ตอนที่ 3 ผิดสังเกต
อัมพิกาเดินฮัมเพลงเข้าบ้านไปอย่างมีความสุข เพราะวันนี้ภพธรรมพาเธอไปทานอาหารที่ภัตตาคารหรูแถมยังยังเอาอกเอาใจสารพัด ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความสุขเหลือเกินเมื่อเริ่มเห็นเค้าความพังพินาศของภิมุขมนตรีขึ้นมาบ้างแล้ว
ร่างสูงที่ยืนหลบอยู่ในมุมมืดลอบมองคนที่ตัวเองรักอย่างเจ็บปวด เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอัมพิกาถึงได้ดูมีความสุขนัก เพทายยืนนิ่งอยู่กับที่เพื่อรอให้เจ้าของร่างบางกลับเข้าไปในบ้าน จากนั้นเขาจึงเดินออกมาเงียบๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลอีกครั้ง
ผู้กำกับสมเกียรติมองลูกสาวคนสวยที่กำลังเดินตรงเข้าไปหาอย่างนึกชื่นชม วันนี้อัมพิกาดูมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาคิดอยากจะเอ่ยปากถาม แต่พอนึกไปนึกมาก็สรุปเอาเองว่าคงเป็นเพราะวันนี้อัมพิกาเปิดเทอมวันแรกกระมัง
“คุณพ่อขา วันนี้อ้อมีความสุขจังเลยค่ะ” อัมพิกาพูดขึ้นพร้อมกับตรงเข้าไปกอดบิดาอย่างเอาใจ มือใหญ่อบอุ่นของผู้กำกับสมเกียรติลูบไล้เรือนผมนุ่มสลวยอย่างเอ็นดู
“เอ ใครทำให้ลูกของพ่อร่าเริงจังนะวันนี้”
“อ้อยังไม่บอกคุณพ่อหรอกคะ ขออุบไว้ก่อน แล้วนี่อาการคุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะ” อัมพิกาถามไถ่อาการของเขาอย่างเป็นห่วง ใบหน้างามเปลี่ยนจากร่าเริงเป็นกังวลจนคนเป็นพ่ออดหัวเราะเบาๆออกมาไม่ได้
“ดูสิ ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว พ่อดีขึ้นมากแล้วล่ะ เมื่อเช้าแค่แน่นหน้าอกเท่านั้นเอง” คำตอบจากผู้สูงวัยกว่าทำให้อัมพิกายิ้มออกมาอย่างโล่งอก
“อ้อเป็นห่วงคุณพ่อมากนะคะ”
“ขอบใจมากนะลูก แต่พ่อไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ” ผู้กำกับสมเกียรติยังคงยืนยันคำเดิมอย่างหนักแน่น แม้รู้ดีว่าตัวเองกำลังป่วยหนักอยู่ก็ตาม
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะคะ คุณพ่อสัญญากับอ้อนะคะว่าถ้าอาการกำเริบขึ้นมาอีก คุณพ่อต้องยอมไปหาหมอ นะคะ” มือบางเขย่าแขนบิดาหนักๆอย่างเร่งเร้า ขอเพียงผู้กำกับสมเกียรติยอมให้สัญญา อัมพิกาก็คงเบาใจได้มากกว่านี้
“ได้สิ พ่อสัญญานะ แต่ลูกเองก็ต้องสัญญากับพ่อด้วยเหมือนกันนะว่าจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด” ผู้กำกับสมเกียรติให้สัญญาก่อนจะเป็นฝ่ายขอสัญญาจากเธอบ้าง ถึงแม้ว่าตำแหน่งเกียรตินิยมที่อัมพิกาได้รับจะการันตีความสามารถของเธอให้เขาได้เห็นเป็นอย่างดีอยู่แล้วก็ตาม
“ค่ะ อ้อสัญญานะ” อัมพิกาให้สัญญาอย่างเต็มใจ
“อ้อ พ่ออยากขออะไรลูกอีกสักอย่างได้ไหม” ผู้กำกับสมเกียรติเห็นหญิงสาวในอ้อมกอดเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เขาจึงตัดใจพูดขึ้นทั้งที่รู้ว่าอัมพิกาคงให้เขาไม่ได้แน่ๆ
“ลูกลืมเรื่องของนายปฐพีไปเถอะอ้อ พ่อว่า...” ยังไม่ทันที่ผู้กำกับสมเกียรติจะพูดจนจบประโยคดี อัมพิกาก็ผละออกจากอ้อมกอดของเขาอย่างรวดเร็ว สีหน้ายิ้มแย้มกลับกลายเป็นเรียบเฉย แววตาก็ไม่ได้บ่งบอกว่ากำลังรู้สึกอย่างไร
ผู้กำกับสมเกียรติรู้ดีว่าไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของเธอได้ง่ายๆ เพราะเขากับเพทายต่างก็พยายามมาหลายครั้งแล้ว อัมพิกายังคงยืนยันที่จะแก้แค้นทุกคนในภิมุขมนตรีให้ล่มจมเสมอ แต่ที่เขาต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกก็เพราะลางสังหรณ์บางอย่างทำให้นึกเป็นห่วงอัมพิกามากขึ้นทุกวัน
“อ้อขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อ” หญิงสาวโน้มตัวลงจุมพิตเบาๆที่ข้างแก้มสากระคายของบิดาก่อนจะขอตัวขึ้นข้างบนไป
ผู้กำกับสมเกียรติลอบถอนใจเฮือกใหญ่อยู่เพียงลำพัง เริ่มเข้าใจดีมากขึ้นแล้วแล้วว่าถึงอัมพิกาจะได้รับความสุขและความอบอุ่นจากเขามากเท่าไหร่ แต่มันก็ทดแทนให้เธอไม่ได้เลยสักนิดจริงๆ ไฟแค้นในใจของหญิงสาวลุกลามมากกว่าจะใช้ความรักมาทดแทนได้อีกแล้ว
เมื่ออาบน้ำชำระร่างกายให้ชุ่มชื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้วร่างบางก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มทันที ลืมนึกถึงชายหนุ่มอีกคนไปเสียสนิทเพราะสมองของเธอในยามนี้มีแต่ภาพใบหน้าของปฐพีและภพธรรมวนเวียนอยู่เท่านั้น
“ฉันจะแก้แค้นแกให้ได้ ปฐพี” อัมพิกาบอกกับตัวเองอย่างแน่วแน่ ก่อนจะหลับตาลงเพื่อปล่อยให้เรื่องวุ่นวายต่างๆหยุดพักเพียงแค่นี้
ภาพบิดาผู้ให้กำเนิดถูกสังหารด้วยฝีมือคนชั่วยังคงปรากฏอยู่ในมโนภาพของเธออยู่เสมอ แต่อัมพิกาก็ไม่ได้หวาดกลัวกับภาพพวกนั้นอีกต่อไปแล้ว เพราะมันคือสิ่งเดียวที่คอยเตือนใจเอาไว้ว่าเธอยังมีเรื่องที่จะต้องสะสางอีกเยอะ
‘สุดา’ สาวใช้ในบ้านเดินเข้าไปภายห้องนอนของหญิงสาวด้วยความเคยชิน อัมพิกามักจะให้เธอขึ้นไปปลุกในช่วงวันหยุดเสมอ
ทันทีสาวใช้คนสนิทเปิดผ้าม่านสีครีมออก แสงอาทิตย์อ่อนๆก็สาดส่องเข้ามาภายในห้องเพื่อบ่งบอกถึงเวลาของเช้าวันใหม่ทันที ร่างบางปรือตาขึ้นช้าๆก่อนจะส่งยิ้มให้สุดาเช่นทุกวัน
“ตื่นเถอะคะ คุณเพชรมารอคุณหนูนานแล้วนะคะ” สุดาเอ่ยบอกนายสาวก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมน้ำในอ่างอาบน้ำให้เธอ อัมพิกาเองผุดลุกขึ้นแทบจะในทันทีที่ทวนคำพูดของสุดาเสร็จ
จริงสิ...เมื่อวานเธอลืมเรื่องเพทายไปเสียสนิทเลย เรื่องของภพธรรมทำให้เธอลืมแม้กระทั่งจะโทรหาเขาเสียด้วยซ้ำ ร่างบางรีบจัดการกับตัวเองอย่างรวดเร็ว ในใจรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ปล่อยให้เขาไปรอรับเก้อที่มหาวิทยาลัย
ใช้เวลาเพียงไม่นานร่างแบบบางก็อยู่ในชุดเดรสสีขาวสะอาด ผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มถูกรวบไว้เป็นหางม้าทิ้งอยู่กลางหลัง ใบหน้าสวยคมแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางชั้นดีเฉกเช่นทุกวัน อัมพิกาลงมาชั้นล่างด้วยใบหน้ากังวลเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าจะแก้ตัวกับเพทายว่าอย่างไรถึงจะดูน่าเชื่อถือที่สุด
“พี่เพชร ทานอะไรมาหรือยังคะ” หญิงสาวเก็บสีหน้าวิตกกังวลเอาไว้ชั่วคราว เดินยิ้มร่าตามแบบฉบับสาวอารมณ์ดีตรงเข้าไปทักทายร่างสูงที่นั่งอยู่บนโซฟาสีขาวอย่างใจเย็น เพทายลุกขึ้นยืน สายตาคมจับจ้องอยู่ที่ใบหน้างามของคนที่ตนรักอย่างต้องการคำตอบ
“เมื่อวานอ้อไปไหน...กับใคร” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเครียด สีหน้าที่เรียบเฉยนั้นสร้างความหวั่นไหวให้หญิงสาวอยู่ไม่น้อยเพราะปกติแล้วเพทายจะพูดจาหยอกล้อกับเธอเสมอ
“เอ่อ คือว่าอ้อไปงานวันเกิดเพื่อนน่ะคะ” เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดพรายที่ใบหน้าเนียนเพราะความประหม่า แม้แต่สายตาที่เขามองมา เธอยังไม่กล้ามองตอบเสียด้วยซ้ำไป
“แล้วทำไมพี่โทรไปอ้อถึงไม่รับสายล่ะ” เพทายยังคงยิงคำถามที่ทำให้อัมพิกาลำบากใจขึ้นอีก
“อ๋อ ที่นั่นเสียงดังมากเลยคะ อ้อไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของพี่เพชร” อัมพิกาตอบอย่างรวดเร็วก่อนจะขยับเข้าไปโอบกอดร่างสูงอย่างเอาใจ
“จริงสินะ งานวันเกิดก็คงเสียงดังอยู่แล้วล่ะ” เพทายแสร้งทำเป็นเออออเห็นด้วยกับอัมพิกา เขาทำเหมือนกับว่าเชื่อคำพูดหลอกลวงนั้นเสียเต็มประดา เพียงเพราะอยากจะเฝ้าดูการกระทำของเธอต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะแน่ใจว่าอะไรเป็นอะไร
“ค่ะ อ้ออยากโทรหาพี่เพชรใจแทบขาด” อัมพิกายังคงเล่นละครไม่เลิก
“เหรอครับ งั้นทำไมกลับมาถึงบ้านแล้วไม่โทรหาพี่ล่ะ” อัมพิกานึกอยากกัดลิ้นตัวเองเสียจริงๆ เมื่อเจอคำถามใหม่ของเพทาย เธอไม่น่าจุดชนวนให้เขาถามต่ออีกเลย
“คือ...กว่าอ้อจะกลับมาถึงที่บ้านก็เกือบตีสองแล้วค่ะ ไม่กล้าโทรไปรบกวนพี่เพชรหรอก” คำตอบของคนตัวเล็กตรงหน้าทำให้เพทายนึกอยากมอบรางวัลนางเอกละครตุ๊กตาทองให้เธอเสียจริง เพราะเมื่อคืนตอนที่เขาเห็นเธอเดินฮัมเพลงเข้าบ้านไปมันยังไม่ถึงสามทุ่มเลยด้วยซ้ำ
เพทายไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมอัมพิกาต้องโกหกทั้งที่เขาเห็นกับตาแท้ๆว่าเธอออกไปกับภพธรรม และที่สำคัญ...เธอไม่รู้ตัวบ้างเลยหรือว่าการกระของตัวเองล้วนแล้วแต่ผิดสังเกตไปหมดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคำพูด ท่าทาง หรือแววตาวูบไหวจากดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั่นก็ด้วย
“อ้อขอโทษนะคะพี่เพชร ทีหลังอ้อจะไม่ทำให้พี่เป็นห่วงอีก” พูดจบหญิงสาวก็เขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มเขาเบาๆ เพทายยิ้มบางพร้อมกับกอดอัมพิกาตอบอย่างหลวมๆ ความคิดที่ยากจะหักห้ามพรั่งพรูเข้าสู่สมองจนทำให้เขาต้องคิดอย่างหนัก
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเหมือนกับว่าเธอไม่ใช่คนเดิม เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าการกระทำของเธอไม่ได้มาจากหัวใจ และเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกมั่นใจว่าเธออาจไม่ได้รักเขาสักนิดเลยด้วยซ้ำ
