ตอนที่15.มีที่ไหนกัน! ว่าที่ลูกเขยอายุมากกว่าว่าที่พ่อตา!
แม้ภายนอกนางดูเรียบร้อยอ่อนหวาน ว่านอนสอนง่ายไม่โต้ตอบใคร แต่ความจริงนางซุกซนเกินจะหาคำมาบรรยาย รักความถูกต้องไม่ชอบเห็นใครถูกเอาเปรียบ นางจิตใจดีเช่นนี้เขาจึงยิ่งเป็นกังวล เขาจึงล่อหลอกให้นางเรียนรู้เรื่องการใช้พิษไว้เพื่อป้องกันตนเอง แม้มารดาจะไม่เห็นด้วยนักแต่ก็นับว่าเป็นทางออกที่น่าจะดีที่สุดสำหรับบุตรสาว และที่ทั้งสองคิดตรงกันคือจะไม่บังคับให้บุตรสาวต้องแต่งงาน หากนางรักใคร่ผู้ใดก็ยินดีให้นางได้แต่งงานใช้ชีวิตกับคนผู้นั้น
แม้ตกลงกันไว้เช่นนี้ บิดาผู้รักและห่วงลูกสาวมากยังไม่อาจวางใจได้ ต่อให้แสร้งทำเป็นไม่เห็น แต่รู้อยู่เต็มอกว่าบุตรสาวมีใจให้เทพมังกรดิน แต่ก็ไม่อาจยอมรับได้ นอกจากความแตกต่างระหว่างเทพกับมนุษย์แล้ว อายุยังห่างกันเป็นพันปี
มีที่ไหนกัน! ว่าที่ลูกเขยอายุมากกว่าว่าที่พ่อตา!
มีหรือเรื่องนี้ชายารักจะไม่เข้าใจ ใบหน้าอ่อนโยนกลั้นหัวเราะ สีหน้าของนางทำให้ฝ่ายสามีทำหน้าตึง
“เจ้าก็เข้าข้าง ‘พี่ชาย’ คนดีของเจ้าเสียเหลือเกิน” เขาย่อมรู้ว่าเทพผู้นั้นเคยมีใจให้หนิงเหมยมาก แรกๆ ที่รู้ว่าลูกสาว ‘มองเห็น’ เทพมังกรดิน เขาโมโหแทบคลุ้มคลั่งจนอยากยกเลิกพิธีบวงสรวงเทพมังกรดินเลยทีเดียว ลูกสาวของเขายังอ่อนเยาว์ไร้เดียงสา ต้องถูกเทพผู้นั้นล่อลวงเป็นแน่ เขาโยนความผิดทุกอย่างไปที่เทพมังกรดินแต่เพียงผู้เดียว ไม่สนใจคำอธิบายของฝ่ายภรรยาเลยสักนิด
“ท่านพี่” นางยื่นมือไปลูบไหล่สามี “บางเรื่องราวมันเป็นเรื่องของ
พรหมลิขิต พวกเขาอาจมีวาสนาต่อกันก็เป็นได้”
“วาสนาอะไรกัน เทพกับมนุษย์จะครองรักกันได้อย่างไร” ฝ่ายสามียังไม่ยอมแพ้ อย่างไรเข้าใจไม่ได้ เห็นอยู่ตำตาว่าเส้นทางรักครั้งนี้ไม่มีทางราบรื่นสมหวัง เขาจึงไม่ต้องการให้ลูกรักถลำลึกไปกว่านี้
“ก็สุดแท้แต่พวกเขาทำกรรมดีร่วมกันมากน้อยเพียงใด” นางอมยิ้ม “เพียงพริบตาเด็กๆ ก็โตกันแล้วนะเพคะ”
เสียงถอนหายใจยาวก่อนจะพยักหน้ารับ “ใช่ เหมือนเมื่อวานนี้พวกเขายังแย่งกันนอนหนุนตักเจ้าอยู่เลย”
ทั้งสองนึกถึงลูกๆ ที่ยังเป็นเด็กเล็กๆ ยามที่ลูกคนใดคนหนึ่งทำผิด ที่เหลือจะเข้ามาขอร้องแทนคนที่ทำผิด บางครั้งก็ลากเอาบิดามาเป็นโล่ แต่สุดท้ายไม้เด็ดของเด็กๆ คือมาแย่งกันหนุนตักของมารดา
“ไม่รู้ไปเอาความคิดพิเรนทร์มาจากไหน ซิ่นฮวาแต่งกายเป็นชายยังไม่เท่าไร ซิ่นหลิงแต่งกายเป็นหญิงนี่นะ”
นางหัวเราะออกมาจนได้ ฝาแฝดคู่นี้ก็เหลือเกินจริงๆ แต่ซิ่นหลิงแม้จะเป็นเด็กชายแต่เมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็กนั้น หน้าตาอ่อนหวานพิมพ์เดียวกับซิ่นฮวา เมื่อใส่ชุดเด็กหญิงของซิ่นฮวาก็ทำให้ผู้คนสับสน มองอย่างไรก็เป็นเด็กหญิงแสนน่ารัก ทำให้ซิ่นสือที่เป็นน้องเล็กร้องโวยวายจะใส่ชุดเด็กผู้หญิงบ้าง
“ตอนนี้ซิ่นหลิงถอดแบบท่านมาจนแทบจะเรียกได้ว่าพิมพ์เดียวกัน คงใส่ชุดสตรีทำอะไรพิเรนทร์ตามใจซิ่นฮวาไม่ได้อีกแล้ว”
สองสามีภรรยาหัวเราะให้กัน เขาเป็นคนรักลูกมาก ใครก็ดูออก และเขาไม่ปิดบังความรักที่มีต่อลูกๆ เลย ในวัยเด็กที่บิดาผู้เป็นถึงฮ่องเต้หมางเมินต่อเขาที่เป็นลูกชายของผู้หญิงที่บิดาไม่รักใคร่ แทบจำความรู้สึกที่บิดาจับมือจูงเดินไม่ได้เลย เมื่อถึงเวลาที่เขาได้กลายเป็นบิดา เขาไม่ลังเลหรือเกรงคำติฉินนินทาของผู้ใด อุ้มเจ้าตัวเล็กไว้ในวงแขน ถ้าลูกร้องอยากขี่คอเขาก็ยอมให้ขี่คอ ลูกป่วยไข้ไม่สบาย เขาก็คอยเฝ้าช่วยเช็ดตัวให้ลูกด้วยสองมือของตนเอง จูงมือพวกเขาเดิน จับมือพวกเขาฝึกเขียนชื่อตัวเอง จดจำได้แม้กระทั่งวันที่ลูกๆ เปล่งเสียงเรียก ‘พ่อ’ ‘แม่’ ครั้งแรก
ทั้งสองพึงพอใจที่ให้เด็กๆ เรียก ‘ท่านพ่อ’ ‘ท่านแม่’ ใช่ชีวิตครอบครัวแสนธรรมดา ละทิ้งคำว่าเชื้อพระวงศ์และยศศักดิ์ไว้เบื้องหลัง กินอาหารมื้อเย็นร่วมกัน และมักมีเสียงหัวเราะทุกครั้ง
มือเรียวยื่นไปแตะแก้มของชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า ดวงตาที่มองมีความหมายลึกซึ้ง “หม่อมฉันทำความดีใดไว้หนอจึงได้ครองคู่กับท่านอ๋อง ได้มีครอบครัวที่อบอุ่นเช่นนี้”
