กินข้าวยังจ๊ะ กินไก่ย่างมั้ยเอ่ย
'ไงพี่ เข้าร่างผมได้ไม่ทันไรก็หาเรื่องเจ็บตัวซะแล้ว'
"เรื่องของกูไอเด็กผี ร่างนี้มึงยกให้กูแล้ว"
'โหพี่ ดูพูดเข้า ผมน้อยใจนะเนี่ย ผีอุตส่าห์เป็นห่วง'
"พูดมากนะเนี่ยมึงอ่ะ แล้วหายหัวไปไหนมา กลับมาอีกทีนี่แกร่งกล้าขึ้นเยอะเลยนะ มาเป็นตัวเป็นตนเชียว ไม่มาในรูปแบบเงาเหมือนครั้งแรกที่เจอกันแล้ว"
'คนเราก็ต้องมีพัฒนาป่ะว่ะพี่ อุตส่าห์ได้เป็นผีทั้งทีก็ขอเที่ยวเล่นไปในที่แปลกๆหน่อย ไม่ต้องห่วงหรอก ผมก็อยู่ใกล้ๆพี่เนี่ยแหละ'
"มึงเคยซีเรียสอะไรมั้งไอเด็กผี ตั้งแต่โง่ฆ่าตัวตายเรื่องผู้ชายแล้วนะมึงอ่ะ"
'โห แทงใจดำว่ะ พูดงี้ระวังตัวเองเจอบ้างนะ'
"กูจะเจออะไรเหอะ นิยายเรื่องนี้กูอ่านสิบรอบแล้วมั้ง รู้หลบรู้หลีกได้แน่นอน"
'ผมว่าพี่ไม่น่ารอดหรอก เส้นเรื่องนิยายมันเปลี่ยนไปแล้ว'
"เปลี่ยน? เปลี่ยนได้ยังไง ใครเป็นคนเปลี่ยน แล้วมึงมั่นใจได้ยังไง"
'โห มั่นใจตั้งแต่พี่สอดตีนไปเตะคอคุณพระเอกของเรื่องแล้วค้าบ วุ้! ไม่คุยกับพี่แล้ว ไปเที่ยวดีกว่า'
"เดี๋ยวดิ! มีเรื่องสงสัยจะถาม"
'อะไรอีกอ่ะ!"
"มึงรู้ตัวเองได้ไงว่าเป็นตัวประกอบในนิยายปวิณอิงดาว มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่ใช่คนที่นี่ แล้วตัวละครตัวอื่นรู้ตัวเองแบบมึงหรือเปล่า แล้วเรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นไงต่อว่ะ"
'ถามซะยาวเชียว ตอนผมตายแล้ววิญญาณหลุดออกจากร่างอ่ะ อยู่ๆจิตมันก็สื่อรู้เองอ่ะพี่ ว่าผมเป็นแค่ตัวล่ะครในนิยายเรื่องหนึ่ง แต่ตอนมีชีวิตอยู่ผมไม่รู้เรื่องเลยนะ เพราะฉะนั้นคนอื่นก็คงไม่รู้มั้ง คงต้องตายแบบผมก่อนเปล่าถึงจะรู้ตัว ส่วนเรื่องราวต่อไปนี้จะเป็นไงต่อผมไม่รู้หรอก ก็ตัวประกอบอย่างพี่ดันเล่นเกินบทไปเตะก้านคอพระเอกสะแล้วอ่ะ'
"หรือกูควรตายอีกรอบดีว่ะ บางทีร่างจริงกูอาจจะนอนหลับฝันดีเฉยๆก็ได้"
'ฝันดีกับผีหน่ะสิพี่ เละเป็นโจ๊กขนาดนั้น อยู่ร่างนี้แหละดีแล้ว ผมเชื่อว่ามันต้องมีเหตุผลให้พี่มาอยู่ในร่างนี้แน่นอน มีชีวิตอยู่กับปัจจุบันให้มีความสุขเถอะ ฝากกอดพ่อแม่ผมไว้เยอะๆ ผมดื้อกับเขามาตลอดเลย ฝากเป็นเด็กดีให้ท่านแทนผมด้วย อ่อ! อย่าลืมแก้แค้นไอแฟนเก่าเฮ็งซวยนั่นให้ผมด้วยล่ะ ไปล่ะ!'
"เห้ย! ไอเด็กผี เดี๋ยวดิ อย่าพึ่งไป ไอเด็กเหี้..."
.
.
.
เฮือก! ฝันเหรอ
"เสือลูก ยัยแมวน้อยของแม่"
"แม่..."
เจ้าเสือสะดุ้งตื่นเฮือก ดวงตากลมกวาดมองไปรอบๆก่อนจะพบว่าตัวเองได้มาอยู่โรงพยาบาล แขนซ้ายที่รู้สึกเจ็บจากการโดนยิงเป็นเรื่องยืนยันว่าเมื่อคืนเขาได้เล่นเกินบทตัวประกอบอย่างที่ไอเด็กผีมันว่าไว้จริงๆ
"น้ำมั้ยลูก ดื่มน้ำก่อนมั้ย"
"คะ..ครับ เอาครับ" คุณหญิงวดีประคองร่างลูกชายลุกขึ้นนั่งเพื่อให้ดื่มน้ำได้สะดวก
มือบางรับแก้วน้ำมาก่อนจะค่อยๆจับหลอดขึ้นดื่ม น้ำเย็นๆไหลผ่านคอที่แห้งผากลงไปทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
"ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ" เมื่อดื่มน้ำเสร็จก็ส่งแก้วน้ำคืนให้ผู้เป็นแม่ พลันถามทันทีว่าเขามาอยู่โรงพยาบาลได้ยังไง เพราะล่าสุดที่จำได้เขาสลบไปในห้องรับรองที่มีไอสามตัวนั่นอยู่
คุณหญิงมีท่าทีที่ไม่อยากตอบลูกชายนัก แต่ก็ทนต่อสายตากดดันของลูกชายไม่ไหวจึงต้องยอมตอบออกไป
"คุณยักษ์กับคุณมังกรเป็นคนเอาลูกมาส่งโรงพยาบาล แล้วก็โทรมาบอกพ่อเราหน่ะลูก"
ร่างบางที่ได้ยินชื่อของสองคนนั้นก็ได้แต่นิ่งอึ้งไป เขาไม่รู้จะพูดหรือคิดอะไรดี
ภาวนาให้มันจบแค่ที่พวกนั้นเอาเขามาส่งโรงพยาบาลแล้วไม่พบเจอกันอีกเลยดีกว่า เพราะเขาไม่อยากเข้าไปพัวพันกับพวกตัวเอกตัวร้ายในเรื่องด้วย อยากใช้ชีวิตสงบสุขกับครอบครัวใหม่ที่อบอุ่นกับไอเด็กผีที่น่ารักแค่นั้นดีกว่า
แต่เดี๋ยวนะ... เหมือนเขาลืมคิดถึงอะไรบ้างอย่างไป
บอกชื่อตัวเอง บอกชื่อพ่อชื่อแม่ไปให้ไอปวิณมันรู้แล้วนี่หว่า แถมเตะก้านคอมันไปแล้วด้วย ไอพระเอกมันจะตามมาหักคอกูคืนป่าวว่ะเนี่ย ไอเหี้ยเอ้ยยยยย
"เสือลูก ทำไมเงียบไปเลย" คุณหญิงวดีที่เห็นลูกเหม่อลอยก็รู้สึกไม่ดี มืออันเหี่ยวย่นยกขึ้นลูบไล้ที่แก้มแดงนั้น เธอรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยที่ยัยแมวน้อยไปพัวพันกับสองพี่น้องมาเฟียนั่น หากความสัมพันธ์ของครอบครัวเธอกับสองพี่น้องมาเฟียไม่เป็นแบบเจ้าหนี้กับลูกหนี้ การที่ลูกชายเขาจะได้รู้จักมักจี่กับคนพวกนั้นเขาจะไม่กังวลอะไรเลย ทว่ามันไม่ใช่...
"ผมแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยหนะครับ"
ร่างบางตอบกลับมารดาไป ใบหน้าสวยเอียงถูไถกับฝามือของคนเป็นแม่เล่นเชิงออดอ้อน ดวงตาหลับพริ้มอย่างรู้สึกสบายใจเป็นที่สุด
ก๊อก ก๊อก
แอด~
"หิวยังไอลูกชาย"
"พ่อ"
เสียงเคาะประตูเรียกสองแม่ลูกให้หันไปมองพร้อมกัน ก่อนจะปรากฏชายสูงวัยเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหิ้วของกินมากมายเต็มมือ เสียงใสเอ่ยตอบรับด้วยความดีใจ ปากบางยกยิ้มกว้างจนตาคว่ำลงเป็นสระอิ
ชาตรีหอบหิ้วของกินมากมายมาให้ลูกชาย เขารู้ว่าลูกเป็นเด็กไม่ชอบกินข้าวต้มจืดๆของโรงพยาบาล จึงเลือกซื้ออาหารโปรดมาให้ลูกได้ทานเยอะแยะเต็มไปหมด
"พ่อซื้อของโปรดมาให้เราเยอะแยะเลย เราไม่ชอบกินของโรงพยาบาลนี่เนอะ"
"ขอบคุณครับพ่อ" นึกถึงถ้าเป็นไอเด็กผีมันก็คงจะจริง แต่ถ้าเป็นเขาหนะกินอะไรก็ได้ กินยังไงก็ได้ ได้หมดเลย
'ไอเด็กผี มาแดกของโปรดมึง'
ร่างบางเรียกเด็กผีให้มากินข้าวด้วยกันในใจ ไม่รู้ว่าไอเด็กผีมันจะรับรู้หรือเปล่า แต่เขาก็อยากชวนมันมากินของอร่อยๆด้วยกัน
.
.
.
.
"ถ้าไม่เจ็บตรงไหนมากแล้ว ก็สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้เลย"
เจ้าดื้อนั่งฟังคุณหมอรายงานอาการตัวเองให้ฟังอย่างเงียบๆ มีคุณหญิงวดีนั่งกุมมือคอยให้กำลังใจลูกชายไปด้วย วันนี้ชาตรีไม่อยู่ออกไปคุยธุระกับลูกค้า เธอจึงอยู่กับลูกแค่สองคน
"อยากกลับวันนี้เลยได้หรือเปล่าครับ" ทันทีที่หมอพูดจบ ร่างบางก็เอ่ยถามทันที เขาอยากกลับไปนอนสบายๆที่บ้านมากกว่า ใครๆก็เบื่อโรงพยาบาลกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเขาที่นอนเฉื่อยมาอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ มันโคตรจะเบื่อแสนเบื่อ
"อยู่ดูอาการต่อสักอาทิตย์ดีกว่ามั้ยลูก" คุณหญิงเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง สองมือเหี่ยวย่นกอบกุมมือเล็กของลูกชายไว้ ในความคิดเธอ ลูกชายยังบาดเจ็บหนักอยู่เลย เธออยากให้ลูกได้อยู่ใกล้หมอใกล้พยาบาลมากกว่า
แล้วอีกสองสามวันเธอกับสามีก็ต้องเดินทางไปดูงานที่จีนเป็นเดือนเลย ถ้าลูกได้อยู่โรงพยาบาลมีหมอดูแลอยู่เธอก็สบายใจ ผ่านไปสักอาทิตย์หนึ่งก็คงแข็งแรงดีกว่านี้เธอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเหมือนตอนนี้ เพราะดูยังไงยัยแมวน้อยก็ยังไม่หายดีเลยสักนิด
"แต่ผมเบื่อนะครับแม่ ให้ผมกลับบ้านนะครับ"
"แต่ว่านะลูก แม่ต้องไปทำงานที่จีนเป็นเดือนเลย ตอนนี้หนูยังไม่แข็งแรงเลย อยู่กับหมอสักอาทิตย์ให้ดีกว่านี้ก่อนดีมั้ย แม่เป็นห่วงยัยแมวน้อยของแม่จริงๆนะ"
ด้วยความที่เธอกับสามีพ่อของเจ้าเสือต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง แต่ล่ะที่ที่ไปก็ใช้เวลาไม่แน่นอน หนึ่งอาทิตย์ หนึ่งเดือน หรือไม่ก็นานถึงหนึ่งปี ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอก็คงไม่ห่วงอะไร มีหน้าที่แค่ตั้งใจทำงานส่งเงินให้ลูกใช้อย่างเดียว แต่ก็ต้องคิดใหม่เมื่อเห็นลูกชายโดนยิงมา แล้วคนที่ช่วยก็ดันเป็นสองพี่น้องอันตรายที่เธอไม่อยากให้เจอกับเสือเลยนั่นอีก เธอเลยไม่สบายใจยิ่งนักที่จะให้ลูกที่ร่างกายยังไม่แข็งแรงดีกลับไปอยู่บ้าน อย่างน้อยอยู่โรงพยาบาลก็ยังมีคนมากมาย คงไม่มีใครกล้าเข้ามาทำอะไรลูกเธอแน่นอน
"แต่ว่าเสืออยากกลับบ้านจริงๆนะครับคุณแม่" แววตาลูกแมวออดอ้อนน่ารักเสียจนคุณหญิงวดีใจอ่อนฮวบ
ไอท่าทางที่เอาสองมือมาเกาะแขนแม่แล้วส่งสายตาออดอ้อนเหมือนลูกแมวนี่มันอะไรกันลูก
"เห้อ ก็ได้ๆ แต่เสือต้องสัญญากับแม่นะว่าลูกจะอยู่แต่บ้านห้ามออกไปไหน"คนเป็นแม่ทำได้แค่ละเหี่ยใจ มองลูกชายตัวเองที่ตอนนี้ทำหน้าทะเล้นดีใจก็อดที่จะหัวเราะตามไม่ได้ คิดเข้าข้างตัวเองคนเดียว
ลูกเธอนี่มันน่ารักจริงเชียว
.
.
.
.
.
"ก่อนจะเข้าบ้าน ลูกจะแวะซื้ออะไรก่อนมั้ย เดี๋ยวพ่อจอดรถให้" ชาตรีเอ่ยถามลูกขณะกำลังขับรถกลับจากโรงพยาบาล
สายตาชาตรีที่แม้อายุมากแล้วแต่ก็ยังมองเห็นชัดเจนนั้นลอบมองลูกชายตนผ่านกระจกมองหลังอยู่บ่อยๆ
"อยากกินไก่ย่างตรงร้านข้างหน้าที่จะถึงจังเลยครับ" ร่างบางเอ่ยตอบผู้เป็นพ่อกลับไป แววตายังคงจดจ้องไปยังร้านไก่ย่างข้างทาง น้ำลายใสไหลย้อยเปื้อนมุมปากจนคนเป็นแม่เห็นก็อดหัวเราะในความเด๋อด๋าของลูกไม่ได้
"ยัยแมวน้อย เช็ดน้ำลายก่อนมั้ยลูก"
"อุ่ย ขอโทษครับแหะๆ" มือบางรีบเช็ดน้ำลายที่มุมปากทันที พลันหัวเราะเบาๆเพราะความเก้อเขินที่แสดงความตะกละตะกลามไปให้แม่กับพ่อเห็นเสียได้
รถยนต์คันหรูขับมาจอดเทียบฟุตบาทห่างหน้าร้านไก่ย่างมากพอสมควร เพราะด้านหน้ามีรถจอดก่อนอยู่แล้ว
ร่างบางรีบขอพ่อกับแม่ลงไปซื้อเองทันที ก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าเงินแล้วลงไปไม่ยอมให้คุณหญิงวดีได้ท้วงทัน
คุณหญิงวดีที่เห็นดังนั้นก็ระบายยิ้มบางๆพลันมองหน้าผู้เป็นสามีแล้วส่ายหัวเบาๆ
"ลูกของเรานี่มันจริงๆเลยเนอะคะคุณ"
"เอาตับห้า ตูดห้า หนังล้วนห้าครับ"
"ได้จ้า เอาข้าวเหนียวด้วยมั้ยลูก"
"เอาครับ เอาห้าห่อเลย"
"ได้จ้า รอแปปนะลูก"
ใบหน้าสวยพยักหน้างึกงักให้คนขาย รอยยิ้มฉีกกว้างจนแทบจะถึงหูเมื่อเจอของที่ชอบ ร่างบางยืนรอคนขายกำลังจัดเตรียมไก่ที่ตนสั่งไว้อย่างเพลิดเพลิน มองดูเขาพลิกไก่ที่ย่างบนเตาไปมาได้อย่างคล่องแคล่วก็รู้สึกอยากทำบ้าง ยืนคิดอะไรไปเรื่อยโดยไม่ทันได้สังเกตุว่ามีชายใส่สูทชุดดำมายืนประกบที่ด้านหลังแล้ว
"เสือลูกแม่!!"
"ไม่นะ ไม่นะ เสือลูก!!"
"เสือ!!"
"กรี๊ดดดด ลูกแม่!!"
เสียงของพ่อกับแม่ที่ตะโกนมาทำให้ร่างบางล่ะจากความสนใจคนขายไก่ย่างตรงหน้าหันหลังไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น
ทว่าขณะที่หันไปก็พบกับชายชุดดำ สวมแว่นดำพุ่งมายังเขา ในมือมีผ้าเช็ดหน้าสีเหลี่ยมผืนเล็กพุ่งตรงมาหาเขา ก่อนมันจะค่อยๆจับเขาล็อคตัวเอายาสลบโปะจมูกทันที กลิ่นยาที่ไม่รู้จักฉุนจมูกจนแสบไปหมด ถึงแม้จะพยายามกลั้นหายใจ แต่สุดท้ายด้วยความที่โดนล็อคตัวไว้นานแล้วก็เริ่มหายใจไม่ออก ร่างกายจึงต้องการอากาศมาเข้าปอด ร่างบางสูดดมกลิ่นยาเข้าไปเต็มๆปอด
"อื้อ!!!"
...
"อึ่ก" ภาพที่เห็นคือพ่อกับแม่กำลังวิ่งมาทางที่เขาถูกจับตัวไว้อยู่ ก่อนที่ร่างบางจะไม่มีสติรับรู้อะไรอีกเลย ดวงตาดำมืดลง ร่างกายโอนอ่อนไปตามแรงโน้มถ่วงทันที
ชายชุดดำช้อนอุ้มร่างเด็กน้อยไว้แนบอก ก่อนจะรีบก้าวเท้ายาวเข้ารถที่จอดรอไว้แล้วออกไป
.
.
.
คุณหญิงวดีแทบล้มทั้งยืน เธอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแต่กลับตะโกนเรียกช่วยลูกชายสุดที่รักไว้ไม่ทัน
"คุณ ฮึก ยัยแมวน้อยโดนจับตัวไป"
"ใจเย็นๆคุณ ผมกำลังโทรหาเขา"
"คุณโทรหาใครคะ โทรหาใครคะคุณ ไม่ใช่พวกเขาใช่มั้ย คุณตอบฉันสิคะคุณ ฮืออ"
