ตอนที่ 9
“ไหนมาดูแผลหน่อยซิ”
ไกรสูรย์ทำราวกับไม่สนใจคำพูดนั้น เขาขยับเข้าไปใกล้คัทลียาแล้วดึงข้อเท้าของเธอมาดูรอยฟกช้ำ
“ดีเท่าไหร่แล้วที่หัวไม่แตก...อืม...น่าจะแค่ช้ำ...กระดูกคงไม่แตก”
“อุ๊ย!” หญิงสาวร้องออกมาแล้วเผลอกอดแขนเขาไว้แน่น ในวินาทีนั้นเองที่คุณอาหนุ่มเหมือนเกิดอาการกระตุกขึ้นมาเช่นกัน เขาเอียงหน้าไปเพียงนิดจมูกโด่งก็ชนกับจมูกเล็กรั้นของคัทลียา เธอตกใจและประหม่าแต่กลับสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของไกรสูรย์ที่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
“คุณอาไกรสูรย์คะ...” คัทลียาเอียงหน้าเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มอยู่ห่างจากปากหยักหนาของชายหนุ่มแค่คืบก่อนจะเผยอออกและกระซิบ
“หนูนิดเจ็บค่ะ...คุณอา”
ราวกับมีประกายไฟร้อนแรงแล่นเข้าจับขั้วหัวใจของหนุ่มวัยสามสิบแปด คัทลียาเหมือนดอกไม้บานสะพรั่ง รัศมีความงามของเธอเปล่งประกายอยู่ใกล้ชิดเขามากเกินไปแล้ว
“คุณอาไกรสูรย์คงโกรธหนูนิดใช่ไหมคะ...หนูนิดไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้จริง ๆ นะคะ
“หนูนิด...เอ้อ...”
ปากอิ่มสีระเรื่อของคัทลียาอยู่ใกล้มาก เนื้อตัวของเธอก็กำลังเสียดสีอยู่กับแขนของเขา แววตาคู่สวยไม่ได้แค่ฉายประกายของความสำนึกผิดแต่ยังมีอะไรบางอย่างระยิบระยับอยู่ภายในนั้น
“พักผ่อนสักนิด อย่าเคลื่อนไหวมากเดี๋ยวก็จะดีขึ้น”
ไกรสูรย์รีบตัดบทและเลื่อนมือออกจากข้อเท้าของหญิงสาว ร่างสูงลุกขึ้นยืนแม้รู้สึกเสียดายและยังได้กลิ่นหอมอวลไอของเนื้อสาว เขาเดินออกไปยืนหน้ากระท่อมกับความรู้สึกรุ่มร้อนที่เริ่มปะทุขึ้นในใจ
คัทลียามองตามคุณอาหนุ่มของเธอด้วยแววตาเป็นประกาย เมื่อครู่เธอรู้สึกว่าไกรสูรย์ตัวสั่นเล็กน้อย ซึ่งไม่ต่างจากเธอ มีบางอย่างคุกรุ่นอยู่ภายในใจของเด็กสาววัยย่างสิบเก้า บางอย่างที่กำลังเรียกร้องโหยหา
เธอนั่งอยู่บนผืนผ้าใบที่ไกรสูรย์ปูรองบนพื้นไว้ให้เป็นเวลานานนับชั่วโมงโดยไม่ยอมล้มตัวลงนอนทั้งที่ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้า แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมากกว่าก่อนมาถึงกระท่อมนี่
คัทลียาชะเง้อมองไปนอกประตูที่ทำไว้อย่างหยาบ ๆ ซึ่งเปิดอ้าอยู่ก่อนตัดสินในที่สุดเดินกะเผลกออกไปก็พบว่าไกรสูรย์ยืนกอดอกพิงฝาใกล้กับแคร่ไม้อยู่ที่ข้างนอกนั่น
“คุณอาไกรสูรย์ไม่ง่วงหรือคะ?”
หญิงสาวถามขึ้น เสียงของเธอทำให้ชายหนุ่มหันกลับมามองด้วยแววตาบอกความประหลาดใจเช่นกัน
“ทำไมเธอยังไม่นอนอีกล่ะ หนูนิด...แล้วนั่นหายเจ็บเท้าแล้วหรือถึงเดินออกมาข้างนอกได้”
คัทลียายิ้มให้เขาแล้วเดินเข้าไปหยุดอยู่ใกล้ ๆ ใกล้มากจนอาหนุ่มของเธอรู้สึกรุ่มร้อนขึ้นมาทั้งที่อากาศหนาว
“หนูนิดเป็นห่วงคุณอาไกรสูรย์นี่คะ หนูนิดอยากขอโทษคุณอาค่ะที่ทำให้ต้องวุ่นวายแบบนี้”
เด็กสาววางฝ่ามืออุ่นลงบนแขนของเขา เหมือนมีอะไรบางอย่างแล่นวาบเข้าจับความรู้สึกที่แอบซ่อนในส่วนลึก ไกรสูรย์แทบไม่อยากหันไปสบนัยน์ตาหวานคู่นั้นแม้แต่น้อย เพราะมันจะทำให้เสียสมาธิ แต่แล้วเขาก็ต้องเสียความตั้งใจเมื่อเด็กในปกครองขยับมายืนตรงหน้าและยื่นดวงหน้าหวานเข้าไปใกล้เขา
“คุณอา...ยังโกรธหนูนิดอยู่หรือเปล่าคะ?”
