ตอนที่2.
“คุณหนูขอรับ”
“คุณหนูเจ้าขา”
บ่าวบางคนแหงนหน้าขึ้นมองก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติ เมื่อมองหน้ากันไปมาแล้วไม่ได้คำตอบก็ต่างแยกย้ายตามหาคนละทิศทางเพื่อตามหาคุณหนูผู้แสนซุกซน
“ไม่เจอกันกี่ปีเจ้าก็ยังหาเรื่องให้ท่านแม่ปวดหัวอยู่เรื่อย”
เสียงบุรุษดังขึ้นพร้อมกลั้วหัวเราะในลำคอ ข้างขวาของหญิงสาวเป็นบุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายหญิงสาว ส่วนด้านซ้ายนางนั้นคือบุตรชายของมือขวารองแม่ทัพซานม่านหวา หญิงสาวรู้สึกถึงเงาของใครอีกคนด้านหลัง ชายผู้นั้นมีเส้นผมสีอ่อนทว่าดวงตาใต้แสงตะวันนั้นมีประกายน้ำตาลเจิดจ้า
“ซิ่นหลิง กันอี๋ ซาโม่! พวกเจ้ากลับมาแล้ว!”
บุรุษหนุ่มทั้งสามคลี่ยิ้มให้หญิงสาวเพียงหนึ่ง ยังไม่ทันเอ่ยปากถามไถ่อะไร เสียงจากด้านล่างตะโกนเรียกคนข้างบน
“พวกพี่เป็นลิงกันหรือไร ลงมาคุยกันข้างล่างได้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่รออยู่”
แน่นอนว่าคนที่ส่งเสียงอยู่ด้านล่างคือ ‘ซิ่นสือ’ น้องชายคนเล็กที่อายุเพียงสิบสี่ปี ทว่าท่าทางองอาจไม่แพ้พี่ชายทั้งหลายทำให้เขาฉายแววความหล่อเหลาไม่น้อย
“เจ้ามั่นใจว่าท่านแม่จะไม่ลงโทษข้าแล้วรึ” หญิงสาวเพียงคนเดียวยังคงกังวลอยู่ แต่ทำให้บุรุษที่อยู่ด้านขวามือของนางแหงนหน้าหัวเราะ
“เจ้านี่นะ กี่ปีก็ยังเหมือนเดิมจริงๆ”
“ใครจะไปเหมือนเจ้าเล่า ดูซิ! ไม่เจอกันไม่เท่าไร ไยหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้” นางยื่นมือไปแตะแก้มอีกฝ่ายเบาๆ นางจำได้ดีว่าตอนที่ยังเป็นเด็กเล็กซุกซนนั้น ทั้งสองหน้าตาเหมือนกันมาก หากสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกันก็เหมือนเสียจนใครต่อใครแยกไม่ออก
“ถ้าพวกท่านไม่รีบลงมา ข้าว่าท่านแม่โกรธจริงๆ แล้วละ” ซิ่นสือส่งเสียงเตือนไปอีกครั้ง “แต่ถึงท่านแม่ลงโทษจริง พี่หญิงก็น่าจะชินแล้วนี่”
ถ้อยคำของซิ่นสือทำให้บุรุษทั้งสามหัวเราะออกมา รวมทั้งกันอี๋ที่เป็นคนพูดน้อยชอบทำหน้านิ่งไร้อารมณ์อยู่เสมอ ยามนี้เขายังอดกลั้นทนหัวเราะไม่ไหว
“ไป! พวกเราส่งนักโทษให้ท่านแม่เพื่อเอาความดีความชอบกันเถอะ!”
เป็นซิ่นหลิงที่เอ่ยขึ้นแล้วไม่รอให้หญิงสาวเตรียมใจ เขาโอบเอวเล็กของ ‘น้องสาวฝาแฝด’ แล้วกระโดดลงมาอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนใบไม้แทบไม่ขยับไหว
เมื่อทั้งสองยืนได้มั่นคงแล้ว หญิงสาวจึงได้หายใจหายคอเป็นปกติ นางเงยหน้าขึ้นมองแล้วทำท่าจะตำหนิต่อว่าที่พานางกระโดดลงมาไม่บอกกล่าวก่อน แต่เมื่อรู้ตัวนางถึงกับต้องแหงนหน้ามองอีกฝ่าย
“ทำไมเจ้าตัวสูงอย่างนี้ แล้วนี่...ไหล่ก็กว้างขึ้น แผ่นอกนี่ก็แข็งอย่างกับหินผา” นางเคาะหลังมือกับแผ่นอกของอีกฝ่ายทำเหมือนเคาะมือกับกำแพง
“ข้าเป็นบุรุษย่อมตัวสูงและแข็งแกร่งขึ้นเป็นธรรมดา แต่ดูท่าทางเจ้า...ความสามารถด้านวรยุทธคงไม่ขยับไปจากเมื่อตอนห้าขวบเสียแล้ว”
“นี่!” หญิงสาวกระทืบเท้าชี้นิ้วเรียวใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ
“เอาน่าพวกท่าน ประเดี๋ยวค่อยทะเลาะกันเถอะ แต่ตอนนี้พี่หญิงรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เอ่อ อาบน้ำเลยก็ดี”
หญิงสาวในชุดบุรุษทำหน้างุนงงแล้วยกแขนขึ้นดมกลิ่นกายตัวเอง นางถึงกับทำหน้าแหย เพราะเกรงว่าจะกลับมาไม่ทันเวลา นางถึงกับมุดรอดรูทางหมารอดตรงกำแพงด้านหลังตำหนัก ท่าทางของนางทำให้บุรุษทั้งหมดส่งเสียงหัวเราะพรืดอย่างไม่เกรงใจ หญิงสาวหันมาขึงตาใส่แต่ดูเหมือนไม่อาจหยุดเสียงหัวเราะนั้นได้ นางจึงเชิดใบหน้าขึ้นยืดแผ่นหลังตรงแล้วเดินอย่างสง่ารีบกลับเรือนของตนเองทันที
บุรุษวัยสี่สิบห้าลอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นภรรยาสุดที่รักยอมลดความโกรธเคืองในตัวลูกสาวคนเดียวลง แม้เวลานี้ภรรยาของเขาจะอายุสามสิบหกแล้วและเป็นมารดาของบุตรสามคน ทว่ายังคงใบหน้าอ่อนเยาว์และอ่อนโยนไม่ต่างจากวันวาน
ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นสามี นางกลับขึงตาใส่ พาลเอาความโมโหมาลงที่ตัวผู้เป็นบิดาแทน
“เพราะท่านพี่ตามใจนางนัก นางจึงเอาแต่ใจตัวเอง ทำอะไรไม่คิดถึงผู้อื่นเลยสักนิด”
