ตอนที่17.เจ้าอยู่เพียงผู้เดียวเช่นนี้มานานเท่าใดแล้ว
“มีสิ่งใดต้องการเรียกใช้กระหม่อม โปรดบัญชามาได้พะย่ะค่ะ”
“เจ้าไม่เชื่อหรือไรว่าข้าแค่เรียกเจ้ามาสนทนาเล่นเท่านั้น” เทพหนี่วาหัวเราะน้อยๆ “เจ้าเองก็เพิ่งเสร็จสิ้นผนึกช่องโหว่งไตรภูมิเสร็จสิ้น ยังมิได้พักผ่อนเลยมิใช่หรือ?”
ฮวงหลงเพียงอ้าปากเล็กน้อยแล้วตัดสินใจไม่เอ่ยสิ่งใด เขาจึงยิ้มบางๆ อย่างเหนื่อยล้า มารร้ายสร้างความวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน พื้นพสุธาเสมือนจุดเชื่อมโยงทั้งสามโลก มนุษย์ สวรรค์ นรก เขาผู้เป็นเทพมังกรดินปกป้องสรรพสิ่งบนพื้นพิภพยอมต้องดูแลจัดการให้เรียบร้อย ทว่าเขาเองชาชินกับภารกิจที่แบกรับเหล่านี้แล้ว
นานเท่าใดแล้วที่เขาชินชากับเรื่องเหล่านี้
พันปี สองพันปี หรือมากกว่านั้น
เห็นความเหม่อลอยของเทพมังกรดินแล้ว เทพหนี่วาเพียงหัวเราะเบาๆ ด้วยความที่เห็นเขาเป็นเช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว
“ข้าได้ชาดีมาจากเทพบุปผา ลิ้มรสแล้วดียิ่งนัก จึงจะมอบให้เจ้า”
“ขอบพระทัย”
“เจ้าอยู่เพียงผู้เดียวเช่นนี้มานานเท่าใดแล้ว”
บุรุษหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจเหตุใดเทพหนี่วาเอ่ยถามเช่นนี้ หากแต่ปรายตามองใบชาที่อยู่ในกล่องไม้สลักลายสวยงามแล้ว เขาพลันเข้าใจ
ความหมาย ทำให้ไม่กล้ายื่นมือไปรับกล่องใส่ใบชานั้นมา
“ฮวงหลง หากเจ้าปรารถนาจะอยู่เดียวดาย ข้าคงมิอาจขัดขวาง แต่นั่นใช่หนทางที่เจ้าเลือกหรือ?”
บุรุษเจ้าของเส้นผมสีเงินยวงเผยรอยยิ้มที่เห็นได้น้อยครั้งนัก เพียงเท่านี้เทพหนี่วาไม่เอ่ยปากถามสิ่งใดอีก เมื่อสิ่งที่ต้องพูดก็ได้กล่าวไปแล้ว เทพหนี่วาจึงยื่นกล่องใส่ใบชาส่งให้ ฮวงหลงยื่นมือไปรับไว้แล้วกล่าวขอบคุณอีกครั้ง ถวายความเคารพหมุนตัวเดินกลับออกมา ระหว่างทางพบเหล่าเทพธิดา ใบหน้างดงามของเหล่าเทพธิดาประดับรอยยิ้ม ทว่าในดวงตานั้นมีรอยหม่นเศร้า เขาเดินผ่านอย่างไม่ใคร่ใส่ใจแต่เมื่อเดินลงมาที่บันได สายตาอดมองหาดอกโม่ลี่ฮวาไม่ได้
กลีบดอกสีขาวพิสุทธิ์กับกลิ่นหอมอ่อนจาง เคยเห็นจนชินตา แต่เมื่อวันหนึ่งไม่เห็นจึงรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เช่นเดียวกับที่รู้สึกว่าระยะนี้ไร้ ‘เสียงเรียก’ ที่ทำให้เขารำคาญใจนัก
เจ้าของเส้นผมสีเงินยวงส่ายหน้าไปมา มองดอกไม้อยู่ดีๆ ไฉนคิดถึงเจ้าเด็กดื้อรั้นคนนั้นไปได้
นั้นสิ! เงียบหายไปเลย เป็นอะไรไปหรือเปล่านะ
ฮวงหลงมองกล่องใส่ใบชาในมือเผลอระบายลมหายใจอย่างไม่รู้ตัว แล้วพาตัวเองกลับมาตำหนักของตน แม้เขาจะเป็นเทพมังกรดินที่มนุษย์ให้ความเคารพบูชา แต่เมื่อนับศักดิ์ในเผ่าพันธุ์มังกร เขาเป็นเพียงเทพนักรบเท่านั้น หน้าที่เขาของคือจัดการเหล่าภูตมารปีศาจและเทพมังกรแตกแถว
เมื่อร่างสูงโปร่งเดินออกมานอกตำหนักของเทพหนี่วาแล้ว เขาหยุดอยู่ครู่หนึ่ง ภูติวิหคนาม ‘ส่านเตี้ยน’ (ฟ้าแลบ) โบยบินผ่านกลีบเมฆมาปรากฏเบื้องหน้า ปีกสีฟ้าสดสวยยามกระพือปีกราวกับมีรัศมีอยู่รอบตัว ฮวงหลงเพียงยกมุมปากเป็นรอยยิ้ม
“กลับไปก่อนเถิด ข้าจะแวะไปเยี่ยมเยือนสหายสักหน่อย”
ภูติวิหคทำท่าคล้ายไม่พอใจ แต่มันยอมกระพือปีกอีกสองสามครั้งกลายร่างเป็นเพียงนกน้อยตัวหนึ่งเท่านั้น เทพมังกรดินส่ายหน้าไปมา ยื่นมือไปเบื้องหน้าให้ภูติวิหคเกาะท่อนแขน และใช้มืออีกข้างโบกไปมา ร่างของทั้งคู่มาปรากฏในสวนดอกไม้ของคฤหาสน์หลังหนึ่ง ฮวงหลงเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคยราวกับเป็นบ้านของตนเอง ที่ศาลาหกเหลี่ยมนั้นมีกระดานหมากวางอยู่พร้อมทั้งเม็ดหมากสีขาวดำในตำแหน่งเดิมที่เคยอยู่ตรงนี้เมื่อราว...
“หายไปเป็นเดือน ข้าคิดจะคว่ำกระดานหมากนั้นทิ้งเสียแล้ว”
“นานขนาดนั้นเลยรึ” ฮวงหลงคลี่ยิ้มแล้วปล่อยให้ส่านเตี้ยนบินไปจิกกินเมล็ดทานตะวันที่วางใส่จานกระเบื้องสวยที่ตั้งไว้ให้ราวกับรอคอยผู้มาเยือน
“ท่านเป็นเทพ จะไปรู้อะไร ” คนตำหนิหัวเราะเบาๆ แล้วเคลื่อนรถเข็นมาใกล้ แม้จะวัยเพียงยี่สิบปีแต่เส้นผมกลับเป็นสีขาวทั้งศีรษะราวกับคนอายุเจ็ดสิบ
