ตอนที่1.ว่ากันว่า...
หญิงสาวร่างเล็กในชุดของบุรุษเสื้อผ้าเนื้อหยาบวิ่งหน้าตาตื่นมาจากด้านหลังของตำหนักชินอ๋อง ดวงหน้าอ่อนหวานปรากฏเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นราวกับตากฝน และเพราะนางมุดรอดรอยแยกของกำแพงด้านหลัง ทำให้เส้นผมที่เกล้ามวยเยี่ยงบุรุษนั้นหลุดลุ่ยลงมาเคลียบ่า ทว่ากลับขับเน้นความงามบนใบหน้าจิ้มลิ้มดุจหญิงสาววัยสิบเจ็ดปี
“คุณหนู ทางนี้เจ้าค่ะ”
“น้าจื่อเหยี่ยน”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเห็นบ่าวคนสนิทของมารดามายืนรอด้วยอาการ
กระสับกระส่าย นางยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งเข้าไปหา จื่อเหยี่ยนส่ายหน้าไปมาพลางยื่นมือไปหยิบเศษใบไม้ออกจากศีรษะและลูบผมให้อย่างรวดเร็ว
“ไยคุณหนูกลับมาช้านักเจ้าคะ”
“ท่านแม่ออกมาจากห้องสวดมนต์แล้วหรือ?”
“ยังเจ้าค่ะ ตอนนี้ปี้เอ๋อร์คอยดูต้นทางให้อยู่ คุณหนูรีบกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า”
“อืม” หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างโล่งอก ทันใดนั้นเอง นางเสียวสันหลังวาบจนไม่กล้าหันไปมองไอเย็นที่แผ่มากระทบแผ่นหลังของนาง
“ดูต้นทาง? ดีมาก ดีจริงๆ”
“ทะ...ท่านแม่”
หญิงสาวโอดครวญในใจไม่กล้าหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเยือกเย็นด้านหลัง มารดาของนางแม้มีจิตใจงดงามมีเมตตา ตั้งโรงทานทุกสิบห้าวัน ซ้ำยังสวมมนต์ไหว้พระสม่ำเสมอ ทว่ากับลูกสาวคนเดียวอย่างนาง กลับไม่เคยโอนอ่อนผ่อนปรนกฎระเบียบใดๆ ทั้งสิ้น แต่หันหลังให้แบบนี้ท่านแม่จะยิ่งโกรธหนักยิ่งขึ้น นางจึงจำใจหันกลับมา พอเห็นท่าทางโกรธขึงของมารดาก็ทำให้นางทำหน้ามุ่ย แต่ไร้แววสำนึกผิด
“ฮวาเอ๋อร์ อีกสามวันจะถึงวันบวงสรวงเทพมังกรดิน แม่ให้เจ้าอยู่ในเรือนฝึกฝนเพลงพิณและเตรียมตัวเข้าพิธีแต่เจ้ากลับหนีออกนอกตำหนัก!”
“ท่านแม่ ...ลูกรับหน้าที่เชิญดอกไม้บูชาเทพมังกรดินตั้งแต่อายุสิบสอง เรื่องเหล่านี้ต่อให้หลับตาทำลูกก็ไม่มีทางทำพลาดเด็ดขาด หรือถ้าพลาดจริงเทพมังกรดินก็ไม่มีทางโกรธลูกแน่นอน”
“ยังกล้าเถี่ยงแม่อีกรึ! เทพมังกรดินมิใช่ผู้ที่เจ้าจะล่วงเกินได้ หากไม่ใช่เพราะเทพมังกรดินเมตตาช่วยเหลือ...”
“ท่านแม่! ลูกทราบดียิ่งว่าเทพมังกรดินช่วยเหลือท่านพ่ออย่างไรและช่วยปกป้องผู้คนในตุนหวง!” นางฟังเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่เกิด จดจำได้ดียิ่งนัก!
“เจ้าจดจำได้ดียิ่งแต่ไม่ปฏิบัติตามเช่นนี้ เรียกว่าไม่สำนึกในบุญคุณก็ว่าได้ เห็นทีพ่อเจ้าตามใจเจ้าเกินไปแล้ว ครั้งนี้แม่ต้องลงมือลงโทษเองเสียแล้ว”
เห็นท่าทางเอาจริงของมารดาแล้ว หญิงสาวถึงกับสะดุ้งโหยง นางหมุนตัวแล้วออกวิ่งสุดฝีเท้า
“ซิ่นฮวา!” มารดาตะโกนเรียก เห็นแผ่นหลังของลูกสาววิ่งหนีสุดชีวิต นางได้แต่ยื่นมือชี้นิ้วไปที่แผ่นหลังของนาง “เจ้ากล้าหนีแม่เรอะ!”
“ลูกไม่ได้หนี ลูกแค่เอาตัวรอดเจ้าค่ะ”
ถูกแล้ว! คนเราต้องรู้รักษาเอาตัวรอดถึงจะเรียกว่ายอดคน! นางอ่านตำรามามากแต่จำไม่ได้เหมือนกันว่าเล่มไหน หญิงสาวรู้ว่ามารดาวิ่งตามไม่ทันแน่ แต่บ่าวรับใช้คนอื่นวิ่งตามแทนมารดาแล้ว ไม่ได้การ! เห็นทีว่าครั้งนี้มารดาเอาจริงเสียด้วย หญิงสาวคิดจะไปหาบิดาให้ช่วยออกหน้าแก้ตัว เอ๊ย! แก้ต่างให้นางอีกสักครั้ง อย่างน้อยอยู่ต่อหน้าบิดา มารดามักจะลงมือกับบิดาแทนเสมอ
ร่างเล็กในชุดบุรุษเนื้อผ้าหยาบกระด้าง คาดเดาว่าเวลานี้บิดาต้องทำงานอยู่ที่ห้องอักษร นางจึงใช้เส้นทางวิ่งผ่านสวนกระจ่างใจเพื่อไปให้ถึงบิดาให้เร็วที่สุด
“คุณหนู! คุณหนูหยุดเถิดเจ้าค่ะ!”
แม้ไม่มีวรยุทธ์ แต่เรื่องวิ่งหนีนั้น ใครก็ตามนางไม่ทันแน่ เสียงบ่าวไพร่ตะโกนเรียก นางเพียงเหลียวมองด้วยหางตาเห็นคนกลุ่มใหญ่วิ่งตามหลังนางมา หญิงสาวรีบเร่งฝีเท้าเพิ่มขึ้น ทว่าเมื่อวิ่งผ่านต้นไม้ใหญ่ ร่างของนางก็ถูกฉุดขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนราวกับนางหายตัวได้ ใบไม้กิ่งไม้ไร้การขยับเคลื่อนไหว บ่าวไพร่ที่วิ่งตามหลังมาไกลๆ เมื่อมาถึงจุดที่คุณหนูหายตัวราวกับล่องหนได้ ต่างเหลียวมองรอบกายกันอย่างงุนงง
