บทที่2
เช้าวันแรกในหมู่บ้านชิงไห่
แสงเช้าสีทองส่องลอดหน้าต่างไม้เข้ามา หลิวเพิ่งตื่นได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ กับเสียงคนพูดภาษาจีนสำเนียงท้องถิ่นดังมาจากลานหน้าบ้านพัก เธอเดินออกไปก็พบชายร่างสูงในชุดเครื่องแบบป่าไม้สีเขียวเข้ม ยืนกอดอก สีหน้าขรึม
“คุณคือหมอหลิว?” เขาถามตรง ๆ น้ำเสียงเรียบจนฟังดูเย็นชา
“ใช่ค่ะ” หลิวตอบสั้น ๆ พลางมองสำรวจเขา — แววตาคมเข้ม ข้างเอวพกกล้องส่องทางไกล และด้านหลังมีเป้ภาคสนามขนาดใหญ่
“วันนี้คุณต้องไปกับเรา” เขาพูดต่อ “มีการลาดตระเวนในเขตอุทยานซานเจียงหยวน ทีมของเราพบร่องรอยฝูงลิงซ์เมื่อคืน”
หลิวเลิกคิ้ว “ฉันเพิ่งมาถึงเมื่อคืนเองนะคะ ยังไม่ได้เตรียมอุปกรณ์อะไรเลย”
หัวหน้าชุนมองเธอเหมือนประเมิน “ในป่าที่นี่ เราไม่รอให้ใครพร้อมหรอก ภารกิจของเจ้าหน้าที่ป่าไม้คือการลาดตระเวนและเฝ้าระวังพื้นที่ป่า ป้องกันการบุกรุกและการล่าสัตว์ รวมถึงติดตามสัตว์ป่าหายากอย่างพวกเสือดาวหิมะ หรือแม้แต่ลิงซ์ที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน”
หลิวเม้มปาก “แต่ฉันเป็นหมอ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ป่าไม้”
“ถ้าคุณจะทำงานในพื้นที่นี้ คุณต้องเข้าใจว่าหน้าที่เรามันเชื่อมกัน” เขาตอบทันควัน “สัตว์ป่าถูกทำร้าย คนในหมู่บ้านก็เสี่ยงโรคจากสัตว์ หรือถ้าเกิดไฟป่า เราก็ต้องช่วยกันทั้งทีม ไม่ว่าจะเป็นแพทย์หรือเจ้าหน้าที่”
เคนซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ รีบแทรก “หลิว เขาแค่หมายความว่าเราต้องร่วมมือกันทุกด้าน…แม้จะดูเข้มงวดไปหน่อย”
แต่หลิวกลับรู้สึกว่าคำพูดนั้นเป็นคำสั่งมากกว่าคำชวน สีหน้าของหัวหน้าชุนไม่เคยเปลี่ยนตลอดบทสนทนา จนเธออดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้…อาจเป็นคนประเภทที่ถือความคิดตัวเองเป็นใหญ่
ท้ายที่สุด หลิวก็ต้องขึ้นรถลาดตระเวนไปกับพวกเขา เสียงเครื่องยนต์ดังกลบความเงียบ แต่ในใจเธอกลับเต็มไปด้วยคำถาม — ไม่รู้ว่าเธอกับหัวหน้าชุนจะสามารถทำงานร่วมกันได้โดยไม่ปะทะกันอีกหรือไม่
....
กลางป่าเช้าวันนั้น – อุทยานแห่งชาติซานเจียงหยวน
รถลาดตระเวนหยุดลงตรงริมทางดินแคบ ๆ หัวหน้าชุนหันมาพูดสั้น ๆ
“จากตรงนี้เราต้องเดินเท้า ถนนเข้าไปต่อไม่ได้”
หลิวกอดเสื้อกันหนาวแน่น ลมหนาวพัดแรงจนรู้สึกเหมือนกัดผิว ความเงียบของป่าชิงไห่มีเพียงเสียงรองเท้าบดหิมะกรอบ ๆ กับเสียงลมพัดใบสนสั่นไหวเหนือศีรษะ
ต้นสนสูงชะลูดเรียงราย แสงแดดอ่อนลอดผ่านช่องกิ่งไม้เป็นลำ ๆ ละอองหิมะปลิวว่อนราวกับฝุ่นเงิน เคนที่เดินข้าง ๆ คอยช่วยจับแขนหลิวเวลาทางลื่น แต่หัวหน้าชุนเดินนำอย่างมั่นคง ไม่แม้จะหันมาดูว่าทุกคนตามทันหรือไม่
ไม่นาน เสียงเรียกเบา ๆ ของเจ้าหน้าที่ป่าไม้อีกคนก็ดังขึ้น
“หัวหน้า ดูนี่สิ!”
ทุกคนหยุด หัวหน้าชุนก้าวเข้าไปใกล้ ร่องรอยบนพื้นหิมะชัดเจน—รอยเท้ารูปวงรี ปลายแหลมของเล็บเฉือนลงบนผิวหิมะอย่างเฉียบ
“นี่คือลิงซ์” เขากล่าวเสียงต่ำ “มันเพิ่งผ่านไปไม่นาน”
หลิวก้มลงดูอย่างตื่นเต้น “แมวป่าตัวใหญ่ที่นี่หรอคะ?”
หัวหน้าชุนพยักหน้า “ใช่ ลิงซ์ในชิงไห่เป็นสัตว์ป่าหายาก พวกมันเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ถ้าพื้นที่นี้ยังมีฝูงอยู่ แปลว่าป่าของเรายังแข็งแรง”
เขาหยุดครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเหมือนพูดกับตัวเอง “เราต้องปกป้องมันจากพวกล่า…ไม่ว่ามันจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม”
คำพูดนั้นทำให้หลิวแอบมองใบหน้าที่ฉายชัดในแสงเช้า แววตาที่เคยแข็งกร้าวกลับแฝงความอ่อนโยนบางอย่าง แต่พอเขาหันกลับมา สายตาก็กลับเย็นเหมือนเดิม
“เราไปต่อ” เขาสั่ง
คณะเดินเท้าลึกเข้าไปในป่าอีกครั้ง กลิ่นดินชื้นปนกลิ่นไม้สนเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนทุกย่างก้าวกำลังพาหลิวเข้าสู่โลกที่ทั้งสวยงามและอันตราย—โลกที่หัวหน้าชุนคุ้นเคย แต่เธอเพิ่งเริ่มเรียนรู้
