ตอนที่12.เจ้าเด็กเกินกว่าจะรู้ว่าความรักคือสิ่งใด
“หรือพี่ชายมีคนที่รักอยู่แล้ว”
“ไม่มี”
“หรือพี่ชายรังเกียจข้า”
“ย่อมไม่ใช่เช่นนั้น”
“แล้วเหตุใดรับข้าเป็นเจ้าสาวมิได้”
“เจ้าเป็นมนุษย์ ข้าเป็นเทพ มิอาจครองรักหรือใช้ชีวิตร่วมกันได้”
เขาเผชิญหน้ากับนาง แต่พอเห็นแววตาปวดใจของนางแล้ว เขากลับปวดใจยิ่งกว่า
“ข้าไม่สน” นางพูดเอาแต่ใจตามประสาลูกสาวคนเดียวที่มีแต่คนเอาอกเอาใจ “ขอแค่พี่ชายรักข้า ข้ารักพี่ชายก็พอแล้ว”
เห็นเขานิ่งงันไป ใบหน้าเด็กสาวจึงเหลือเพียงความหม่นหมอง
“พี่ชายเป็นเทพคงพูดปดไม่ได้สินะ”
นางสูดลมหายใจลึกรู้สึกแสบจมูกและร้อนที่ขอบตา เด็กสาวจ้องมองใบหน้าชายหนุ่มเบื้องหน้า เมื่อครั้งที่ยังเด็กกว่านี้ นางเพียงแค่เห็นเขาเป็นบุรุษรูปงาม นอกจากท่านพ่อแล้วและพี่น้องผู้อื่นแล้ว เขาเป็นบุรุษคนเดียวที่ใกล้ชิดนาง ไม่ว่านางมีเรื่องใด เขาคือคนแรกที่นางคิดถึง
ก่อนนั้นเพราะเห็นดวงตาเปลี่ยวเหงาของเขา จึงหาเรื่องเรียกเขาเพื่อจะได้เห็นเขาถอนหายใจเบื่อหน่าย แสร้งทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็ช่วยเหลือนางทุกคราไป นานวันเข้านางจึงรู้ว่าภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งคือความอบอุ่นอ่อนโยนที่นางอยากเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว
นางจึงอยากเป็นเจ้าสาวของเขา
“หรือพี่ชายยังรักท่านแม่ของข้าอยู่”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่านางรู้ได้อย่างไรแต่เรื่องนั้นมันก็นานมากแล้ว เหลือเพียงความห่วงใยให้นางเท่านั้น บุรุษเจ้าของเส้นผมสีเงินยวงอับจนซึ่งหนทางและถ้อยคำ
“อ๊ะ!”
เด็กสาวตกใจ นางไม่รู้ตัวว่ากำลังร้องไห้!
แต่ไหนแต่ไร นางเป็นคนที่มีแต่คนรักห้อมล้อมอยู่รอบกาย ไม่เคยมีเรื่องใดให้ต้องเสียใจถึงขนาดต้องหลั่งน้ำตาเช่นนี้ เด็กสาวขยับตัวถอยห่างจ้องมองเขาอย่างปวดใจ แต่เขากลับคว้าข้อมือนางไว้ ดึงนางเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าของนางให้แหงนขึ้นจ้องมองดวงตาของเขาจนสะท้อนเห็นเงาตัวเองในดวงตาของกันและกัน
“เจ้าเด็กเกินกว่าจะรู้ว่าความรักคือสิ่งใด”
“ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว อีกสองวันข้าก็จะ...”
นางยังโต้เถียงเขา นางเห็นเขาโน้มหน้าลงมาจึงหลุบตาลงทันทีด้วยความเขินอาย ลมหายใจอุ่นของเขาเป่ารดดวงหน้านาง เด็กสาวรีบลืมตาขึ้นส่ายหน้าไปมา รู้สึกร่างกายไร้เรี่ยวแรงและอ่อนยวบลงไปในวงแขนของเขาเข้าสู่ห้วงนิทราไป
หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง คราวนี้นางเอนตัวลงบนเตียง นางเปิดเผยความรู้สึกตัวเองก่อนเช่นนี้ นางหมายมั่นตั้งใจว่าจะเป็นเจ้าสาวให้เขา เขาเองก็ทำเหมือนไม่เคยมีเรื่องนั้นเกิดขึ้น ในวันเกิดปีที่สิบหกปีที่แล้ว นางทวงของขวัญวันเกิดจากเขา นางขอให้เขาหลับตา นางตั้งใจเป็นฝ่ายจุมพิตเขา แต่เพราะความสูงที่ต่างกันมาก นางเขย่งจนสุดปลายเท้าก็ยังไม่ถึงริมฝีปากของเขา พลันร่างกายเสียหลักโถมเข้าใส่เขาเสียอีก แผนการขอจุมพิตเป็นของขวัญวันเกิดจึงล้มไม่เป็นท่า กระนั้นนางก็ยังไม่สิ้นหวัง ปีนี้นางหมายมั่นจะต้องทำทุกวิถีทางให้เขาเป็นของนางให้จงได้
‘เมื่อมีของที่ชอบก็ต้องไขว่คว้ามา จะรอให้ร่วงหล่นจากฟ้าคงไม่มีวันได้ครอบครอง’
นางจำที่รองแม่ทัพซานม่านหวาพูดได้อย่างดี นางจำไม่ได้หรอกว่าวันนั้นพูดคุยเรื่องใด แต่นางสะดุดใจกับประโยคนี้ รองแม่ทัพซานเป็นหญิงที่ห้าวหาญไม่เหมือนหญิงใด แม้บางครั้งมารดาจะทักท้วงว่าไม่เหมาะสม แต่นางก็เห็นด้วย ในเมื่อบุรุษจีบสตรีได้ ไยนางจะจีบบุรุษก่อนไม่ได้เล่า
นางแอบเสาะหาหนังสือ ‘อย่างว่า’ มาศึกษาแต่ก็ยังงุนงงกับภาพที่เห็น รูปร่างของพี่ชายใหญ่โตออกป่านนั้น เกิดนอนทับนางตามรูปในหนังสือมีหวังนางต้องแบนแน่ๆ แต่ก็มีรูปที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายนั่งอยู่บนตักผู้ชาย ทว่า...มาลองนึกดู ตั้งแต่ห้าขวบนางก็นั่งตักเขาตั้งไม่รู้กี่ครั้ง แถมปีนป่ายกอดคอขี่หลังอีก มิเห็นเขาจะมีท่าทางหวั่นไหวอะไรกับนางเลย
“มันต้องเห็นของจริงสักครั้งสิ” นางฝึกเล่นพิณครั้งแรกก็ยังต้องทำตามที่อาจารย์สอน หากเรื่องอย่างว่านั้น ถ้านางได้เห็นสักครั้งย่อมรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะมัดใจชายได้
ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงเป็นเหตุผลให้นางอยากไปหอนางโลม เพื่อจะได้ให้เห็นสักคราว่าเรื่องระหว่างชายหญิงเขาทำกันอย่างไร
หวังว่าซิ่นหลิงจะช่วยนางนะ ไม่สิ! นางรู้ดีว่าซิ่นหลิงต้องช่วยนางให้บรรลุแผนการในครั้งนี้!
