ตอนที่25.ข้าบอกว่าไม่มีก็คือไม่มีสิ
“หากจิตใจไม่สงบ ฝืนไปก็ไร้ความหมาย” อาจารย์หลีจิ้นชิวเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านหญิงซิ่นฮวาพักผ่อนให้สบายใจก่อนเถิด”
“เจ้าค่ะ”
หญิงสาวรับคำรอจนอาจารย์หลีจิ้นชิวก้าวเดินออกไปแล้ว นางจึงลุกขึ้นยืนโดยมีซิ่นหลิงยื่นมือไปช่วยประคองนางลุกขึ้นยืน ซาโม่ที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้ไม่ไกลนักเหวี่ยงตัวเองลงมายืนอยู่เบื้องหน้า ยกมือปัดปลายจมูกของตนเองเล่นอย่างเคยชินแล้วจ้องมองซิ่นฮวา
“ตั้งแต่กลับมาจากหอนางโลม เจ้าดูแปลกพิกล”
ซาโม่พูดอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความที่เป็นลูกครึ่งมนุษย์หมาป่า ประสาทสัมผัสของเขาค่อนข้างไว สถานที่คนพลุกพล่านซ้ำจิตใจยังสกปรกโสมมทำให้เขารู้สึกอึดอัดจึงเลี่ยงไปเอกเขนกบนหลังคาหอนางโลม มิได้เข้าไปด้านใน
“พี่จ้าวต้าก็มิได้ฟ้องท่านแม่มิใช่หรือ?” ซิ่นหลิงเองเป็นกังวลนัก
เมื่อวานกันอี๋มาตามเขาในห้องพิเศษ เขาเลือกหญิงงามได้แล้วแต่รอ
ซิ่นฮวาเข้ามาในห้อง อย่างไรเขาก็เป็น ‘พี่’ ให้นางเห็นเขาจุมพิตสตรี ดีกว่าให้นางเห็นบุรุษอื่นจุมพิตหรือร่วมรักหลับนอนกับหญิงอื่น ซึ่งจริงๆ เขาเองไม่คิดจะทำอะไรมากไปกว่าจุมพิตหญิงคณิกาให้น้องสาวฝาแฝดได้เห็นนั่นแหละ นางจะได้เลิกวุ่นวายใจเสียที
แต่กลายเป็นว่าพ่อบ้านจ้าวต้า หรือพี่จ้าวต้าที่พวกเขาเรียกติดปากนั้น กลับจากการเดินทางค้าขายเป็นตัวแทนมารดา บังเอิญผ่านมาทางหอนางโลมและจำซิ่นฮวาได้ แม้นางสวมอาภรณ์ของบุรุษก็ตามที พ่อบ้านจ้าวต้ารู้จักนิสัยซุกซนเกินเหตุของซิ่นฮวาดีจึงรีบตามเข้ามา ทำให้แผนการทั้งหมดพังไม่เป็นท่า ซิ่นฮวาถูก
พ่อบ้านจ้าวต้าพากลับตำหนัก ส่วนกันอี๋ที่ไม่รู้เรื่องราวใดมาตามกลับมาด้วย ทั้งหมดจึงกลับโดยไม่ได้ทำในสิ่งที่ซิ่นฮวาต้องการ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อย
แต่อาการเหม่อลอยนี้ แม้นางพูดย้ำหนักหนาว่าไม่เป็นอะไร แต่เขา-
ซิ่นหลิง ไม่เชื่อนางอย่างสุดจิตสุดใจ ทว่าเมื่อนางไม่พูด เขาจึงได้แต่เฝ้ามองเพื่อจับพิรุธของนาง ทำให้คว้าสายกู่เจิงไว้ได้ทัน
“ข้าบอกว่าไม่มีก็คือไม่มีสิ”
นางขึ้นเสียงหมุนตัวเดินออกมาแสร้งทำเป็นชื่นชมความงามของดอกไม้ในสวนกระจ่างใจ นางชอบสวนดอกไม้ของมารดามาก ยามเรียนกู่เจิงจึงขอให้อาจารย์หลีจิ้นชิวมาสอนที่นี่
“เจ้าเป็นเช่นนี้แล้ว วันพรุ่งนี้จะขึ้นบวงสรวงเทพมังกรดินได้อย่างไร”
เพียงได้ยิน ‘เทพมังกรดิน’ ซิ่นฮวาพลันได้สติ ถูกแล้ว นางมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ต้องทำ นางมิใช่เด็กเล็กที่เอาแต่ใจตนเอง หญิงสาวระบายลมหายใจเบาๆ หันมาทางซิ่นหลิงแล้วเอ่ยขึ้น
“ไม่เห็นกันอี๋เลย ถูกท่านน้าจื่อเหยี่ยนดุเอาหรือเปล่า”
ซิ่นหลิงพยักหน้ารับ แม้เรื่องที่นางซุกซนเข้าไปในหอนางโลมจะรู้กันแค่พวกเขาและพ่อบ้านจ้าวต้าไม่ปริปากพูดเรื่องนี้นอกจากกำชับไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก แต่กันอี๋ที่โกหกใครไม่เก่งนักถูกบิดามารดาของตนเองสอบถาม ด้วยความเป็นคนโกหกไม่เก่ง กันอี๋เลือกที่จะปิดปากสนิท ด้วยเหตุนี้จึงถูกกักบริเวณให้วันนี้อยู่ในเรือนของตน
“ประเดี๋ยวข้าจะไปพูดกับน้าจื่อเหยี่ยนเอง” นางเอ่ยออกมา “เมื่อวาน ขณะที่ข้ากำลังเดินไปที่ห้องพิเศษ ข้าได้ยินเหมือนคนสนทนากัน แต่จับใจความทั้งหมดไม่ได้ แต่ต้องมีแผนการบางอย่างที่จะลงมือในงานบวงสรวงเทพมังกรดิน”
“อย่างนั้นรึ” ซิ่นหลิงได้ยินเช่นนั้นแล้วก็เข้าใจไปว่าที่นางเหม่อลอยเพราะเรื่องนี้ “ปกติตุนหวงก็มีผู้คนมากมายหลากชนเผ่าเดินทางผ่านอยู่แล้ว แต่ช่วงงานบวงสรวงชาวบ้านจะเฉลิมฉลองดื่มกินดุจงานรื่นเริง อาจขาดความระแวดระวังไปบ้าง อย่างไรข้าจะคอยดูแลความเรียบร้อยก็แล้วกัน”
“อืม” ซิ่นฮวาพยักหน้ารับ
“เจ้ากังวลแค่เรื่องนี้” ซิ่นหลิงหรี่ตามอง ส่วนหนึ่งในใจไม่เชื่อว่านางจะเหม่อลอยเพราะเรื่องนี้เรื่องเดียว
“ข้าย่อมเห็นความสงบของบ้านเมืองเป็นสิ่งสำคัญ” นางเชิดปลายคางขึ้น กลบเกลื่อนเรื่องที่ทำให้ว้าวุ่นใจไปเสีย
ซิ่นหลิงจ้องมองใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกันเบื้องหน้าแล้วคลี่ยิ้มออกมา
