ตอนที่28.ไยต้องมาพบกันที่นี่อีกนะ!
“ข้าซ่งเหว่ยหนาน ขอคารวะท่านหญิงซิ่นฮวา”
หญิงสาวรับการทักทายของเขา ใบหน้าไร้รอยยิ้ม ฝืนทำเป็นไม่สนใจ
แววตาไหวระริกที่คล้ายยั่วล้อนางอยู่ นางซ่อนมือในเสื้อแขนกว้างของตนแล้ว
กำหมัดแน่น
ไยต้องมาพบกันที่นี่อีกนะ!
“ซ่งเหว่ยหนานเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองแคว้นหาน” บิดาอธิบายเพิ่มเติมเมื่อทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว
“บุตรชายเจ้าเมืองแคว้นหานมาเยือนเมืองเล็กๆ อย่างตุนหวงนั้น นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ซิ่นฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบและถ่อมตนอยู่ในที แสร้งทำเป็นมองไปยังผู้ติดตามของชายผู้นั้น ไม่อยากเห็นแววตาที่คล้ายยิ้มเยาะนางอยู่
“วันนี้มีวาสนาได้มาเยือนทันงานพิธีบวงสรวงเทพมังกรดิน ได้ยินคำร่ำลือมานาน ได้เห็นกับตาครั้งนี้ ช่างตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก” ผู้ติดตามวัยกลางคนเอ่ยขึ้นไม่ปิดบังท่าทางชื่นชมในตัวหญิงสาวเลยสักนิด
ซิ่นฮวารู้สึกแปลกๆ ในใจกับประโยคที่ได้ยินจึงปรายตามองไปยังซิ่นหลิงที่นั่งอยู่ใกล้บิดา นางเห็นเพียงเขาขยับไหล่เล็กน้อย ท่าทีคล้ายบอกว่าไม่ใช่เรื่องน่ากังวลใจอะไรนัก
“ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดต้องการพบข้าหรือ?” นางไม่ชอบความคลุมเครือเช่นนี้จึงได้เอ่ยปากถามตรงไปตรงมา
“แคว้นหานแห้งแล้งติดต่อกันมานานสามปีแล้ว” ซ่งเหว่ยหนานเอ่ยขึ้น สายตายังจับจองที่หญิงสาวร่างเล็กเบื้องหน้า “วันนี้ได้เห็นท่านหญิงซิ่นฮวาทำพิธีบวงสรวงเทพมังกรดินแล้วเกิดฝนตก เป็นเช่นที่ผู้อื่นร่ำลือกันจริง จึงปรารถนาขอเชิญท่านหญิงไปที่แคว้นหานเพื่อทำพิธีบวงสรวงเทพมังกรดิน”
“เรื่องความแห้งแล้งที่แคว้นหานได้รับนั้น ข้าพอทราบมาบ้าง” ซิ่นฮวานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง เรื่องแคว้นหานแห้งแล้งยาวนานสามปีไร้ฝนตกลงสักคราวเดียวนั้น นางได้ยินมา แต่ไม่คิดว่าแคว้นหานจะมาเชิญนางไปเช่นนี้
“ทว่าการพิธีบวงสรวงเทพมังกรที่ชาวตุนหวงของพวกเราจัดขึ้นนั้น จุดประสงค์คือขอพรให้เทพมังกรดินคุ้มครองผู้คนที่เดินทาง การที่มีฝนตกนั้นเป็นเพียงการตอบรับของเทพมังกรดินว่าได้ยินคำสรรเสริญของพวกเรา มิใช่พิธีกรรมที่ทำขึ้นเพื่อขอฝน”
กล่าวให้ถูกต้อง เทพมังกรดินมิได้มีหน้าที่บันดาลให้ฝนตก หากแต่ดูแลพื้นดินและสายน้ำ ทว่าเทพมังกรดินฮวงหลงเป็นเทพมังกรดินขั้นสูง เป็นเทพนักรบที่มีพลังในการปราบมารปีศาจ จึงมีพลังในการบันดาลฝนให้ตกลงมาได้
หากนางขอร้องด้วยเหตุผล เทพมังกรดินอาจจะบันดาลฝนให้ตกลงมาก็เป็นได้
“ฝนที่ตกในวันนี้อาจเล็กน้อยสำหรับท่านหญิง แต่สำหรับชาวเมืองแคว้นหาน เป็นเสมือนสายฝนที่มาต่อลมหายใจสุดท้ายของพวกเขา”
หญิงสาวระบายลมหายใจบางเบา หันไปสบตากับมารดาเพื่อขอความคิดเห็น ปกติมารดาไม่ออกมานั่งคุยกับผู้อื่นเช่นนี้ แต่บิดาคงเห็นว่าเรื่องนี้มารดาเป็นที่ปรึกษาให้นางได้ จึงยอมให้มารดานั่งอยู่ข้างกายด้วย
“ท่านแม่ ลูกไม่มั่นใจ”
มารดาตบหลังมือบุตรสาวเบาๆ โน้มหน้ากระซิบถ้อยคำที่ได้ยินเพียงสองคน “แคว้นหานยามนี้ประสบภัยแล้งหนักสาหัสนัก ชาวบ้านเดือนร้อนนับหมื่นคน คำวิงวอนของเจ้าอาจช่วยแบ่งเบาความทุกข์ยากนี้ได้บ้าง”
“ลูกเกรงจะทำไม่สำเร็จ”
“เจ้าลองทำหรือยังล่ะ”
หญิงสาวกัดริมฝีปาก มารดาของนางจิตใจอ่อนโยนมีเมตตา ผู้ใดเดือดร้อนย่อมปรารถนาช่วยเหลือ ใจดีประหนึ่งพระโพธิสัตว์ แต่กับลูกสาวคนเดียวกลับเข้มงวดนัก หญิงสาวลอบมองยังชายหนุ่มที่แสร้งทำเป็นยกน้ำชาขึ้นจิบ แต่ดวงตาลอบมองกิริยาของนางอยู่นั้น ทำให้นางต้องตัดสินใจด้วยตนเอง
“หากข้าทำประโยชน์ให้ผู้อื่นได้ย่อมยินดีช่วยเหลือ ทว่าข้าไม่อาจรับปากได้เต็มคำนักว่าจะสำเร็จหรือไม่”
"ขอเพียงท่านหญิงยินดีช่วยเหลือ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ข้าผู้เป็นตัวแทนแคว้นหานขอรับรองว่าจะไม่กล่าวตำหนิท่านหญิงและยังจะให้การดูแลอย่างดียิ่ง”
