บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 จุดเริ่มต้นของปัญหา

หลังจากที่เพทายทานอาหารกลางวันกับอัมพิกาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงขอตัวไปเยี่ยมมัสยาที่โรงพยาบาลทันที อัมพิกาแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะเธอเองก็มีนัดกับชายหนุ่มอีกคนเอาไว้เช่นกัน

ภพธรรมโทรมาบอกเธอเมื่อสักครู่ใหญ่ๆว่าเพื่อนสาวของเขาได้รับอุบัติเหตุนิดหน่อยและยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ก็เลยอยากไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลก่อนที่จะพาเธอไปเที่ยวต่อ

“อ้อ แล้ววันนี้จะออกไปไหนหรือเปล่า” เพทายหันมาถามในขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถ อัมพิกาสะดุ้งเล็กน้อยเพราะมัวแต่เหม่อลอย และอาการเหล่านี้ไม่สามารถผ่านพ้นสายตาของเขาไปได้เลยสักนิด

“เอ่อ พอดีอ้อว่าจะไปหาดาวค่ะ เห็นโทรมาบอกว่าไม่ค่อยสบาย” อัมพิกาอ้างชื่อเพื่อนสาวคนสนิทเพื่อโกหกเขา เธอเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้สักเท่าไหร่นัก แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อความจำเป็นกำลังบีบบังคับเธออยู่

“งั้นไปพร้อมกับพี่เลยสิ จะได้ไม่ต้องขับรถไปเอง แล้วตอนกลับเดี๋ยวพี่แวะไปรับ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่สายตาก็จดจ้องใบหน้างามที่มีพิรุธนั้นอย่างใคร่รู้ในตำตอบ

“เอ่อ...อ้อไม่รบกวนดีกว่าคะ พี่เพชรกำลังรีบไม่ใช่เหรอคะ รีบไปเถอะ แล้วเดี๋ยวอ้อจะโทรหานะ”อัมพิกาพูดตัดบทพร้อมกับเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มสากระคายของคนตัวสูงแรงๆ เพทายส่งยิ้มตอบกลับให้เธอเช่นกัน คำตอบที่ได้รับบอกทุกอย่างดูชัดเจนมากจนเขาไม่อาจควบคุมความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในหัวใจเอาไว้ได้

เพทายก้มลงจุมพิตหน้าผากมนเบาๆ ด้วยความรู้สึกใจหาย หากทุกอย่างที่เขาคิดเป็นความจริง ความหวังที่จะได้ร่วมชีวิตกับผู้หญิงตรงหน้าก็คงกลายเป็นแค่ความฝันเท่านั้น

ร่างสูงเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับก่อนจะกระชากรถออกไปอย่างรวดเร็ว ความคิดที่จะแอบสะกดรอยตามหญิงสาวผุดขึ้นมาในสมอง แต่ทว่าเพทายก็ปัดความอยากรู้อยากเห็นนั้นออกไปจนหมดสิ้น เขาไม่มีทางทำแบบนั้นกับเธอได้หรอก เพราะถ้าทุกอย่างเป็นเพียงความเข้าใจผิด เขาคงต้องมานั่งเสียใจภายหลังที่ไม่ไว้ใจคนรักของตัวเอง

ทันทีที่เห็นเพทายจากไปแล้ว อัมพิกาก็รีบตรงขึ้นไปบนห้องเพื่อแต่งตัวทันที เพราะเวลานัดหมายที่

ภพธรรมจะมารับที่บ้านเหลืออีกเพียงไม่นานแล้วเพียง 15 นาทีผ่านไป ร่างระหงก็อยู่ในชุดเกาะอกสีขาวสะอาดตาดูน่าทะนุถนอม ความพอดีของเสื้อผ้าที่สวมใส่ช่วยเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอให้เด่นชัดมากขึ้น ใบหน้ารูปไข่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางโทนสีอ่อนดูสดใส ไม่จัดจ้านโฉบเฉี่ยวเช่นทุกวัน หญิงสาวคว้ากระเป๋าหนังใบสีขาวเข้ากันกับชุดมาถือไว้ทันทีที่ได้ยินเสียงรถ

ภพธรรมมองร่างบางที่กำลังเดินตรงมาทางเขาอย่างชื่นชม อัมพิกาเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมมากในสายตาของเขาและก็คงเป็นเช่นนั้นสำหรับผู้ชายทุกคนด้วยเหมือนกัน ชายหนุ่มก้าวลงจากรถสปอร์ตสีดำสุดหรูอย่างช้าๆ สายตายังคงจับจ้องไปยังคนที่กำลังเดินใกล้เข้ามาอยู่ตลอดเวลา น่าแปลกที่อัมพิกาไม่ยอมให้เขาขับรถเข้าไปรับถึงในบ้าน หญิงสาวกำชับเป็นหนักหนาว่าให้รอที่หน้าบ้านแล้วเธอจะออกมาหาเขาเอง

“สวัสดีครับ วันนี้อ้อน่ารักจังเลย” เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยชมเจ้าของใบหน้างดงามอย่างจริงใจ

“ปากหวานอีกแล้วนะคะ” อัมพิกาเอ่ยอย่างมีจริตมารยา รอยยิ้มและแววตาหยาดเยิ้มที่ส่งให้ภพธรรม ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าเลยว่าจะทำมันออกมาได้

“ผมไม่ได้ปากหวานอะไรหรอกครับ ก็อ้อน่ารักจริงๆนี่นา” ร่างสูงเอ่ยย้ำ หากแต่คนที่ถูกชมกับเสก้มหน้างุดด้วยความเอียงอาย อัมพิกายังคงเล่นละครฉากสำคัญนี้ต่อไปทั้งที่ในใจกำลังรู้สึกผิดต่อชายหนุ่มอีกคนเหลือเกิน

สาวหน้าหวานจอมแก่นยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล นี่ก็สองวันแล้วที่เธอนอนอุดอู้อยู่ที่นี่แต่เพื่อนสนิทอย่างภพรรมก็ทำได้แค่เพียงโทรมาถามไถ่อาการเท่านั้น ความรู้สึกน้อยใจทำให้ร่างเล็กปั้นหน้างอง้ำอย่างเด็กไม่รู้จักโตใส่คนที่มาทำหน้าที่เฝ้าไข้ เพทายวางหนังสือพิมพ์ที่ไม่ได้ตั้งใจอ่านไว้ตามเดิมก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งขอบเตียงของมัสยาอย่างถือวิสาสะ

“นี่ นายจะมานั่งตรงนี้ทำไมเล่า ออกไปเลยนะ” มัสยาบ่นพร้อมใช้มือเล็กดันไหล่ของเขาแรงๆ แต่ทว่าร่างกำยำยังคงปักหลักนิ่ง สายตาคมเข้มจ้องมองคนป่วยที่นอนกระสับกระส่ายไปมาอย่างไม่เข้าใจ

“มัสยา เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ หรือว่าอยากเย็บแผลใหม่อีกสักครั้ง” คำถามแกมขู่ของเขาทำให้หญิงสาวพลิกตัวนอนหันหลังให้อย่างหงุดหงิด เพทายส่ายหน้าอย่างรู้สึกระอาเต็มแก่พร้อมกับเดินออกไปจุดบุหรี่สูบอยู่ที่ระเบียงข้างนอกห้องเช่นเคย

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นถึงสามทีซ้อนก็ทำให้คนป่วยหันกลับไปมองอย่างมีความหวัง ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของภพธรรม ในมือของชายหนุ่มถือดอกลิลลี่สีขาวช่อใหญ่เข้ามาด้วย มัสยาคลี่ยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเขา หากแต่รอยยิ้มนั้นกลับถูกกลืนหายไปในพริบตาเมื่อเห็นผู้หญิงจอมมารยาเดินตามเข้ามาติดๆ

จากเสียงเปิดและปิดประตูตามด้วยเสียงของผู้ชายทำให้เพทายรับรู้ได้ทันทีว่ามีคนมาเยี่ยมเธอ แต่เขาไม่ได้ใส่ใจหันกลับไปมองเลยสักนิดว่าผู้มาเยือนในครั้งนี้เป็นใคร

“ไง ยัยตัวแสบ ไปทำอะไรมาถึงได้มานอนเล่นอยู่นี่ได้”

“เปล่าหรอก เราแค่อยากนอนโรง’บาลเล่นดู เห็นว่าไม่ได้นอนมานานแล้ว” คำพูดประชดประชันที่คนป่วยเอ่ยออกมาทำให้ภพธรรมต้องยกมือขึ้นดีดหน้าผากเพื่อนรักเบาๆ อย่างหมั่นไส้ หากแต่มัสยากลับพลิกร่างเล็กนอนหันหลังให้เขาอย่างไม่ใส่ใจที่จะหยอกล้อด้วยเหมือนทุกครั้ง เข้าใจดีแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้ภพธรรมไม่สนใจเพื่อนสนิทอย่างเธอเป็นเพราะอะไร อัมพิกาส่งยิ้มให้มัสยาอย่างเป็นมิตร แต่สิ่งที่ได้รับตอบแทนคือการหันหน้าหนี

“หยก เดี๋ยวจะเราไปซื้อของที่มินิมาร์ทข้างล่างสักหน่อย อยากได้อะไรหรือเปล่า” ภพธรรมขึ้นเพราะยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้า มัสยาหันมาส่ายหน้าน้อยๆ เพื่อบ่งบอกว่าตนไม่ได้อยากได้อะไรจากเขา ภพธรรมหันมาถามอัมพิกาบ้างและก็ได้รับคำตอบเช่นเดียวกัน

“เป็นยังไงบ้างจ๊ะหยก เจ็บมากหรือเปล่า” อัมพิกาถามไถ่อาการของมัสยาอย่างเป็นห่วงเมื่อได้อยู่กันตามลำพัง แต่คนถูกถามกลับเอาแต่นอนเงียบไม่พูดจา ตรงกันข้ามกับชายหนุ่มที่กำลังยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียงด้านนอกอย่างสิ้นเชิง น้ำเสียงคุ้นเคยทำให้เจ้าของร่างสูงที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงข้างนอกชะงักเล็กน้อยก่อนจะทิ้งบุหรี่ในมือลงไปยังพื้นด้านล่าง จากนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินเข้ามาภายในห้องทันทีโดยไม่ต้องรอให้ใครเชื้อเชิญ

สาวสวยที่กำลังนั่งยิ้มอยู่บนโซฟาถึงกับหน้าซีดเผือดทันทีที่เมื่อเห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งโผล่พรวดเข้ามา ร่างเล็กที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเองก็ลุกขึ้นนั่งอยากรวดเร็วเช่นกัน มัสยาลืมนึกถึงเขาไปเสียสนิทเลยทีเดียว

“อ้อ”

“พี่เพชร” เสียงของคนทั้งคู่เอ่ยประสานขึ้นพร้อมกัน เพทายหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ส่วนอัมพิกาเองก็ตกใจจนแทบตั้งสติไม่อยู่ การที่ถูกจับได้ว่าโกหกต่อหน้าแบบนี้มันเป็นสิ่งที่น่าละอายใจนัก

“ไหนว่าดาวไม่สบายไง แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้” เพทายถามเสียงแข็งพร้อมกับขยับฝีเท้าเข้าใกล้หญิงสาวที่ตัวเองรักและหวงแหนมากขึ้นไปอีก

มัสยามองใบหน้างามที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อของอัมพิกาและยิ้มพรายอย่างสะใจ ถ้าเธอรู้ว่าเพทายอยู่ตรงนั้นก็คงแกล้งเรียกให้เขาออกมาตั้งแต่แรกแล้ว

“.....” ไม่มีคำพูดหรือข้อแก้ตัวใดๆหลุดออกมาจากริมฝีปากบางคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย ร่างโปร่งระหงทรุดลงบนโซฟาตัวเดิมอีกครั้งอย่างอ่อนแรง

“ทำไมอ้อ ทำไมถึงอ้อต้องโกหกพี่ด้วย!” เพทายถามเสียงดังจนเกือบกลายเป็นตะโกน มือหนาบีบไหล่บอบบางของหญิงสาวแน่นและเขย่าแรงๆอย่างคับแค้นใจ มัสยาเองก็เริ่มปั้นหน้าไม่ถูก ในใจหนึ่งนึกอยากจะห้าม แต่อีกใจกลับคิดว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเหมาะสมแล้วกลับผู้หญิงหลายใจอย่างอัมพิกา

“พี่เพชร อ้อขอโทษ” หญิงสาวบอกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำใสๆเอ่อล้นอยู่ตรงขอบตาก่อนจะไหลรินออกมาอย่างช้าๆ เพราะกำลังรู้สึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เพทายชะงักก่อนจะปล่อยมือที่หนาราวกับคีมคีบเหล็กออกจากไหล่ของเธอ เขามักจะทนไม่ได้ทุกครั้งที่เห็นหญิงสาวร้องไห้ ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นอัมพิกาต้องร้องไห้และเสียใจมามากพอแล้ว เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีก อัมพิกาจะเลือกรักใครมันก็เป็นสิทธิ์ส่วนตัวของเธอ และเขาเองก็ไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายด้วยเหมือนกัน

“อย่าร้องไห้เลยอ้อ พี่เข้าใจดีว่าเรื่องของความรักมันไม่เข้าใครออกใครหรอก” เพทายบอกพลางเอื้อมมือไปปาดน้ำตาออกจากแก้มนวล เขาส่งยิ้มให้หญิงสาวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตัดสินใจเป็นฝ่ายจากไปง่ายๆ แต่อัมพิกากลับคว้ามือใหญ่อบอุ่นนั้นไว้แน่นเพื่อรั้งเขา

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้มัสยาเริ่มเข้าใจขึ้นบ้างแล้วว่าเพทายไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรอย่างที่เธอคิด ที่เขาตามรับใช้และเอาใจอัมพิกาอยู่เสมอก็เพราะความรักที่มากเกินความพอดีก็เท่านั้นเอง มัสยาเห็นอัมพิกาทำท่าคล้ายกำลังจะพูดบางอย่าง แต่ทว่าร่างสูงที่เปิดประตูเข้ามาทำให้เธอต้องเก็บคำพูดพวกนั้นเอาไว้ก่อน เพทายเองก็รีบดึงมือออกจากพันธนาการของเธออย่างรวดเร็วเช่นกัน

“อ้าว พี่เพชร” ภพธรรมทักทายผู้ช่วยคนสนิทของบิดาอยากแปลกใจ ไม่คิดว่าจะมาเจอกันที่โรงพยาบาลแห่งนี้ด้วยความบังเอิญ

“คุณภพ” เพทายเองก็ตอบชายหนุ่มรุ่นน้องกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นกัน หากจะแตกต่างจากเดิมก็คงมีเพียงความรู้สึกภายในจิตใจเท่านั้น เพทายไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขากับภพธรรมจะต้องมาหลงรักผู้หญิงคนเดียวกันแบบนี้

“ทำไมพี่เพชรมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ ไหนเมื่อเช้าบอกผมว่าจะไปเฝ้าไข้ญาติไง” ภพธรรมถามขึ้นขณะที่ส่งผลไม้หลายอย่างให้อัมพิกา เธอเดินเลี่ยงเพื่อไปจัดการผลไม้ให้มัสยาทันทีเพราะไม่รู้ว่าจะนั่งปั้นหน้าแบบไหน แต่ถึงอย่างนั้นหูก็ยังคงได้ยินในสิ่งที่ชายหนุ่มทั้งสองกำลังสนทนากันอย่างชัดเจน

“ความจริงผมก็ไม่ได้มีญาติที่ไหนหรอกครับ แต่เผอิญดันไปทำให้มัสยาบาดเจ็บเข้า ผมก็เลยอยากมาอยู่ดูแลเธอเพื่อเป็นการไถ่โทษ” เพทายเอ่ยด้วยสีหน้าเช่นเดิม ในขณะที่มัสยาแอบพอใจที่ได้ยินคำพูดต่างๆจากปากของเขา

เรื่องราวอุบัติเหตุต่างๆที่เกิดขึ้นกับมัสยา เพทายได้เล่าให้ภพธรรมฟังอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ หากแต่ก็มีบิดเบือนไปจากเดิมบ้างเล็กน้อย เพทายบอกกับชายหนุ่มเพียงแค่ว่าเขาเดินชนกับมัสยาเข้าระหว่างที่กำลังจะไปรับเพื่อนที่มหาวิทยาลัย จึงทำให้หญิงสาวล้มไปถูกเหล็กแทงบาดเจ็บอย่างที่เห็น

“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เองหรอกเหรอครับ ตอนแรกผมก็ยังงงๆอยู่เลยว่าทำไมพี่เพชรกับหยกถึงรู้จักกัน” ภพธรรมพยักหน้ารับรู้พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างส่งให้เพื่อนสาวที่นั่งหน้าหวานอยู่บนเตียง

“อันที่จริงผมกับมัสยาก็เคยเจอกันมาก่อนแล้วล่ะครับ คุณภพคงลืมไปว่าเธอไปทานข้าวที่บ้านภิมุขมนตรีแทบทุกอาทิตย์” เพทายพูดขึ้นตามความเป็นจริง แม้ว่าเขากับมัสยาจะเคยเห็นหน้ากันอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยพูดจากันเลยสักครั้งเช่นกัน

“นั่นสินะครับ ผมนี่ขี้ลืมจัง เอ...ผมเห็นคนในบ้านเคยบอกว่าแฟนของพี่เพชรสวยมากเลย ว่างๆก็พามาให้ผมกับคุณพ่อรู้จักบ้างสิครับ” ภพธรรมพูดอย่างนึกขึ้นได้ เพทายและมัสยาหันมาสบตากันอย่างรู้เหตุรู้ผล ส่วนมือของคนที่กำลังปอกผลไม้อยู่ก็ถึงกับชะงักไปเช่นกัน

“คงไม่มีวันนั้นหรอกครับคุณภพ ผู้หญิงคนนั้นเธอรักคนอื่น ไม่ใช่ผม” เพทายพูดขึ้นพร้อมกับชายตาไปมองหญิงสาวที่กำลังง่วนอยู่กับการปอกผลไม้เล็กน้อย ท่าทางที่ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจของอัมพิกาทำให้หัวใจของเขาเจ็บแปลบขึ้นมาอีก หากแต่ความอดทนที่มีอยู่ทำให้ชายหนุ่มยังคงควบคุมสีหน้าและระดับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้

“ผู้หญิงสมัยนี้นี่แย่จริงๆเลยนะครับ เห็นความรักเป็นของไม่มีค่าไปซะได้ พี่เพชรอย่าไปสนใจเลยครับ ถ้าเป็นผม ผมคงทำได้แค่ตัดอกตัดใจให้ลืมเขาไป ไม่งั้นคนที่เจ็บก็จะเป็นตัวเราเอง”

“ใช่ครับ คุณภพพูดถูก” ภพธรรมเดินเข้าไปตบไหล่เพทายอย่างเห็นใจ แต่ถ้าวันที่เขาอกหักมาถึงจริงๆ เขาจะเข้มแข็งได้ถึงครึ่งหนึ่งของผู้ชายตรงหน้าไหมก็ไม่อาจรู้ได้ เพทายยิ้มบางให้ชายหนุ่มรุ่นน้องอีกครั้งก่อนจะขอตัวจากไป

“ผมคงต้องขอตัวไปทำธุระก่อนนะครับ ถ้าคุณภพจะกลับตอนไหนก็รบกวนโทรบอกผมด้วย ผมจะได้มาอยู่เป็นเพื่อนมัสยาต่อเอง” เพทายกำชับพร้อมกับหันไปส่งยิ้มกวนๆให้คนป่วยที่นั่งอมยิ้มอยู่บนเตียง

มัสยาหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาเพราะความรู้สึกประหลาดบางอย่าง นึกนับถือเพทายจริงๆที่เก็บความรู้สึกได้เก่งถึงขนาดนั้น ขนาดเขากำลังเจ็บปวดใจอยู่แท้ๆ แต่ก็ยังทำตัวร่าเริงได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หนำซ้ำยังไม่ลืมที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนเธออีกด้วย

อัมพิกามองตามแผ่นหลังจากชายหนุ่มที่เดินออกจากห้องไปทั้งที่ยังไม่ได้ฟังคำอธิบายของเธอ เรื่องราวทุกอย่างที่ออกมาจากปากของเพทายทำให้อัมพิกาได้รู้ว่าความจริงเขาเห็นเธอออกไปกับภพธรรมตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้ว แต่ก็ยังเลือกที่จะปิดปากเงียบ

ตอนนี้เธอได้ทำลายหัวใจของเพทายด้วยน้ำมือของตัวเองไปเสียแล้ว คนที่ดีกับเธอที่สุดกลับกลายเป็นคนที่ต้องเสียใจมากที่สุด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเลยสักนิด

ในเวลานี้อัมพิกาอดไม่ได้เลยที่จะรู้สึกเกลียดตัวเอง เธอมัวแต่เห็นเรื่องของปฐพีสำคัญจนลืมนึกถึงความรู้สึกของคนใกล้ตัว บางทีกว่าที่เธอจะแค้นได้สำเร็จ คนรอบข้างที่เธอรักอาจต้องจากไปทีละคนก็ได้

‘ไม่เด็ดขาด เธอจะไม่ยอมเสียเพทายไปแน่ๆ’

อัมพิกาคิดก่อนจะวางมีดลงบนจานผลไม้ที่ยังปอกไม่เสร็จอย่างร้อนรน จากนั้นก็รีบคว้ากระเป๋าถือแล้ววิ่งตามร่างสูงที่เพิ่งจากไปทันที ภพธรรมขยับจะตามไปเพราะสงสัยว่าทำไมจู่ๆอัมพิกาถึงได้วิ่งผลุนผลันออกไปอย่างนั้น แต่ทว่ามัสยากลับรั้งไว้พร้อมให้เหตุผล

“อย่าไปเลยภพ เราว่าคุณอ้อเขาอาจจะเจอปัญหาใหญ่อยู่ก็ได้นะ” แม้จะรู้สึกไม่เข้าใจในคำพูดของเพื่อนสาว หากแต่ภพธรรมก็ยอมทำตาม ร่างสูงจัดการปอกผลไม้ที่ยังไม่เสร็จต่อด้วยสีหน้าครุ่นคิด ที่มัสยาพูดก็น่าเห็นด้วยอยู่ไม่น้อย

บางที...อัมพิกาอาจกำลังเจอกับปัญหาใหญ่อยู่จริงๆก็ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel