ตอนที่21.อ่อนน้อม
กันอี๋ควบม้าอย่างไม่เร่งรีบนัก ซิ่นหลิงนัดหมายเวลาและห้องที่เลือกไว้แล้ว เพื่อให้เขาพาซิ่นฮวาตามไปพอดี เขายอมรับว่าความคิดของนางช่างแปลกประหลาดนัก แต่ก็นั่นแหละ มันไม่แปลกเลยถ้าหากเป็นความคิดที่มาจากสมองน้อยๆ ของ
ซิ่นฮวา เพราะนางมักมีความคิดแปลกประหลาดเช่นนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว
ใบหน้าที่มักเรียบเฉยอยู่เสมอปรากฏรอยยิ้ม นางเป็นเช่นนี้ตั้งแต่ยังเด็กจนเติบโตเป็นหญิงสาวงามสะพรั่งยังคงเป็นเช่นเดิม แม้เป็นบุตรีแสนรักของท่าน
อ๋องเฟยเทียนแต่นางกลับไม่เคย...ไม่เคยสักครั้งที่ใช้ยศศักดิ์ฐานะของตนข่มเหง
ผู้อื่น
เขารู้ดีว่าในหัวใจของนางมีใครคนหนึ่งยืนเต็มพื้นที่หัวใจอยู่นานแล้ว
ซิ่นฮวาในอาภรณ์ของบุรุษมองอาคารที่อยู่เบื้องหน้า พลันในใจกลับบังเกิดความลังเล นี่นาง...ช่างกล้าขนาดนี้เพียงเพื่อชายผู้นั้น คนที่อยู่ด้านหลังลงจากม้าก่อนแล้วจึงยื่นมือไปหมายจะอุ้มนางลงมา แต่ซิ่นฮวารู้ตัวก่อน ตนเองแต่งกายเป็นบุรุษจะให้บุรุษด้วยกันมาอุ้มลงจากม้าได้อย่างไร นางเบี่ยงตัวหลบ สายตาของทั้งคู่ปะทะกัน กันอี๋หรี่ตาเล็กน้อยก็เข้าใจอีกฝ่ายได้ทันที เขายอมถอยห่างให้หญิงสาวในชุดบุรุษลงจากม้าอย่างงามสง่า แม้นางไม่เป็นวรยุทธแต่เรื่องทักษะการขี่ม้าของนางชำนาญไม่ต่างจากบุรุษเลยสักนิด
กันอี๋แสดงท่าทีอ่อนน้อมประหนึ่งเป็นเพียงบ่าวไพร่ กิริยาของเขาทำให้
ซิ่นฮวาเบ้ปากใส่ด้วยความไม่พอใจ แต่กระนั้นยังสวมบทเป็นคุณชายให้กันอี๋นำเข้าไปด้านใน เมื่อพบเสี่ยวเอ้อ เขาเป็นฝ่ายเอ่ยปากบอกห้องที่ตนเองต้องการ เมื่อเดินด้วยกันแล้ว กันอี๋จึงโน้มหน้าลงกระซิบ
“ซิ่นหลิงจองห้องไว้แล้ว ห้องนี้เป็นห้องใหญ่ติดกันสองห้อง เวลานี้เขาเลือกสตรีเข้าไปปรนนิบัติ รอให้ท่านหญิง เอ่อ คุณชายเข้าไปขอรับ”
ซิ่นฮวาพยักหน้าหงึกหงักแต่หัวใจเต้นโครมคราม นางเคยแอบเข้าหอนางโลมอยู่สองสามครั้ง มาช่วยคน มาสืบข่าว แน่นอนว่า หอนางโลมล้วนเป็นแหล่งข่าวชั้นเยี่ยม! แต่ที่เข้ามาล้วนมีเหตุผลอื่น แต่ไหนแต่ไรซิ่นหลิงมักเจ้าแผนการอยู่เสมอ คิดแล้วก็ยิ้มกว้าง นางคิดถูกแล้วที่ปรึกษาเรื่องนี้กับซิ่นหลิง!
แต่! ไม่อยู่ตุนหวงตั้งห้าปี ไฉนกลับรู้ว่าหอนางโลมแห่งนี้มีห้องพิเศษเช่นนี้ด้วย!
เดินขึ้นบันไดมาที่ชั้นบน ห้องพิเศษที่ว่าอยู่ด้านในสุด มีระเบียงส่วนตัวมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองตุนหวงได้เด่นชัด หญิงสาวในชุดบุรุษหนุ่มนึกขึ้นได้รีบหมุนตัวกลับใช้ฝ่ามือดันแผ่นอกของกันอี๋ไว้ก่อน ทำให้ชายหนุ่มมองมือเรียวที่ทาบอยู่บนหน้าอกของตนอย่างงุนงง
“เจ้าไม่ต้องตามข้าไป”
“เหตุใดมิใช้ข้า เอ่อ บ่าวติดตามไปด้วย”
“ข้าก็เขินอายเป็นนะ” นางพูดเสียงเบา
ใบหน้าหวานแดงระเรื่อขึ้นมา “เจ้ารอด้านนอก หรือไม่ก็...หาหญิงงาม
สักคนมาปรนนิบัติ ข้าจะออกเงินให้เจ้าเอง”
กันอี๋เห็นมือเล็กเลื่อนลงไปหยิบถุงเงินแล้วส่งให้เขา ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาเผลอยิ้มน้อยๆ นึกเอ็นดูท่าทางไร้เดียงสาที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว
“เช่นนั้น บ่าวรอที่ชั้นล่างนะขอรับ”
“อืม”
ซิ่นฮวาพยักหน้ารับมองกันอี๋ที่เดินกลับไปทางเดิม นางหมุนตัวกลับมาแล้วก้าวเดินได้เพียงสองก้าว ประสาทหูที่ค่อนข้างไวของนางได้ยินบางประโยคเข้าทำให้หันขวับไปทิศทางที่ได้ยินทันที
“วันงานบวงสรวงเทพมังกรดิน ชาวเมืองจัดงานเฉลิมฉลองสนุกสนานไม่มีผู้ใดใคร่สนใจนัก เราฉวยจังหวะนี้ลงมือย่อมดีที่สุด”
“หุบปาก!”
ร่างเล็กในชุดบุรุษสาวเท้าไปตามเสียงที่ได้ยิน ว่ากันว่ามารดาของนางได้ยินเสียงเหล่าพฤษาพูดคุย และเพื่อช่วยบิดาต่อกรกับปีศาจกระหายเลือด มารดาฝืนผนึกที่ปิดโสตประสาทการได้ยินจนโลหิตไหลรินจากหูทั้งสองข้าง นั่นเป็นสาเหตุให้บางครั้งมารดาไม่ได้ยินผู้อื่นสนทนา แต่กระนั้นมารดาก็ใช้วิธี ‘อ่านปาก’ เมื่อครั้งยังเยาว์วัยนางกับซิ่นหลิงเล่นสนุกซุกซนถูกมารดาจับได้และลงโทษ นางน้อยใจมารดาจำไม่ได้ว่าตนเองพูดอะไรออกไปแต่หันหลังให้ ทำให้มารดาไม่ได้ยินเสียงของนาง ทำให้มารดาน้อยใจไม่ยอมพูดคุยกับนาง บิดาต้องมาช่วยไกล่เกลี่ยให้ทำให้มารดาหายโกรธ
