บทย่อ
หลิวแพทย์อาสาจากไทย ได้ไปทำงานที่โครงการป่าไม้ซึ่งอยู่ในป่าลึก เพื่อรักษาชาวบ้านที่ห่างไกลและได้พบกับหัวหน้าป่าไม้ ชื่อชุนที่เคร่งครัดจนหลิวรู้สึกไม่ชอบหน้า ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกัน
บทที่1
เสียงประกาศจากเครื่องบินดังขึ้นเป็นภาษาจีนสลับอังกฤษ หลิวสูดลมหายใจลึก ความหนาวเย็นแผ่วแรกของชิงไห่ซึมผ่านเนื้อผ้าเข้ามา แม้ยังอยู่ในสนามบิน แต่กลิ่นอากาศที่แตกต่างจากเมืองไทยก็ทำให้หัวใจเต้นแรง ทั้งตื่นเต้นและกังวล
เธอก้าวพ้นประตูผู้โดยสารขาเข้า กระเป๋าสะพายพาดบ่า พลันสายตาก็สะดุดกับชายหนุ่มร่างสูง ผิวสีเข้มดั่งกาแฟคั่ว เขายิ้มกว้าง พลางโบกมือให้
“คุณหลิวใช่ไหมครับ?” น้ำเสียงไทยชัดเจนทำให้เธอประหลาดใจ
“ใช่ค่ะ…คุณพูดไทยได้?” เธอเลิกคิ้ว
เขาหัวเราะเบา ๆ “แม่ผมเป็นคนไทยครับ ผมชื่อเคน เป็นแพทย์อาสาเหมือนกัน”
ความรู้สึกอบอุ่นจากการได้ยินภาษาแม่ในต่างแดนทำให้เธอผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ทั้งคู่แลกคำทักทายเพียงไม่นาน ก็มีรถจี๊ปสีเขียวเข้มติดสัญลักษณ์กรมป่าไม้แล่นมาจอดตรงหน้า ชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบลงมา
“คุณหลิว? คุณเคน? ขึ้นรถเลยครับ หัวหน้าชุนสั่งให้รีบออกเดินทางทันที”
หลิวเหลือบมองท้องฟ้าที่เริ่มกลืนสีแสดลงในความมืด “คืนนี้เลยเหรอคะ?”
“ใช่ครับ ถึงจะมืดแต่หัวหน้าบอกว่ารอไม่ได้” น้ำเสียงของพนักงานป่าไม้หนักแน่น จนไม่เปิดช่องให้เธอปฏิเสธ
หลิวเม้มปาก เธอไม่รู้จักหัวหน้าชุนผู้นั้น แต่แค่ได้ยินคำสั่งแบบไม่เผื่อทางเลือก ก็รู้สึกไม่ค่อยชอบหน้าเสียแล้ว แม้จะยังไม่เคยเห็นเขาด้วยซ้ำ
รถจี๊ปออกตัวฝ่าความมืด เสียงเครื่องยนต์ประสานกับลมหนาวที่ตีเข้ากระจก ทิ้งเมืองไว้ข้างหลัง และพาหลิวมุ่งสู่หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางผืนป่าในชิงไห่ ที่เธอไม่รู้เลยว่ากำลังจะเปลี่ยนทั้งชีวิตของเธอไป
---
หลิวพยายามปรับตัวให้เข้ากับแรงกระแทกของรถที่กระเด้งไปตามถนนลูกรัง แสงไฟหน้ารถตัดกับความมืดเพียงไม่กี่เมตร เบื้องข้างเป็นแนวป่าสนสูงชะลูด เสียงลมพัดกิ่งไม้เสียดสีกันเป็นระยะ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกใครเฝ้ามองอยู่ในเงามืด
“ป่าที่นี่…ดูเงียบจนชวนขนลุกเลยนะ” หลิวเอ่ยขึ้น พลางกอดกระเป๋าเป้แน่น
เคนหัวเราะเบา ๆ “ผมว่าโรแมนติกออกนะ คุณลองคิดสิ…หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางป่า หิมะตกนิด ๆ มีเตาผิงอุ่น ๆ”
“นั่นมันในนิทานค่ะ ความจริงคงมีแต่หนาวกับยุง” หลิวตอบ พลางเหลือบมองคนขับรถ
ชายในเครื่องแบบป่าไม้เอ่ยขึ้นโดยไม่หันหน้า “คุณสองคนจะได้เจอหัวหน้าชุน เขาเข้มงวดหน่อย แต่เขาดูแลพื้นที่นี้มานานมาก ถ้าไม่มีเขา ป่านี้คงถูกพวกตัดไม้ทำลายไปแล้ว”
หลิวขมวดคิ้ว “เข้มงวดขนาดให้คนเดินทางตอนกลางคืนเลยเหรอคะ” น้ำเสียงเธอมีแววเหน็บเล็ก ๆ
คนขับเหลือบมองเธอในกระจก “หัวหน้ามีเหตุผลของเขาเสมอ”
บทสนทนาหยุดลง เหลือเพียงเสียงเครื่องยนต์กับลมหนาวที่สอดเข้ามาทางรอยแตกของประตูรถ ไม่นานนัก แสงจันทร์ก็เผยให้เห็นเงาภูเขาสูงตระหง่านไกลลิบ ราวกับกำลังค้ำฟ้า
ในใจหลิวเริ่มก่อความรู้สึกตึงเครียดแปลก ๆ — ผู้ชายชื่อหัวหน้าชุนที่เธอยังไม่เคยเห็นหน้า กลับสามารถกำหนดจังหวะชีวิตเธอตั้งแต่เหยียบแผ่นดินนี้ครั้งแรก และนั่น…ทำให้เธออยากเจอเขาเพื่อดูว่าเป็นคนแบบไหนกันแน่
....
รถจี๊ปแล่นฝ่าความมืดอีกเกือบชั่วโมง จนในที่สุดแสงไฟสลัวจากตะเกียงน้ำมันก็ปรากฏขึ้นประปราย หมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางหุบเขาเผยตัวในเงาจันทร์ บ้านไม้เก่าเรียงรายริมลำธารที่มีน้ำแข็งเกาะเป็นริ้วบาง ๆ
ทันทีที่รถจอด เสียงเห่าของสุนัขก็ดังขึ้นพร้อมฝีเท้าผู้คนที่ออกมาดู แม่บ้านชาวพื้นเมืองสูงวัยในเสื้อคลุมหนาห่มผ้าพันคอสีซีด เดินเข้ามา ยิ้มบาง ๆ ให้หลิวกับเคน
“คุณหมอคนใหม่หรือคะ? มาถึงดึกเลยนะ” เธอพูดภาษาจีนท้องถิ่นแต่ไม่เร่งร้อน น้ำเสียงอบอุ่นพอให้รู้สึกต้อนรับ
หลิวพยักหน้า เคนช่วยแปลให้ ก่อนที่หญิงชราจะก้มกระซิบอะไรบางอย่างกับคนขับรถ แล้วเหลือบมองหลิวด้วยสายตาเหมือนชั่งใจว่าจะพูดต่อดีหรือไม่
ในที่สุด เธอก็เอ่ยช้า ๆ “หัวหน้าชุน…เขาไม่ชอบคนจากข้างนอก”
หลิวชะงัก “หมายความว่ายังไงคะ?”
หญิงชราส่ายหน้า “พรุ่งนี้คุณก็จะรู้เอง”
ลมหนาวพัดแรงขึ้น เหมือนเป็นสัญญาณว่าการมาถึงครั้งนี้ ไม่ได้มีเพียงงานแพทย์อาสาให้หลิวต้องรับมือ แต่ยังมีบางอย่างที่รอทดสอบหัวใจและความกล้าของเธออยู่ในป่าแห่งนี้

