บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 วันเวลาที่ล่วงเลยไป

มัสยายืนนิ่งอยู่ที่ริมระเบียงบ้านบนเขาเพียงลำพัง ดวงตาเหม่อลอยอย่างไร้ทิศทาง เวลาที่ผ่านล่วงเลยไปเกือบสองปีทำให้เธอรู้สึกคิดถึงใครคนหนึ่งจับใจ แต่ทว่าก็ต้องปัดความรู้สึกเหล่านั้นออกไปจนหมดเพราะรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้

เพทายหายตัวไปหลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาลเมื่อสองปีก่อน และไม่ปรากฏตัวให้ใครเห็นอีกเลย แม้แต่วันที่อัมพิกาได้รับพระราชทานปริญญาบัตร เขาก็ยังไม่โผล่ไปอวยพรสักนิดทั้งที่รักเธอมากถึงขนาดนั้น เพทายกำลังทำเหมือนต้องการให้ตัวเองหายสาบสูญไป ส่วนมันจะเป็นเพราะสาเหตุใดนั้นมัสยาก็ไม่อาจรู้ได้

ตั้งแต่เรียนจบมัสยาก็ปลีกตัวแยกจากภพธรรมโดยไม่ฟังคำขอร้องของเขา เพราะเท่าที่เธอเห็นเขาก็มีอัมพิกาคอยช่วยเหลือในทุกๆเรื่องอยู่แล้ว ไม่จำเป็นเลยสักนิดที่เธอจะต้องอยู่ให้ภพธรรมลำบากใจว่าเขาควรให้ความสำคัญกับเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กหรือคนรักมากกว่ากัน

โชคดีที่เธอไม่ได้เลือกเรียนตามภพธรรมมาตั้งแต่แรก แต่เลือกเรียนคณะวนศาสตร์สาขาปลูกสร้างสวนป่า และมันก็ช่วยให้มัสยาได้มีโอกาสมาทำงานในกรมป่าไม้แห่งนี้ ธรรมชาติและความเงียบสงบทำให้เธอเปลี่ยนเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง แต่การที่ได้ทำงานลุยๆแบบนี้ก็เป็นสิ่งที่เธอวาดฝันเอาไว้อยู่แล้วเหมือนกัน

มัสยาถอนหายใจเฮือกใหญ่และหันหลังกลับเพื่อจะเดินเข้าบ้านไป แต่สายตาพลันชำเลืองไปเห็นร่างของใครคนหนึ่งคนแผ่อยู่บนโขดหินที่ไม่ไกลไปจากบ้านของเธอมากนัก หญิงสาวรู้สึกคุ้นตาแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะออกไปดู ร่างบางผละเข้าไปในบ้านไม้เรือนไทยหลังสวยทันที ไม่รู้เลยสักนิดว่าร่างที่นอนนิ่งอยู่นั้นคือคนที่เธอเฝ้าคิดถึงเขามายาวนานถึงสองปี

ดุจดาวรีบเร่งฝีเท่าให้เร็วขึ้นเมื่อสังเกตได้ว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มวังเวงผิดปกติ เสียงสุนัขที่ระดมเห่าหอนทำให้ขนอ่อนบนท่อนแขนเรียวลุกชันอย่างห้ามไม่ได้ วันนี้เธอเลิกงานดึกกว่าทุกวันเพราะมีประชุม รถเมล์สายที่เคยขึ้นก็เลยหมดไปเสียก่อน ทางเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็คือการเดินกลับไปยังห้องพักของตัวเองให้เร็วที่สุด แม้จะรู้ว่ามันอันตรายแต่ดุจดาวก็ไม่มีเงินมากพอที่จะขึ้นรถแท็กซี่ได้เหมือนคนอื่นเขา

เสียงฝีเท้าที่ไล่ตามมาทำให้ดุจดาวชะงักแล้วรีบหันกลับไปมองทันที แต่ทว่าสิ่งที่พบอยู่เบื้องหลังกลับกลายเป็นความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น

“โธ่เอ๊ย ทำไมวันนี้มันน่ากลัวพิลึกจังนะ” หญิงสาวบ่นอุบก่อนจะสาวเท้าเดินไปยังจุดหมายที่ยังห่างไกลนั้นต่อไป แต่เสียงฝีเท้าที่ยังคงไล่ตามมาก็ทำให้เธอชะงักอีกครั้ง

น่าแปลกที่ถึงเธอจะหยุดเดินแล้วแต่เสียงที่กำลังใกล้เข้ามานั้นยังไม่หยุด ด้วยสัญชาตญาณทำให้ดุจดาวรีบหันกลับไปมองทันที ภาพที่ปรากฏไม่ใช่ความว่างเปล่าอีกแล้ว แต่มันเป็นร่างผอมสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนแสยะยิ้มอยู่ข้างหลังเธอ ความรู้สึกไม่ปลอดภัยทำให้เธอเตรียมรีบวิ่งหนี หากแต่เอวบางกลับถูกรวบเอาไว้ได้เสียก่อน

“ปล่อยนะ ปล่อยฉันเถอะคะ ฉันไม่มีเงินไม่มีทองให้หรอกนะ” ดุจดาวอ้อนวอนพร้อมดิ้นรนเต็มกำลัง เสียงหอบหายใจฟืดฟาดของคนที่กำลังกอดเธออยู่ ทำให้เธอได้กลิ่นเหลาอย่างชัดเจน

“ฉันก็ไม่ได้จะเอาเงินเอาทองหรอกนะ อยากได้อย่างอื่นมากกว่า” ผู้ชายลึกลับคนนั้นพูดก่อนที่จะยกมือขึ้นปิดปากเธอ จากนั้นก็ลากร่างบางมุ่งหน้าเข้าไปยังป่าที่เงียบสงัด แต่ทว่าสวรรค์เลือกที่จะเข้าข้างคนดีอย่างดุจดาวมากกว่า

“เฮ้ย นั่นแกจะทำอะไรวะ” เสียงคุ้นหูดังกระทบโสตประสาทของดุจดาว ทำให้น้ำตาที่กำลังไหลพรากเพราะความกลัวนั้นหดหายไปแทบจะในทันที ผู้ชายคนนั้นผลักเธอล้มลงและวิ่งหนีไปอย่างง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็นับว่าดีมากแล้วที่ไม่มีการรบราฆ่าฟันเกิดขึ้น เพราะถ้าไม่อย่างนั้นชีวิตของเธอคงต้องจบแบบไม่รื่นรมย์สักเท่าไหร่นัก

ร่างสูงของคนที่เพิ่งช่วยชีวิตเธอเอาไว้รีบวิ่งตรงเข้ามาหาอย่างร้อนรน ดุจดาวยังคงนั่งแปะอยู่บนพื้นเพราะแขนขาไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว เธอกลัวจนตัวทั้งตัวอ่อนแรงไปหมด หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาเพื่อหวังจะกล่าวคำขอบคุณ

“คุณภพ!” ดุจดาวตาค้างเพราะไม่อยากจะเชื่อว่าคนตรงหน้าเป็นเขา

“ดาว! นี่คุณเองหรอกหรอ” ดูเหมือนว่าภพธรรมเองก็จะตกใจไม่แพ้เธอ เขาจ้องมองใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวอย่างสับสน

“คุณมาทำอะไรแถวนี้ นี่มันจะห้าทุ่มอยู่แล้วนะ คิดพิลึกอะไรถึงได้มาเดินล่อเสือล่อตะเข้แบบนี้” ภพธรรมยิงคำถามต่อทันทีเพราะเห็นดุจดาวเอาแต่จ้องหน้าเขานิ่ง

“คือ...คือ...” ดุจดาวพูดได้แค่นั้นก็หมดสติไปทันที ภพธรรมสบถอย่างหัวเสียแต่ก็ช้อนร่างบางขึ้นแล้วพาขึ้นรถมุ่งหน้าไปยังบ้านภิมุขมนตรีทันที

เขาจะรู้บ้างไหมนะว่าดุจดาวเป็นลมไปเพราะอะไร...ก็เพราะดีใจสุดขีดที่ได้เห็นหน้าเขาน่ะสิ!

ภพธรรมบรรจงใช้ผ้าขนหนูผืนสีขาวขนาดกะทัดรัดเช็ดเบาๆไปตามใบหน้าและลำคอขาวผ่องของดุจดาวอย่างแผ่วเบา สายตาคมเผลอพิจารณาใบหน้าและเรือนร่างของเธอไปอย่างไม่รู้ตัว ระบายยิ้มน้อยๆส่งให้คนที่กำลังหลับใหลอยู่โดยที่เธอไม่มีโอกาสได้เห็น

ดุจดาวดูไม่ต่างไปจากสมัยเรียนมากสักเท่าไหร่ เธอยังดูเรียบง่ายแต่ก็มีเสน่ห์เสมอ ชุดทำงานสีครีมเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดิน ใบหน้างามในตอนนี้ไร้เครื่องสำอางเพราะฝีมือของเขา ภพธรรมโน้มใบหน้าลงใกล้เธออย่างลืมตัว ริมฝีปากอิ่มที่ปิดสนิทนั้นทำให้เขานึกอยากจะลองสัมผัสมันดูสักครั้ง

เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ในกระเป๋าเสื้อทำให้เขาชะงัก รีบผละออกห่างดุจดาวอย่างนึกขึ้นได้ ภพธรรมกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากเย็นก่อนจะกดรับสายเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา

“ภพคะ อ้อขอโทษนะคะที่ผิดนัดอีกแล้ว พอดีวันนี้อ้อมีนัดกับลูกค้าน่ะคะ” อัมพิกากรอกเสียงมาตามสายทันทีที่รู้ว่าเขากดรับ ภพธรรมถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะรู้ว่าเธอกำลังโกหก เด็กรับใช้ที่บ้านของอัมพิกาบอกว่าเธอเพียงแค่ออกไปช๊อปปิ้งที่ห้างเพื่อหาความสุขเล็กๆน้อยๆให้กับตัวเองเท่านั้น

“ครับ ผมเข้าใจ แล้วทำไมอ้อยังไม่นอนอีกล่ะ ดึกแล้วนะ” ภพธรรมถามขณะที่สายตายังจ้องอยู่ที่ร่างของหญิงสาวอีกคนที่ยึดครองพื้นที่ส่วนหนึ่งบนเตียงของเขาไป

“อ้อกำลังจะนอนค่ะ พรุ่งนี้ต้องเข้าบริษัทแต่เช้า ฝันดีนะคะภพ อ้อรักภพนะ” อัมพิกาหยอดคำหวานที่ภพธรรมพึงพอใจก่อนจะกดวางสายไป

ภพธรรมกดปิดเครื่องโทรศัพท์พร้อมกับเดินไปยกหูโทรศัพท์ในห้องนอนของเขาออกด้วย คืนนี้เขาไม่อยากให้มีใครมารบกวนดุจดาว เธอเพิ่งพบกับเรื่องร้ายๆมาและคงกำลังต้องการพักผ่อน ชายหนุ่มยิ้มให้ร่างที่นอนนิ่งนั้นอีกครั้งก่อนจะคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกาย เพราะคืนนี้เขาเองก็ต้องการพักบ้างเหมือนกัน อัมพิกากำลังทำให้เขาสับสนเหลือเกิน

แสงสีทองที่สาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องทำให้ร่างบางที่นอนหลับอย่างเต็มอิ่มมาตลอดทั้งคืนขยับตัวอย่างเมื่อยขบ ท่อนแขนแข็งแรงของใครคนหนึ่งพาดทับที่เอวของเธอเอาไว้อย่างกับเป็นเจ้าของ ดุจดาวผละลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องนิ่งไปอีกครั้งเมื่อท่อนแขนนั้นยึดตัวเธอให้นอนราบลงบนเตียงเช่นเคย

ดุจดาวนอนเกร็งอยู่นานจนคนที่เอาแต่หลับตาพริ้มลืมตาตื่นขึ้น ภพธรรมเองก็มีอาการไม่แตกต่างไปจากเธอ เขาผวาออกห่างดุจดาวทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังนอนกอดเธอเอาไว้แนบแน่น ดุจดาวผุดลุกขึ้นอย่างช้าๆ ใบหน้าร้อนวูบวาบเพราะความเขินอาย ภพธรรมยกมือขึ้นลูบศีรษะเพราะความเก้อเขินเช่นกัน

“เอ่อ...”

“ดาวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” ดุจดาวรีบเสเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากอายม้วนไปอีกครั้ง ภพธรรมส่งยิ้มแห้งๆให้เธอก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียงตามเดิม

“เมื่อคืนคุณเป็นลมไปน่ะครับ ผมก็เลยพามาที่บ้าน ต้องขอโทษด้วยนะที่ทำอะไรโดยพลการแบบนี้” ภพธรรมบอกกับเออย่างที่เขารู้สึกจริงๆ เมื่อคืนเขาจำได้ว่าตัวเองนอนอยู่ห่างจากเธอเยอะมาก แล้วทำไมตอนเช้าถึงได้กอดเธอได้แนบชิดขนาดนี้ก็ไม่รู้ ดุจดาวไม่พูดอะไรแต่ก็ส่งยิ้มให้เขาแทนคำตอบ

“เดี๋ยวคุณไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ก่อนเถอะนะครับ ชุดนี้เปื้อนจะแย่อยู่แล้ว ผมให้คนเตรียมชุดไว้ให้คุณตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ” ดุจดาวสปริงตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพลางก้มหน้าลงสำรวจเตียงนอนของเขา

“ตายจริง ดาวทำให้เตียงของคุณเปื้อนซะแล้ว เดี๋ยวดาวจัดการให้นะคะ” ดุจดาวอุทานก่อนจะหันรีหันขวางหาอะไรสักอย่างที่พอจะเป็นประโยชน์ในการทำความสะอาดของเธอ หากแต่ภพธรรมกลับเดินเข้ามาคว้าขอมือบางเอาไว้เสียก่อน

“ช่างมันเถอะครับ คุณไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนเถอะ เรื่องแค่นี้เดี๋ยวผมจัดการเอง” ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างให้หญิงสาวเพื่อบอกว่ามันไม่เป็นอะไรจริงๆ ดุจดาวถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างเงียบๆ ภพธรรมเองก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นว่าดุจดาวดูจะเสียใจไม่น้อยที่ทำให้เตียงนอนของเขาเปื้อน

ช่างเป็นผู้หญิงที่ละเอียดอ่อนอะไรแบบนี้นะ...

ภูผานอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้โยกตัวยาวอย่างสบายอารมณ์ ช่วงนี้งานที่บริษัทดูไม่ค่อยยุ่งมากเท่าไหร่ เขาก็เลยมีโอกาสใช้เวลาพักผ่อนอยู่ตามลำพังบ้าง เวลาที่ผ่านล่วงเลยไปเกือบสองปีทำให้ธุรกิจที่เคยเป็นของมารดารุดหน้าไปไกลมากขึ้น เขาได้วางรากฐานที่มั่นคงไว้ให้ภพธรรมแล้ว ที่นี้ก็เหลือแค่ต้องปรากฏตัวให้น้องชายตัวดีได้เห็นหน้าเขาสักที ภพธรรมคงเสียใจแย่ที่ภูผาขาดการติดต่อกับเขาไปเกือบสองปี แม้แต่วันที่ภพธรรมได้รับปริญญาบัตร เขาเองก็ทำได้แค่เพียงชื่นชมอยู่ห่างๆเท่านั้น

ดูเหมือนว่าวันหยุดพักผ่อนของภูผาจะต้องสิ้นสุดลงเมื่อเสียงเคาะประตูหนักๆดังขึ้น ชายหนุ่มลุกยืนก่อนจะเดินออกไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือนอย่างอ้อยอิ่ง เขานึกไม่ออกเลยจริงๆว่าใครกันที่จะมาหาเขาถึงบ้านพักต่างจังหวัดแบบนี้ ในเมื่อบ้านหลังนี้มีใครรู้จักนอกจากคนในครอบครัวของเขาเท่านั้น

ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ภาพของคนตรงหน้าก็ทำให้เขาชาหนึบไปทั้งตัว ความรู้สึกที่หลากหลายประดังประเดเข้ามาจู่โจมจนตั้งตัวแทบไม่ทัน ภูผานิ่งอึ้งไปในขณะที่อีกฝ่ายโถมร่างสูงใหญ่คล้ายเขาเข้ามากอดเอาไว้แน่น

“ภู” น้ำเสียงสั่นเครือของผู้มาเยือนทำให้หัวใจของภูผารู้สึกเจ็บปวด แต่ทว่าเขากลับไม่แสดงออกใดๆ นอกจากดันร่างของคนที่กอดเขาเอาไว้แน่นออกอย่างสุภาพ

“ขอโทษนะครับ ผมคิดไม่ออกเลยจริงๆว่าคุณมาทำอะไรที่บ้านของแม่ผม” ภูผาถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และออกจะติดไปทางห้วนเสียมากกว่า

“ภู ทำไมพูดกับพ่อแบบนี้ล่ะ พ่อคิดถึงลูกมากนะ” บุคคลที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเขาเรียกว่าพ่อเอ่ยขึ้น แต่ภูผาไม่ใส่ใจ ตอนนี้ใบหน้าของเขาเรียบเฉยเสียจนปฐพีใจหาย

“ขอโทษนะครับ พ่อของผมตายไปตั้งแต่เมื่อสิบเอ็ดปีปีก่อนแล้ว คุณลุงคงมาผิดบ้านแล้วละครับ” ภูผาตัดบทอย่างไร้เยื่อใยพร้อมกับเตรียมจะดึงประตูปิด

“เดี๋ยวสิภู ภพกำลังแย่นะ” คำพูดของปฐพีคงรั้งเขาเอาไว้ได้สำเร็จหากภพธรรมเป็นอย่างนั้นจริง แต่เท่าที่รู้มาภพธรรมก็มีความสุขกับผู้หญิงคนนั้นดีอยู่ ไม่เห็นว่าน้องชายของเขาจะมีปัญญาอะไรเลยสักนิด

“เก็บลูกไม้ตื้นๆแบบนี้ไว้หลอกเด็กเถอะนะครับ ผมอายุใกล้จะสามสิบอยู่รอมร่อแล้ว ไม่หูเบามาฟังคำพูดของคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องแบบนี้หรอก ลุงกลับไปเถอะ แล้วอย่ามารบกวนผมอีก ถ้าจะไปตามหาลูกชายก็ไปตามที่อื่นเถอะครับ ที่นี่ไม่มีลูกของลุงหรอก” ภูผาไม่รอให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบ เขากระชากประตูปิดพร้อมกับกดล็อคอย่างรวดเร็ว

ร่างสูงยืนพิงประตูนิ่งพลางหอบหายใจราวกับว่าเพิ่งไปวิ่งกลางแดดจ้ามาทั้งวัน ใจหนึ่งเขาก็อยากจะกอดปฐพีให้สมกับที่จากกันไปนาน แต่อีกใจก็ยังย้ำเตือนว่าคนคนนี้ทำให้แม่ของเขาต้องอายุสั้น เขากับปฐพีก็เปรียบเสมือนเส้นขนาน...และเส้นขนานก็ไม่มีวันที่จะมาบรรจบกันได้อย่างเด็ดขาด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel