัสสรที่ฮึ่ม ๆ จะเข้ามาเล่นงานลันตาทุกเวลา แต่เหมือนราดน้ำมันลงไปบนกองไฟ เด็กหญิงอารมณ์ร้อนไม่ยอมท่าเดียว เตรียมจะกระโจนใส่ทุกวินาที ภูริชเห็นดังนั้นก้าวเท้าล้ำเข้ามาในห้อง หากว่ามีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นจะเข้าไปแยกทันที
“เราไม่รักมันหรอก แหวะ”
“แพร ดูนะ เราหยุดแล้ว แต่นังนี่มันยังข้องอยู่ ฉันว่าแกควรเก็บปากเอาไว้กินข้าวดีกว่า”
“อ้าว นังนี่ กล้านะยะ ออกมาเลย แพร ถอยเราจะสั่งสอนนังเริดคนนี้ให้มันหมอบกับพื้น”
“ทำอะไรกันน่ะ หยุด ๆ เดี๋ยวนี้นะ”
ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้ ภูริชกระโจนเข้ามาพรวดเดียวมายืนกั้นกลางระหว่างลันตากับนภัสสร ด้วยรูปร่างสูงใหญ่จากการเป็นนักบาสเก็ตบอลของโรงเรียนและใบหน้าหล่อคม ทำให้สาวน้อยทั้งสองเกิดอาการใจละลายทันที
